ในรถยนต์คันหรูที่แล่นไปบนถนนยามราตรี ท่ามกลางความเงียบงันที่หนักอึ้งกว่าปกติ ราม กำพวงมาลัยแน่น สายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ภาพสะท้อนที่เห็นกลับไม่ใช่แสงไฟของเมืองใหญ่ ทว่าคือใบหน้าซีดเซียวของ ธาม น้องชายเพียงคนเดียวที่กำลังรอคอยการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในวันพรุ่งนี้
ข่าวจากหมอดังก้องอยู่ในหู "อาการของธามวิกฤตมากครับคุณราม ถ้าไม่ได้หัวใจใหม่ภายใน 24 ชั่วโมงนี้..." คำพูดที่เหลือไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้จบ รามรู้ดีถึงความหมายของมัน ความคิดบางอย่างที่มืดมิดแต่ชัดเจนผุดขึ้นในห้วงคำนึงตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาล หัวใจของเขาเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งสลับกับความรู้สึกว่างเปล่าที่กัดกินมานานแสนนาน
"พี่อยากยกหัวใจของพี่ให้แกจัง..." รามพึมพำกับตัวเอง เสียงพร่าราวกับอากาศธาตุ นั่นคือสิ่งแรกที่เขาคิด แต่ในความเป็นจริง การบริจาคอวัยวะจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่ออวัยวะสำคัญอย่างหัวใจนั้นเป็นไปไม่ได้เลย มันเหมือนเส้นทางที่ถูกปิดตายแต่ความคิดนี้ก็ไม่เคยจางหายไป
จู่ๆ รามก็เบรกรถอย่างกะทันหันจนตัวโยนรถหรูที่เพิ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงชะลอตัวและหยุดสนิทอยู่กลางทางเปลี่ยวสายลมยามค่ำคืนพัดวูบเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ รามเอื้อมมือไปยังลิ้นชักหน้ารถ ควานหากระดาษและปากกาที่มักจะพกติดตัวไว้เสมอ มือที่สั่นเทิ้มบรรจงเขียนอะไรบางอย่างลงไปอย่างเร่งรีบตัวอักษรหวัดเฉียงแต่คมชัด ราวกับเร่งรัดให้ทันเวลาที่กำลังจะหมดลง เขากำกระดาษแผ่นนั้นไว้แน่นจนยับยู่ยี่หัวใจที่เคยว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
นี่คงจะเป็นวิธีเดียวที่เขาสามารถช่วยเหลือน้องได้... ความเจ็บปวดจากความรักที่พังทลายเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ชีวิตของเขามืดมิดและไร้ความหมาย เขาเคยคิดที่จะจบมันลงนับครั้งไม่ถ้วน แต่ที่ผ่านมาที่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็เพียงเพื่อจัดการสะสางเรื่องราวต่างๆ ที่ค้างคาให้เรียบร้อย รวมถึงเรื่องของธาม... ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแล้ว
รามเงยหน้าขึ้นมองไปยังสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่เบื้องหน้า มันทอดยาวเป็นเงาดำมืดตัดกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา หัวใจของเขาเหมือนถูกปลดปล่อยจากพันธนาการที่มองไม่เห็น แรงกดดันที่เคยแบกรับมาตลอดชีวิตพลันมลายหายไปเหลือเพียงความสงบเย็นอันน่าประหลาด
ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตได้คุ้มแล้ว... หากการเสียสละครั้งนี้จะช่วยน้องได้ เขาก็ยอม
เท้าของรามกดคันเร่งจมมิดเสียงเครื่องยนต์คำรามกึกก้องรถหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง เขามองตรงไปยังขอบสะพาน ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความว่างเปล่าบัดนี้ฉายแววแน่วแน่ ความตายไม่ได้น่ากลัวสำหรับเขาอีกต่อไป หากมันคือทางเดียวที่จะรั้งน้องชายสุดที่รักไว้ในโลกใบนี้ได้ เขาก็ยินดีที่จะก้าวข้ามผ่านมันไป
"ขอโทษ ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ขอโทษทุกคน หัวใจของพี่ต่อไปนี้พี่ยกให้แกนะธาม ขอให้หัวใจดวงนี้เข้ากับแกได้ดี ชาติหน้ามีจริงเราคงได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก" สิ้นสุดคำพูดเขาก็หลับตาลง นึกถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
โครม!!!
เสียงสนั่นหวั่นไหวที่ดังกว่าฟ้าร้อง รถหรูชนเข้ากับขอบสะพานอย่างจังด้วยความเร็วที่ไม่อาจควบคุมได้ ร่างของรามถูกกระแทกเข้ากับเข็มขัดนิรภัยอย่างแรง กระจกหน้าแตกร้าวเป็นใยแมงมุมคมกริบ กลิ่นน้ำมันคลุ้งไปทั่วห้องโดยสาร รถหมุนคว้างกลางอากาศราวกับใบไม้ที่หลุดจากขั้วก่อนจะตกลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงอีกครั้ง สภาพรถยับเยินจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
ภายในรถที่บิดเบี้ยว ร่างของรามจมอยู่ในความมืดและความเงียบงัน เสียงหอบหายใจของเขาแผ่วเบาลงทุกขณะ ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วสรรพางค์กาย แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับดูพร่าเลือนเมื่อเทียบกับภาพของธามที่ฉายชัดในห้วงความคิดสุดท้าย มุมปากของรามยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างยากลำบาก เลือดสีแดงฉานไหลซึมจากหน้าผาก แต่แววตาของเขากลับเปี่ยมไปด้วยความสุขสงบอย่างประหลาด ราวกับภาระอันหนักอึ้งได้ถูกปลดเปลื้องไปจนหมดสิ้น ลมหายใจสุดท้ายถูกพ่นออกมาอย่างแผ่วเบา ร่างของรามแน่นิ่งลง หัวใจของเขาหยุดเต้น แต่ความปรารถนาที่จะให้น้องมีชีวิตอยู่ยังคงก้องกังวานอยู่ในความทรงจำที่เลือนหายไป...