“ได้ปรนนิบัติแม่ทัพเซี่ยเพียงครั้งเดียวก็ราวกับได้โผบินขึ้นสวรรค์นับครั้งไม่ถ้วน ไม่แปลกใจเลยที่เหล่าพี่น้องหอบุปผาจะแย่งชิงกันมาปรนนิบัติในค่ายทหารแห่งนี้”
เซี่ยอิงหย่ง เป็นแม่ทัพที่ดูแลหัวเมืองทางใต้ของแคว้นฉีซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับแคว้นฉู่ ในการศึกส่วนใหญ่แม่ทัพเซี่ยเป็นผู้นำชัยชนะสู่แคว้นและสามารถรักษาอาณาเขตของแคว้นฉีจากการรุกรานได้ แต่ในช่วง 1-2 ปีมานี้ เสบียงที่ทหารชายแดนได้รับกลับถูกลดจำนวนและคุณภาพลงมากกว่าเก่า ได้รับคำตอบเสนาบดีคลังว่า การศึกระหว่างแคว้นใช้ระยะเวลายาวนานสิ้นเปลืองเสบียงและทรัพยากร
เหล่าเสนาบดีในราชสำนักแคว้นฉีจึงถวายฎีกาขอให้ฮ่องเต้ส่งองค์หญิงหยางสือเอ้อร์ อันเกิดจากหยางกุ้ยเหรินซึ่งไม่ค่อยเป็นที่โปรดปราน ไปแต่งงานกับกษัตริย์แคว้นฉู่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นแล้ว ทั้งยังเรียกตัวแม่ทัพเซี่ยที่มีผลงานโดดเด่นเกินหน้ากษัตริย์กลับเข้าเมืองหลวงเพื่อรับหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทูตส่งตัวเจ้าสาวไปยังแคว้นฉู่
“ข้าจับทวนและดาบออกรบตั้งแต่เริ่มสวมกวาน มิเคยคิดใช้สตรีเป็นหมาก หากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นเป็นความยินยอมของนางก็ดีไป แต่อย่างไรเสียแคว้นฉีและแคว้นฉู่ก็สู้รบกันมายาวนาน มีหรือที่กษัตริย์แคว้นฉู่จะปฏิบัติต่อองค์หญิงเยาว์วัยด้วยความเกรงใจ นางไม่ต่างจากองค์หญิงเชลย หากแคว้นฉู่นึกอยากรุกรานเราขึ้นมาเมื่อใด องค์หญิงตัวประกันก็จะเป็นคนแรกที่พบกับอันตราย” แม่ทัพผู้เจนการศึกบอกแก่ทหารคู่ใจ
“หลี่เถียน .. ไหนๆ ข้าก็ต้องแต่งงานกับกษัตริย์แคว้นฉู่ที่ชันษามากคราวเสด็จพ่อเพื่อแคว้นฉีแล้ว เจ้าจะช่วยให้ข้าได้สมปรารถนาในบางสิ่งได้หรือไม่” องค์หญิงสือเอ้อร์ตัดสินใจขอร้องนางกำนัลคนสนิท
"องค์หญิงทรงปรารถนาสิ่งใด บ่าวยินดีนำถวายเพคะ"
"เจ้าช่วยสอนวิชายั่วยวนบุรุษให้ข้าได้หรือไม่ ข้าปรารถนาในตัวแม่ทัพเซี่ย"
