ใกล้จนห้ามใจ....เเต่ไกลเกินเอื้อม

ดราม่า

จบ ใกล้จนห้ามใจ....เเต่ไกลเกินเอื้อม

ใกล้จนห้ามใจ....เเต่ไกลเกินเอื้อม

จันทร์ซ่อนใจ

ดราม่า

142
ตอน
936
เข้าชม
2
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
6
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
เราสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป......ใกล้จนใจไม่เคยปลอยภัย แต่โลกใบนี้ก็โหดร้ายพอจะย้ำว่า - ความรักของเรามันผิดตั้งแต่แรก

เสียงซุบซิบในโรงอาหาร… 

เสียงเล่าลือในห้องพักครู… 

ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า กลายเป็นเรื่องเล่าใหม่ที่แพร่กระจายรวดเร็วกว่าชีทประกาศคะแนนสอบ 

 

“เห็นครูอัญโดนหอมแก้มเลยอะ!” 

“แฟนเหรอ?” 

“เขาว่าสามีนะ ลูกก็มีแล้วด้วย” 

“งั้นเด็กคนนั้นล่ะ…ฟ้าใช่ไหม?” 

 

ครูเก๋นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมห้องพักครู ใบหน้าเธอไม่มีคำพูดใด 

แต่สายตาบอกชัดว่ารับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น 

 

ไม่กี่นาทีถัดมา ครูอัญเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ 

เธอเงียบ…ไม่ได้เอ่ยทักเหมือนเคย 

 

ครูเก๋รอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบข้าง 

ก่อนจะวางปากกาในมือลง แล้วพูดเบา ๆ 

 

“เมื่อเช้า ฉันก็เห็น” 

 

ครูอัญชะงักไปนิดหนึ่ง 

แต่ยังคงฝืนยิ้มบาง ๆ แล้วตอบด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน 

 

“…ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอก” 

 

ครูเก๋มองตรงไปยังเธอ 

ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย แต่แฝงด้วยความหนักแน่น 

 

“อัญ…เรื่องที่เธอกำลังเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ” 

“ไม่ใช่แค่เธอที่รู้สึก—แต่เด็กคนนั้นน่ะ…ฉันเริ่มกลัวว่าเขาจะเจ็บมากขึ้นทุกวัน” 

 

ครูอัญก้มหน้า 

มือเธอกำแน่นอยู่ข้างเอกสาร 

 

ครูเก๋พูดต่อ 

“เมื่อคืนที่เธอมานอนบ้านฉัน ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ตอนดึก” 

“เธอบอกว่าไม่เป็นไร แต่แววตาเธอไม่มีคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ เลยแม้แต่นิดเดียว” 

 

บรรยากาศในห้องเงียบลง 

 

ครูอัญสูดลมหายใจลึก ก่อนจะพูดออกมาช้า ๆ 

 

“ฉัน…ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอะไรยังไงก่อน” 

“ลูกฉันก็มี…สามีก็กลับมา…แล้วฟ้า…เธออยู่ในหัวฉันตลอดเวลา” 

 

“ฉันกลัว…กลัวว่าทุกอย่างที่เราสร้างกันมา มันจะพังหมด ถ้าใครรู้ความจริง” 

 

ครูเก๋มองเธอนิ่ง ๆ 

ก่อนจะยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย 

 

“เธอรู้ไหมว่าความกลัวไม่ได้ปกป้องใครได้จริง ๆ หรอก” 

“มันแค่ทำให้เราถอยห่างจากสิ่งที่ควรได้ไปเรื่อย ๆ” 

 

เงียบไปพักหนึ่ง 

ครูเก๋พูดต่อเบา ๆ 

 

“วันนี้ฟ้าดูเงียบมาก…ยิ้ม แต่เหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย” 

“ฉันรู้ว่าเธอรักเด็กคนนั้น…แต่อย่าให้ความเงียบของเธอ ทำให้เขาคิดว่าตัวเองไม่มีความหมายเลย” 

 

ครูอัญเงียบไป 

แต่แววตาที่ไหวสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน 

 

คำพูดของครูเก๋…เหมือนเข็มเล็ก ๆ ที่เจาะเข้าไปในหัวใจ 

ไม่ได้เจ็บจนเลือดไหล 

แต่ทำให้รู้ว่าข้างในยังมีบางอย่างที่รอการตัดสินใจอยู่เสมอ 

 

ในคาบเรียนรำไทยช่วงบ่าย 

แสงแดดอ่อนส่องผ่านช่องลมกระทบพื้นไม้สะท้อนแสงบาง ๆ 

บรรยากาศโดยรอบเงียบอย่างผิดปกติ 

ไม่ใช่เพราะนักเรียนตั้งใจ — 

แต่เพราะ ‘ใครบางคน’ เงียบกว่าทุกวัน 

 

ฟ้า ยืนอยู่ท้ายแถว 

เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย แต่ไม่มีริบบิ้นสีอ่อนที่เคยติด 

ใบหน้าที่มักจะยิ้มเสมอ วันนี้กลับนิ่งสนิท 

มือประสานกันแน่นอยู่หน้าตัก ไม่ได้เงยหน้ามองไปยังเวทีเลยสักครั้ง 

 

ครูอัญ…ที่ยืนอยู่หน้าห้อง 

เห็นทุกอย่าง 

 

แต่เธอไม่พูด 

ไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อของฟ้าเหมือนเคย 

ราวกับไม่อยากทำลายเปลือกบาง ๆ ที่เด็กคนนั้นพยายามสร้างขึ้นมาปิดใจ 

 

คำสั่งสอนถูกพูดผ่านไมโครโฟนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย 

ต่างจากทุกวันที่เคยอบอุ่น และคอยแอบหยอดคำชื่นชมให้ใครบางคนอยู่เสมอ 

 

“ท่าต่อไป…ยกมือขึ้นกลางอก แล้วหมุนปลายเท้าขวาออกนะคะ” 

 

แต่แม้จะพูดไปแบบนั้น 

สายตาของครูอัญก็อดไม่ได้ที่จะมองผ่านนักเรียนหลายคน 

มองหาเพียง ‘เธอคนเดียว’ 

 

ฟ้า…ไม่ได้มองกลับมาเลย 

 

ไม่แม้แต่เสี้ยววินาทีหนึ่ง 

 

 

 

ครูเก๋ ที่ยืนดูอยู่ตรงมุมห้อง 

รับรู้ได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลง 

ระหว่างทั้งคู่ มีบางอย่างคั่นกลาง — 

มันคือ “ความจริง” ที่ยังไม่ถูกเอ่ยออกมา 

 

และมันกำลังค่อย ๆ กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นทุกวัน 

 

หลังเลิกเรียนช่วงเย็น 

อากาศร้อนอบอ้าวตามแบบวันปลายเทอม 

เด็กหลายคนแยกย้ายกันกลับหอ หรือเดินเล่นรอบวิทยาลัย 

แต่ที่ใต้ต้นหูกวางมุมเดิม — 

ยังมี ‘เธอ’ คนนั้นนั่งอยู่เงียบ ๆ เช่นเคย 

 

ฟ้า นั่งกอดเข่าบนม้าหิน 

สายตาเหม่อมองพื้นกรวด ต้นไม้โยกไหวตามลมเบา ๆ 

ในมือมีขวดน้ำที่ดื่มไปแค่ครึ่งเดียว 

 

“หวานเย็นมาส่งครับ” 

 

เสียงทักที่มาพร้อมเสียงฝาเปิดกล่องไอติม 

ฟ้าหันไป — เจอ เมธัส ยืนยิ้มอยู่ 

ในมือเขามีไอติมแท่งรสโปรดของเธอ ยื่นมาตรงหน้า 

 

“อากาศแบบนี้ ไม่กินอะไรเย็น ๆ เดี๋ยวจะยิ่งคิดมากนะ” 

น้ำเสียงเขานุ่มนวลเหมือนเดิม รอยยิ้มยังอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง 

 

ฟ้ามองไอติมแท่งนั้น…นิ่งไปอึดใจ 

ก่อนจะรับมาเบา ๆ แล้วพูดแผ่ว 

 

“ขอบคุณนะคะ” 

 

ทั้งสองนั่งข้างกันโดยไม่ได้พูดอะไรมาก 

มีเพียงเสียงลม และไอติมที่ละลายช้า ๆ ในนิ้ว 

 

เมธัสหันมามองหน้าเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดช้า ๆ 

 

“วันนี้พี่เห็นนะ…” 

“ฟ้าไม่ยิ้มเลย” 

 

ฟ้าไม่ตอบ เธอแค่ก้มหน้ากัดไอติมชิ้นเล็ก ๆ 

เหมือนจะไม่อยากให้เสียงตัวเองสั่น 

 

เมธัสยังคงมองเธออย่างเข้าใจ 

ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทั้งจริงใจและเบาใจ 

 

“พี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น…แต่พี่อยู่ตรงนี้นะ” 

“ไม่อยากให้ฟ้ารู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียว” 

 

ฟ้าหยุดเคี้ยว 

นิ่งไปนาน… 

 

ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมา 

 

แม้จะไม่มีคำพูดใดจากเธอ 

แต่เมธัสก็ไม่รีบร้อน 

เขานั่งอยู่ตรงนั้นต่อไป 

คอยเป็นเงาเล็ก ๆ ที่เธอพิงใจได้…อย่างเงียบงัน 

 

 

เย็นวันนั้น ตึกละครเริ่มเงียบแล้ว 

ฟ้าเดินกลับขึ้นไปเงียบ ๆ เพราะนึกได้ว่าอาจลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องเรียน 

เธอเดินเร็วขึ้น ใจยังวนกับเรื่องราวที่ถาโถมทั้งวัน 

 

ขณะเดียวกัน…จากชั้นบนของตึก 

ครูอัญที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องพักครู 

เงยหน้าขึ้น เห็นเงาของฟ้าจากหน้าต่างห้องกระจก 

หัวใจเธอสะดุ้งวูบ 

 

มือวางปากกาลงบนโต๊ะ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกเดินออกไป 

โดยไม่รู้เลยว่า…ที่ชั้นล่าง ครูเก๋ยืนพิงเสาอยู่เงียบ ๆ 

ยกกาแฟขึ้นจิบ ยิ้มบาง ๆ เหมือนจะรู้ดีอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น 

 

 

 

ประตูห้องเรียนถูกเปิดออกช้า ๆ 

ฟ้าเงยหน้าขึ้น 

 

ครูอัญยืนอยู่ตรงนั้น 

ไม่ใกล้…แต่ก็ไม่ไกลพอจะเดินหนีได้ทันที 

 

“ลืมของเหรอคะ” 

เสียงของครูอัญนุ่มนวล แต่เบาเหมือนกลัวลมหายใจตัวเอง 

 

ฟ้าพยักหน้า 

“ค่ะ…โทรศัพท์” 

 

ครูอัญมองเข้าไปในห้อง 

แล้วพูดแผ่วเบา 

“ครู…ช่วยหาด้วยไหมคะ” 

 

 

 

ตรงบันไดชั้นล่าง ครูเก๋ยังคงยืนอยู่ 

เธอมองขึ้นไปข้างบน ยิ้มบาง ๆ 

 

“หวังว่าจะไม่หนีกันอีก…” 

เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบงัน 

 

 

 

ห้องเรียนว่างเปล่า แต่หัวใจสองคนที่ยืนอยู่ในนั้นกลับเต็มไปด้วยคำที่ยังไม่ได้พูด 

และบางคำ…อาจรออีกเพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น ก็จะกลั่นออกมาแล้ว 

 

ภายในห้องเรียนว่างเปล่า มีเพียงแสงแดดเย็นปลายวันที่ส่องผ่านบานเกล็ดเข้ามา 

ฟ้ายืนหันหน้าเข้าหาโต๊ะเรียนตัวหนึ่ง มือยังคงถือโทรศัพท์ที่หาเจอแล้ว 

แต่เธอกลับไม่ขยับไปไหน 

 

ข้างหลังเธอ…ครูอัญยืนเงียบอยู่ 

ไม่ได้เดินเข้าใกล้ 

ไม่ได้เอ่ยอะไรเพิ่ม 

แต่ในอากาศ…เต็มไปด้วยความอึดอัดที่กดทับ 

 

เสียงของฟ้าเบา…แต่หนักแน่น ราวกับฝืนกลั้นมานาน 

 

“ครู…” 

 

เธอหันกลับมาช้า ๆ 

ใบหน้าหยุดอยู่ตรงที่เงาแสงตกกระทบ 

น้ำเสียงนั้นยังคงเรียบ 

แต่มีบางอย่างที่สั่นไหวอย่างรุนแรง 

 

“ครูเคยคิดจะบอกหนูบ้างไหม…ว่าเกิดอะไรขึ้น” 

 

ครูอัญไม่ตอบทันที 

เธอขยับริมฝีปาก…แต่ไม่หลุดคำใดออกมา 

 

ฟ้าพูดต่อ 

คำพูดที่ตามมานั้นเบา 

แต่เหมือนฟาดลมเข้าที่หน้าอกคนฟัง 

 

“สำหรับครู…หนูเคยมีตัวตนบ้างไหม” 

 

ดวงตาของเธอแดงขึ้น 

แต่ยังไม่มีน้ำตาไหลออกมา 

เพียงแค่เงาวูบของมัน…คลออยู่จนแสบตา 

 

ครูอัญยังนิ่ง 

ไม่ถอย 

แต่ก็ไม่ก้าวเข้ามา 

 

แล้วคำถามสุดท้าย… 

เหมือนแทงตรงกลางใจ 

 

“ครู…” 

“ครูเคยรักหนูสักครั้งไหม…” 

 

ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ 

นานพอจะได้ยินเสียงหัวใจเต้น 

นานพอจะรู้ว่า…คำตอบนั้นจะไม่มี 

 

ครูอัญหลุบตาลง 

ไม่ใช่เพราะไม่รู้จะพูดอะไร 

แต่เพราะทุกคำที่ควรจะพูด…มันตีกันจนไม่มีคำไหนออกมาได้เลย 

 

ฟ้าเงยหน้ามองเธออีกครั้ง 

ริมฝีปากเม้มแน่น 

หยดน้ำตายังไม่ไหล…แต่ดวงตานั้นสั่นไหวราวกับทะเลที่กำลังกลั้นพายุ 

 

ไม่มีเสียง 

ไม่มีคำบอกลา 

 

มีเพียงฝีเท้าที่เดินผ่านหน้าครูอัญไป 

ช้า…แน่น…แต่หนักหน่วงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด 

 

และเมื่อเสียงประตูปิดลง 

ห้องทั้งห้อง…ก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม 

 

เหลือเพียงคนหนึ่ง 

ยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม 

และอีกคนหนึ่ง 

หอบหัวใจที่แตกสลาย…เดินจากไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิมอีกแล้ว 

 

 

 

 

เสียงฝีเท้าครูเก๋ดังขึ้นเร่งรีบในทางเดิน 

เธอเปิดประตูห้องเรียนอย่างแรง ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาครูอัญที่ยืนเหม่อลอยอยู่ข้างโต๊ะ 

 

“อัญ! ไปตามฟ้าเถอะ เร็ว!!” 

 

ครูอัญชะงัก 

ดวงตาเบิกเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกไปทันที 

เสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งลงบันได ราวกับแข่งกับหัวใจที่เต้นแรงจนแทบแตกเป็นเสี่ยง 

 

เมื่อถึงชั้นล่าง… 

สายตาของพวกเธอก็หยุดลงตรงลานใต้ตึกเรียน 

 

ร่างเล็กของฟ้านั่งทรุดอยู่กับพื้นใต้ต้นไม้ 

สองแขนกอดเข่าแน่น 

ใบหน้าซุกลง ร่างไหวเบา ๆ ตามแรงสะอื้น 

 

เด็กหญิงคนนั้น…ไม่สนใจใครอีกแล้ว 

เธอร้องไห้อย่างที่ไม่เคยร้อง 

ไม่มีแม้แต่เสียงหลอกตัวเอง 

มีเพียง…น้ำตา ที่ไหลไม่หยุด 

 

ครูอัญยืนนิ่ง 

ใบหน้าเธอซีดจนไร้สี 

ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และเสียใจ 

 

แต่ไม่ทันได้ก้าวเข้าไป— 

 

เสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังเข้ามาจากทางด้านหลัง 

เมธัสมาถึงพอดี 

 

เขาชะงักทันทีที่เห็นฟ้าในสภาพนั้น 

ดวงตาเขาเบิกขึ้น ก่อนจะรีบจอดรถ 

แล้วเดินเข้ามาหาอย่างระมัดระวัง 

 

เขาทรุดตัวลงตรงหน้าเธอ 

เรียกชื่อเธอแผ่วเบา 

 

“ฟ้า…” 

 

เธอเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ 

ดวงตาแดงช้ำ…เปียกไปด้วยน้ำตา 

เธอมองเขาอย่างหมดแรง 

ราวกับแค่หายใจก็ยากแล้ว 

 

เมธัสไม่พูดอะไรต่อ 

เขาเพียงแต่มองเธอนิ่ง ๆ แล้วพยักหน้าน้อย ๆ 

 

“พี่รู้ว่าฟ้าเจ็บ…” 

“แต่พี่อยู่ตรงนี้นะ” 

 

ฟ้ายังไม่ตอบ 

น้ำตาไหลลงอีก 

เธอสั่นน้อย ๆ 

แต่ไม่ปฏิเสธ ไม่ถอยหนี 

 

และในจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้น 

เมธัสโน้มตัวลงมาอย่างแผ่วเบา…แล้วจูบริมฝีปากเธอ 

 

ไม่รีบร้อน ไม่แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ 

แต่…หนักแน่น 

อบอุ่น 

และซื่อสัตย์ 

 

ฟ้าไม่ขยับหนี 

เธอปล่อยให้จูบนั้น…พาเธอหลุดพ้นจากความว่างเปล่าในใจ 

แค่ชั่วครู่เดียว 

เธอรู้สึกว่าเธอยังเป็นคนที่มีค่า 

ยังมีใคร…ที่อยากอยู่เคียงข้าง 

 

 

 

และจากมุมเงาใต้บันไดอาคาร 

ครูอัญยืนตัวแข็งทื่อ 

ดวงตาเธอเบิกกว้างเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน 

 

ครูเก๋ที่ยืนข้างกัน กำมือแน่น 

แต่ไม่พูดอะไร 

 

เพราะภาพตรงหน้า…เจ็บยิ่งกว่าการพูดออกมา 

 

ครูอัญอยากก้าวออกไป 

อยากตะโกนบอกว่า “อย่าไป” 

แต่เธอทำไม่ได้ 

 

เธอ…แค่ยืนมองคนที่ตัวเองรัก 

ถูกจูบโดยใครอีกคน 

ต่อหน้าต่อตา 

ในขณะที่หัวใจของเธอ…พังทลายไม่มีชิ้นดี 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (1)

5.0

ของรีวิวบอกว่าคุ้มค่ากับการอ่าน
ของรีวิวบอกว่าการบรรยายลื่นไหล
ของรีวิวบอกว่าเนื้อเรื่องสนุกชวนติดตาม