ฉันรู้จักพงมาตั้งแต่เขายังสูงแค่เอว
ตอนนั้นเขาวิ่งเล่นในซอย ขี่จักรยานคันเก่า ๆ ผ่านหน้าร้านผลไม้ฉันทุกวัน
แต่ละวันเขามักหยุดมาทัก มาช่วยยกกล่อง หรือแค่ยืนคุยเล่นใต้ต้นมะม่วง
สิบกว่าปีผ่านไป...เด็กคนนั้นค่อย ๆ โต กล้ามแขนขึ้น ช่วงตัวยืดยาว ใบหน้าคมขึ้นจนฉันต้องแอบมองเงียบ ๆ บ่อยครั้ง
เขาอายุสิบแปดเต็ม สู้งาน ขยัน และยังซื่อใสเหมือนเดิมในบางมุม
แต่ในบางครั้ง...สายตาที่เขามองฉัน ไม่เหมือนเด็กข้างบ้านอีกต่อไป
วันนั้น ฉันเหมาแตงโมล็อตใหญ่จากสวน ได้มาเต็มกระบะ
ตอนเช้าฉันโทรหาเขา
“พง บ่ายนี้ว่างไหม มาช่วยป้าขนแตงโมหน่อยสิลูก”
“ได้ครับป้า เดี๋ยวผมไป”
เขาตอบเร็วเหมือนตั้งใจรอฟังคำชวน
บ่ายวันนั้น อากาศร้อนจนไอแดดเต้นระยับบนลานดิน
เหงื่อเขาหยดลงคอ เสื้อยืดสีเทาของเขาเปียกแนบเนื้อ ฉันเห็นแล้วใจสั่นเองแบบไม่รู้ตัว
ตอนฉันก้มยกแตงโม...ฉันรู้สึกได้ทันทีว่าสายตาเขาจ้องอยู่
จ้องไม่ใช่ที่แตงโม แต่เป็นตรงร่องเสื้อยืดสีดำของฉันที่มันเปิดเวลาโน้มตัวลง
“อย่ามัวมองแตงโมป้า เดี๋ยวก็มืดพอดี”
ฉันหลุดพูดออกไป ทั้งที่พยายามเก็บอาการ
เขาสะดุ้งเล็ก ๆ หน้าแดง แต่ไม่ละสายตา
เรายกแตงโมกันจนหมดแรง ก่อนมานั่งพักใต้ต้นมะม่วง ม้านั่งหินอ่อนเดิมที่เราเคยนั่งคุยตอนเขายังเด็ก
ฉันหยิบมีด จะผ่าแตงโมให้เขากินดับร้อน
“อยากกินแตงโมไหม เดี๋ยวป้าผ่าให้...”
เขาเงยหน้ามองฉัน ยิ้มบาง ๆ แต่แววตากลับคมกว่าที่เคยเห็น
“ผมอยากกินแตงโมป้ามากกว่า...”
ทุกอย่างเงียบชั่วขณะ ลมหายใจเหมือนค้างอยู่กลางคอ
ฉันวางมีดลงข้างตัวช้า ๆ
ค่อย ๆ เลื่อนมือไปจับชายเสื้อยืดสีดำที่เปียกเหงื่อ
แล้วฉันก็เลิกมันขึ้นช้า...จนถึงเนินอก
ผิวขาวโค้งอวบเผยออกมาเหมือนแตงโมลูกย่อม ๆ
นุ่ม แน่น ขาวสะอาด จนฉันเองยังได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นชัด
เขามองไม่กะพริบ
ฉันหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะกระซิบ
“อยากกินก็เอาสิ…”
คำนั้นเหมือนปลดกุญแจบางอย่างในตัวเขา
พงค่อย ๆ โน้มหน้าเข้ามา มือสองข้างประคองเอวฉันไว้แน่น
ริมฝีปากเขาแตะเบาที่อกฉัน ร้อน วาบ และซ่านไปทั้งร่าง
เสียงลมหายใจเราสองคนดังแทนบทสนทนา
ฉันหลับตา ปล่อยให้ทุกสัมผัสเกิดขึ้น โดยไม่ผลัก ไม่ห้าม ไม่อาย
เขาละเลียดอย่างอ่อนโยนแต่ลึกซึ้ง
เหมือนเด็กหนุ่มที่ได้ลิ้มรสผลไม้หวงห้ามครั้งแรก
ฉันได้แต่กดมือแน่นลงบนไหล่เขา กายสั่นเหมือนใบมะม่วงต้องลม
ในค่ำวันนั้น...ไม่มีแตงโมผลไหนหวานเท่ารสชาติจากอกของฉันอีกแล้ว
และไม่มีใครต้องผ่าแตงโมแบ่งกันอีกต่อไป
เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าฉัน...ได้กิน “แตงโมของป้า” จนหมดใจ