“ที่ส่งทนายไปที่บ้าน หมายความว่าอย่างไร”
แม้เขาจะกำลังโมโหต่อผู้ชายตรงหน้าที่กล้ามายืนขวางกั้นเขากับเมียออกจากกัน แต่เขาก็ยังใช้น้ำเสียงที่นุ่มกับวิมพ์วิภา คิดว่าเธออาจกำลังโกรธเขา ฉะนั้นเขาต้องพยายามซื้อใจเธอ
ตอนที่ลงมาที่หาดเห็นว่าคนของวิมพ์วิภาอย่างไรก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาได้พบเธอ เขาจึงแย่งปืนยาวมาจากคนงานแล้วยิงขึ้นฟ้า หากว่าเธอเกลียดเขาแล้วจริง ๆ เธอคงไม่มีทางออกมาดูเขา แต่ถ้าเธอมา...เขาคิดว่าเขายังพอมีหวังที่จะง้องอนเธอให้กลับไปด้วยกัน
“ยิ้มคิดว่าทนายแสงแจ้งชัดเจนเรื่องการหย่าระหว่างเราแล้ว ไม่มีอะไรจะต้องพูดซ้ำ ไม่เห็นต้องลำบากมาถึงที่นี่ ให้เสียเวลา”
สายตาที่เธอมองเขา หากว่ามันสะท้อนว่าเธอเจ็บปวดต่อเขาอยู่ เขาคงไม่เจ็บใจอย่างเช่นตอนนี้ หากดวงตางดงามของภรรยา ไม่มองเขาอย่างอากาศธาตุ ไร้ความหมายเช่นนี้
มันช่างเย็นชาต่อกันเหลือเกิน
เขากลายเป็นสิ่งไร้ความหมายสำหรับเธอไปได้อย่างไรกัน!
“หย่า! ใครจะหย่า พี่เคยพูด เคยตกลงเมื่อไหร่กันว่าจะหย่า กลับบ้านกันนะ พี่มารับกลับบ้านเราแล้ว”
เขาพยายามข่มเสียงไม่ให้แหบโหยเหมือนคนบาดเจ็บ ทั้งที่ข้างในมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ เจ็บเมื่อได้ยินภรรยาพูดคำว่าหย่าออกมาจากปากเธอชัด ๆ
“บ้านเราหรือคะ บ้านเรามันมีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มันไม่มีมาแต่แรกแล้ว มันไม่เคยมีมาตลอด”
“ไม่เอาน่ายิ้ม พี่รู้ว่ายิ้มโกรธพี่ กลับไปเริ่มต้นใหม่กันนะ พี่รู้ยิ้มแค่ประชดเพราะโกรธพี่ เรากับไปสร้างครอบครัวด้วยกันใหม่ พี่รับรองคราวนี้พี่จะปรั...”
“ไม่มีครั้งใหม่ ไม่มีครั้งไหนอีกแล้ว แล้วที่ยิ้มหย่าก็ไม่ได้ประชด ยิ้มคิดมาอย่างถ้วนถี่แล้ว ยิ้มไม่ได้ตัดสินใจด้วยอารมณ์แค่วันสองวัน ยิ้มคืนอิสระให้พี่ติไงคะ พอเราไม่เกี่ยวข้องกันแล้วพี่ติอยากทำอะไรก็จะทำได้อย่างอิสระ ไม่มีใครมาครหาพี่ติให้สนุกปากได้อีก เราสองคนเป็นตัวตลกของวงสังคมพวกนั้นมานานพอแล้ว เราจบแบบนี้พี่จะได้ไม่มีใครมาว่าอะไรได้ อิสระที่พี่อยากได้ยิ้มคืนให้ค่ะ”
“ใครอยากได้ เคยขอหรือ?!”
เขาเหมือนหมาบ้าโพล่งขึ้นมาอย่างเดือดดาล ดูเธอพูดออกมาแต่ละคำ มันน่าฟังที่ไหน คำก็หย่า สองคำก็อิสระ