เสียงซุบซิบในโรงอาหาร…
เสียงเล่าลือในห้องพักครู…
ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า กลายเป็นเรื่องเล่าใหม่ที่แพร่กระจายรวดเร็วกว่าชีทประกาศคะแนนสอบ
“เห็นครูอัญโดนหอมแก้มเลยอะ!”
“แฟนเหรอ?”
“เขาว่าสามีนะ ลูกก็มีแล้วด้วย”
“งั้นเด็กคนนั้นล่ะ…ฟ้าใช่ไหม?”
ครูเก๋นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมห้องพักครู ใบหน้าเธอไม่มีคำพูดใด
แต่สายตาบอกชัดว่ารับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ไม่กี่นาทีถัดมา ครูอัญเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
เธอเงียบ…ไม่ได้เอ่ยทักเหมือนเคย
ครูเก๋รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบข้าง
ก่อนจะวางปากกาในมือลง แล้วพูดเบา ๆ
“เมื่อเช้า ฉันก็เห็น”
ครูอัญชะงักไปนิดหนึ่ง
แต่ยังคงฝืนยิ้มบาง ๆ แล้วตอบด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน
“…ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอก”
ครูเก๋มองตรงไปยังเธอ
ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย แต่แฝงด้วยความหนักแน่น
“อัญ…เรื่องที่เธอกำลังเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ”
“ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึก—แต่เด็กคนนั้นน่ะ…ฉันเริ่มกลัวว่าเขาจะเจ็บมากขึ้นทุกวัน”
ครูอัญก้มหน้า
มือเธอกำแน่นอยู่ข้างเอกสาร
ครูเก๋พูดต่อ
“เมื่อคืนที่เธอมานอนบ้านฉัน ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ตอนดึก”
“เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่แววตาเธอไม่มีคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เลยแม้แต่นิดเดียว”
บรรยากาศในห้องเงียบลง
ครูอัญสูดลมหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ
“ฉัน…ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอะไรยังไงก่อน”
“ลูกฉันก็มี…สามีก็กลับมา…แล้วฟ้า…เธออยู่ในหัวฉันตลอดเวลา”
“ฉันกลัว…กลัวว่าทุกอย่างที่เราสร้างกันมา มันจะพังหมด ถ้าใครรู้ความจริง”
ครูเก๋มองเธอนิ่ง ๆ
ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“เธอรู้ไหมว่าความกลัวไม่ได้ปกป้องใครได้จริง ๆ หรอก”
“มันแค่ทำให้เราถอยห่างจากสิ่งที่ควรได้ไปเรื่อย ๆ”
เงียบไปพักหนึ่ง
ครูเก๋พูดต่อเบา ๆ
“วันนี้ฟ้าดูเงียบมาก…ยิ้ม แต่เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย”
“ฉันรู้ว่าเธอรักเด็กคนนั้น…แต่อย่าให้ความเงียบของเธอ ทำให้เขาคิดว่าตัวเองไม่มีความหมายเลย”
ครูอัญเงียบไป
แต่แววตาที่ไหวสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน
คำพูดของครูเก๋…เหมือนเข็มเล็ก ๆ ที่เจาะเข้าไปในหัวใจ
ไม่ได้เจ็บจนเลือดไหล
แต่ทำให้รู้ว่าข้างในยังมีบางอย่างที่รอการตัดสินใจอยู่เสมอ
ในคาบเรียนรำไทยช่วงบ่าย
แสงแดดอ่อนส่องผ่านช่องลมกระทบพื้นไม้สะท้อนแสงบาง ๆ
บรรยากาศโดยรอบเงียบอย่างผิดปกติ
ไม่ใช่เพราะนักเรียนตั้งใจ —
แต่เพราะ ‘ใครบางคน’ เงียบกว่าทุกวัน
ฟ้า ยืนอยู่ท้ายแถว
เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย แต่ไม่มีริบบิ้นสีอ่อนที่เคยติด
ใบหน้าที่มักจะยิ้มเสมอ วันนี้กลับนิ่งสนิท
มือประสานกันแน่นอยู่หน้าตัก ไม่ได้เงยหน้ามองไปยังเวทีเลยสักครั้ง
ครูอัญ…ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
เห็นทุกอย่าง
แต่เธอไม่พูด
ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของฟ้าเหมือนเคย
ราวกับไม่อยากทำลายเปลือกบาง ๆ ที่เด็กคนนั้นพยายามสร้างขึ้นมาปิดใจ
คำสั่งสอนถูกพูดผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ต่างจากทุกวันที่เคยอบอุ่น และคอยแอบหยอดคำชื่นชมให้ใครบางคนอยู่เสมอ
“ท่าต่อไป…ยกมือขึ้นกลางอก แล้วหมุนปลายเท้าขวาออกนะคะ”
แต่แม้จะพูดไปแบบนั้น
สายตาของครูอัญก็อดไม่ได้ที่จะมองผ่านนักเรียนหลายคน
มองหาเพียง ‘เธอคนเดียว’
ฟ้า…ไม่ได้มองกลับมาเลย
ไม่แม้แต่เสี้ยววินาทีหนึ่ง
—
ครูเก๋ ที่ยืนดูอยู่ตรงมุมห้อง
รับรู้ได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลง
ระหว่างทั้งคู่ มีบางอย่างคั่นกลาง —
มันคือ “ความจริง” ที่ยังไม่ถูกเอ่ยออกมา
และมันกำลังค่อย ๆ กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นทุกวัน
หลังเลิกเรียนช่วงเย็น
อากาศร้อนอบอ้าวตามแบบวันปลายเทอม
เด็กหลายคนแยกย้ายกันกลับหอ หรือเดินเล่นรอบวิทยาลัย
แต่ที่ใต้ต้นหูกวางมุมเดิม —
ยังมี ‘เธอ’ คนนั้นนั่งอยู่เงียบ ๆ เช่นเคย
ฟ้า นั่งกอดเข่าบนม้าหิน
สายตาเหม่อมองพื้นกรวด ต้นไม้โยกไหวตามลมเบา ๆ
ในมือมีขวดน้ำที่ดื่มไปแค่ครึ่งเดียว
“หวานเย็นมาส่งครับ”
เสียงทักที่มาพร้อมเสียงฝาเปิดกล่องไอติม
ฟ้าหันไป — เจอ เมธัส ยืนยิ้มอยู่
ในมือเขามีไอติมแท่งรสโปรดของเธอ ยื่นมาตรงหน้า
“อากาศแบบนี้ ไม่กินอะไรเย็น ๆ เดี๋ยวจะยิ่งคิดมากนะ”
น้ำเสียงเขานุ่มนวลเหมือนเดิม รอยยิ้มยังอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง
ฟ้ามองไอติมแท่งนั้น…นิ่งไปอึดใจ
ก่อนจะรับมาเบา ๆ แล้วพูดแผ่ว
“ขอบคุณนะคะ”
ทั้งสองนั่งข้างกันโดยไม่ได้พูดอะไรมาก
มีเพียงเสียงลม และไอติมที่ละลายช้า ๆ ในนิ้ว
เมธัสหันมามองหน้าเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดช้า ๆ
“วันนี้พี่เห็นนะ…”
“ฟ้าไม่ยิ้มเลย”
ฟ้าไม่ตอบ เธอแค่ก้มหน้ากัดไอติมชิ้นเล็ก ๆ
เหมือนจะไม่อยากให้เสียงตัวเองสั่น
เมธัสยังคงมองเธออย่างเข้าใจ
ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทั้งจริงใจและเบาใจ
“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…แต่พี่อยู่ตรงนี้นะ”
“ไม่อยากให้ฟ้ารู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียว”
ฟ้าหยุดเคี้ยว
นิ่งไปนาน…
ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
แม้จะไม่มีคำพูดใดจากเธอ
แต่เมธัสก็ไม่รีบร้อน
เขานั่งอยู่ตรงนั้นต่อไป
คอยเป็นเงาเล็ก ๆ ที่เธอพิงใจได้…อย่างเงียบงัน
เย็นวันนั้น ตึกละครเริ่มเงียบแล้ว
ฟ้าเดินกลับขึ้นไปเงียบ ๆ เพราะนึกได้ว่าอาจลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องเรียน
เธอเดินเร็วขึ้น ใจยังวนกับเรื่องราวที่ถาโถมทั้งวัน
ขณะเดียวกัน…จากชั้นบนของตึก
ครูอัญที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องพักครู
เงยหน้าขึ้น เห็นเงาของฟ้าจากหน้าต่างห้องกระจก
หัวใจเธอสะดุ้งวูบ
มือวางปากกาลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกเดินออกไป
โดยไม่รู้เลยว่า…ที่ชั้นล่าง ครูเก๋ยืนพิงเสาอยู่เงียบ ๆ
ยกกาแฟขึ้นจิบ ยิ้มบาง ๆ เหมือนจะรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
—
ประตูห้องเรียนถูกเปิดออกช้า ๆ
ฟ้าเงยหน้าขึ้น
ครูอัญยืนอยู่ตรงนั้น
ไม่ใกล้…แต่ก็ไม่ไกลพอจะเดินหนีได้ทันที
“ลืมของเหรอคะ”
เสียงของครูอัญนุ่มนวล แต่เบาเหมือนกลัวลมหายใจตัวเอง
ฟ้าพยักหน้า
“ค่ะ…โทรศัพท์”
ครูอัญมองเข้าไปในห้อง
แล้วพูดแผ่วเบา
“ครู…ช่วยหาด้วยไหมคะ”
—
ตรงบันไดชั้นล่าง ครูเก๋ยังคงยืนอยู่
เธอมองขึ้นไปข้างบน ยิ้มบาง ๆ
“หวังว่าจะไม่หนีกันอีก…”
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบงัน
—
ห้องเรียนว่างเปล่า แต่หัวใจสองคนที่ยืนอยู่ในนั้นกลับเต็มไปด้วยคำที่ยังไม่ได้พูด
และบางคำ…อาจรออีกเพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น ก็จะกลั่นออกมาแล้ว
ภายในห้องเรียนว่างเปล่า มีเพียงแสงแดดเย็นปลายวันที่ส่องผ่านบานเกล็ดเข้ามา
ฟ้ายืนหันหน้าเข้าหาโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง มือยังคงถือโทรศัพท์ที่หาเจอแล้ว
แต่เธอกลับไม่ขยับไปไหน
ข้างหลังเธอ…ครูอัญยืนเงียบอยู่
ไม่ได้เดินเข้าใกล้
ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่ม
แต่ในอากาศ…เต็มไปด้วยความอึดอัดที่กดทับ
เสียงของฟ้าเบา…แต่หนักแน่น ราวกับฝืนกลั้นมานาน
“ครู…”
เธอหันกลับมาช้า ๆ
ใบหน้าหยุดอยู่ตรงที่เงาแสงตกกระทบ
น้ำเสียงนั้นยังคงเรียบ
แต่มีบางอย่างที่สั่นไหวอย่างรุนแรง
“ครูเคยคิดจะบอกหนูบ้างไหม…ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ครูอัญไม่ตอบทันที
เธอขยับริมฝีปาก…แต่ไม่หลุดคำใดออกมา
ฟ้าพูดต่อ
คำพูดที่ตามมานั้นเบา
แต่เหมือนฟาดลมเข้าที่หน้าอกคนฟัง
“สำหรับครู…หนูเคยมีตัวตนบ้างไหม”
ดวงตาของเธอแดงขึ้น
แต่ยังไม่มีน้ำตาไหลออกมา
เพียงแค่เงาวูบของมัน…คลออยู่จนแสบตา
ครูอัญยังนิ่ง
ไม่ถอย
แต่ก็ไม่ก้าวเข้ามา
แล้วคำถามสุดท้าย…
เหมือนแทงตรงกลางใจ
“ครู…”
“ครูเคยรักหนูสักครั้งไหม…”
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
นานพอจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น
นานพอจะรู้ว่า…คำตอบนั้นจะไม่มี
ครูอัญหลุบตาลง
ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร
แต่เพราะทุกคำที่ควรจะพูด…มันตีกันจนไม่มีคำไหนออกมาได้เลย
ฟ้าเงยหน้ามองเธออีกครั้ง
ริมฝีปากเม้มแน่น
หยดน้ำตายังไม่ไหล…แต่ดวงตานั้นสั่นไหวราวกับทะเลที่กำลังกลั้นพายุ
ไม่มีเสียง
ไม่มีคำบอกลา
มีเพียงฝีเท้าที่เดินผ่านหน้าครูอัญไป
ช้า…แน่น…แต่หนักหน่วงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
และเมื่อเสียงประตูปิดลง
ห้องทั้งห้อง…ก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม
เหลือเพียงคนหนึ่ง
ยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม
และอีกคนหนึ่ง
หอบหัวใจที่แตกสลาย…เดินจากไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว
เสียงฝีเท้าครูเก๋ดังขึ้นเร่งรีบในทางเดิน
เธอเปิดประตูห้องเรียนอย่างแรง ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาครูอัญที่ยืนเหม่อลอยอยู่ข้างโต๊ะ
“อัญ! ไปตามฟ้าเถอะ เร็ว!!”
ครูอัญชะงัก
ดวงตาเบิกเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกไปทันที
เสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งลงบันได ราวกับแข่งกับหัวใจที่เต้นแรงจนแทบแตกเป็นเสี่ยง
เมื่อถึงชั้นล่าง…
สายตาของพวกเธอก็หยุดลงตรงลานใต้ตึกเรียน
ร่างเล็กของฟ้านั่งทรุดอยู่กับพื้นใต้ต้นไม้
สองแขนกอดเข่าแน่น
ใบหน้าซุกลง ร่างไหวเบา ๆ ตามแรงสะอื้น
เด็กหญิงคนนั้น…ไม่สนใจใครอีกแล้ว
เธอร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้อง
ไม่มีแม้แต่เสียงหลอกตัวเอง
มีเพียง…น้ำตา ที่ไหลไม่หยุด
ครูอัญยืนนิ่ง
ใบหน้าเธอซีดจนไร้สี
ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และเสียใจ
แต่ไม่ทันได้ก้าวเข้าไป—
เสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังเข้ามาจากทางด้านหลัง
เมธัสมาถึงพอดี
เขาชะงักทันทีที่เห็นฟ้าในสภาพนั้น
ดวงตาเขาเบิกขึ้น ก่อนจะรีบจอดรถ
แล้วเดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง
เขาทรุดตัวลงตรงหน้าเธอ
เรียกชื่อเธอแผ่วเบา
“ฟ้า…”
เธอเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ
ดวงตาแดงช้ำ…เปียกไปด้วยน้ำตา
เธอมองเขาอย่างหมดแรง
ราวกับแค่หายใจก็ยากแล้ว
เมธัสไม่พูดอะไรต่อ
เขาเพียงแต่มองเธอนิ่ง ๆ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ
“พี่รู้ว่าฟ้าเจ็บ…”
“แต่พี่อยู่ตรงนี้นะ”
ฟ้ายังไม่ตอบ
น้ำตาไหลลงอีก
เธอสั่นน้อย ๆ
แต่ไม่ปฏิเสธ ไม่ถอยหนี
และในจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้น
เมธัสโน้มตัวลงมาอย่างแผ่วเบา…แล้วจูบริมฝีปากเธอ
ไม่รีบร้อน ไม่แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ
แต่…หนักแน่น
อบอุ่น
และซื่อสัตย์
ฟ้าไม่ขยับหนี
เธอปล่อยให้จูบนั้น…พาเธอหลุดพ้นจากความว่างเปล่าในใจ
แค่ชั่วครู่เดียว
เธอรู้สึกว่าเธอยังเป็นคนที่มีค่า
ยังมีใคร…ที่อยากอยู่เคียงข้าง
และจากมุมเงาใต้บันไดอาคาร
ครูอัญยืนตัวแข็งทื่อ
ดวงตาเธอเบิกกว้างเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน
ครูเก๋ที่ยืนข้างกัน กำมือแน่น
แต่ไม่พูดอะไร
เพราะภาพตรงหน้า…เจ็บยิ่งกว่าการพูดออกมา
ครูอัญอยากก้าวออกไป
อยากตะโกนบอกว่า “อย่าไป”
แต่เธอทำไม่ได้
เธอ…แค่ยืนมองคนที่ตัวเองรัก
ถูกจูบโดยใครอีกคน
ต่อหน้าต่อตา
ในขณะที่หัวใจของเธอ…พังทลายไม่มีชิ้นดี