เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์
อัลบัส ดัมเบิลดอร์
(อัลบัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์)
คืนฤดูหนาวใต้แสงตะเกียง
หิมะขาวนวลตกพร่างพราวนอกหน้าต่าง ทอดเงาภูเขาหิมะของสวิตเซอร์แลนด์ให้กลายเป็นปราสาทแก้วในนิทาน ภายในคฤหาสน์เวทมนตร์ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเนินเขาแถบกรินเดลวัลด์ แสงตะเกียงเปลวสีอำพันลอยระยับเบา ๆ บนเพดานไม้โอ๊คเก่าแก่ เสียงฟืนในเตาผิงแตกดังเปาะเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
อัลบัส ดัมเบิลดอร์ นั่งอยู่บนโซฟากำมะหยี่หน้าเตาผิง ในอ้อมแขนของเขามีเด็กชายคนหนึ่งซุกตัวอยู่ เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเด็กเปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับเปลวไฟ เขาคือ
อารีอัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์ กรินเดลวัล
ลูกชายของเขากับเกลเลิร์ต
เด็กชายช้อนตาขึ้นมองผู้เป็นพ่อผ่านเลนส์แว่นกรอบทอง
“คุณพ่อฮะ พ่อกับแด๊ดเจอกันได้ยังไงเหรอฮะ?”
อัลบัสชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม เป็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยทั้งแสงแดดในฤดูร้อนและหิมะในฤดูหนาว
“เรื่องนั้นเหรอ?” ฉันแตะผมนุ่มของลูกเบา ๆ “มันเริ่มต้นจากฤดูร้อนฤดูหนึ่งนานมาแล้ว มันเป็นวันที่อากาศร้อนจนบัตเตอร์เบียร์แทบกลายเป็นไอ และฉัน ก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบฮอกวอตส์”
“คุณพ่อหล่อไหมฮะตอนนั้น?” อารีอัสยิ้มขำ
“ไม่เท่าแด๊ดของลูกหรอก” ฉันหัวเราะ “แต่ก็พอมีคนเหลียวมองอยู่บ้างนะ แด๊ดของลูกพูดเก่งจนพ่อคล้อยตามได้เลยล่ะ”
แววตาของฉันพล่าเล็กน้อยเมื่อหวนถึงวันเก่า ภาพเด็กหนุ่มผมบลอนด์ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในก็อดดริกส์โฮโลว์ เสียงหัวเราะเบา ๆ กับหนังสือที่เปิดค้างกับเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นแรงครั้งแรกในชีวิต
“เขาเป็นเหมือนพายุทั้งสวยงามและอันตราย”
“แต่พ่อกลับไม่กลัวเลยแม้แต่นิด”
“แด๊ดน่ากลัวเหรอฮะ?”
“ไม่เลยลูก...” ฉันพูดเสียงแผ่ว “แด๊ดของลูกตอนยังเด็ก มีแววตาเหมือนคนมองฟ้าแล้วอยากเหาะขึ้นไปจริง ๆ ทั้งทะเยอทะยาน ซื่อสัตย์กับความฝัน และ...โดดเดี่ยว”
อารีอัสเงียบฟัง เขาชอบเวลาที่ฉันเล่านิทาน เพราะมันฟังเหมือนเวทมนตร์ที่ไม่มีในตำราเล่มไหน
“เราเจอกันใต้ต้นไม้ใหญ่ ฉันกำลังอ่านหนังสือ เขากำลังขโมยแอปเปิลจากต้นของคนอื่น... แล้วเราก็เถียงกันเรื่องเวทมนตร์อยู่นานกว่าชั่วโมง”
“จากนั้นเราเขียนจดหมายหากันทุกวัน”
“เราเชื่อว่าถ้ารวมพลังกัน โลกเวทมนตร์จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อครับ?”
อัลบัสยิ้มจาง ๆ
“บางทีพ่อกับแด๊ดอาจรักกันเร็วจนไม่ทันรู้ตัว...ว่ามันสำคัญแค่ไหน แล้วเราก็ทำผิดพลาดหลายอย่าง...”
“แต่สุดท้าย... เราก็หากันเจอ ในโลกที่ไม่มีใครเหลือแล้วนอกจากเรา สองคน และเจ้าตัวเล็กอีกคนหนึ่ง”
ฉันกอดอารีอัสแน่นขึ้น เด็กชายยิ้ม ซบลงกับอกกว้างที่อบอุ่นของฉัน
“แด๊ดรักคุณพ่อไหมฮะ?”
ฉันเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“แด๊ดของลูกอาจไม่ใช่คนที่แสดงออกเก่งนัก... แต่เขาเคยพูดกับฉันว่าในคุกอัซคาบันที่ไร้ความฝัน เขาก็ยังเห็นฉันในทุกคืน...”
เสียงฟืนแตกระเบิดเบา ๆ ในเตา อารีอัสหาววอดหนึ่งครั้ง
“แล้วพรุ่งนี้... เล่าเรื่องที่คุณพ่อกับแด๊ดถูกเลือกโดยกิเลนที่ภูฏานให้ฟังนะครับ...”
“ได้เลย... พ่อสัญญา”
อัลบัสเอื้อมมือไปห่มผ้าห่มให้ลูกชาย เด็กชายหลับสนิทไปใต้แสงตะเกียงอุ่น ๆ
และในขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น เสียงประตูไม้โอ๊คเปิดออกอย่างแผ่วเบาดังขึ้น
เสียงรองเท้าหนังแตะพื้นไม้ช้า ๆ และไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างสูงในเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำสนิทก็ก้าวเข้ามาในห้อง เส้นผมสีเงินทองของเขาเปียกน้ำหิมะเล็กน้อย แววตาสองสีนั้นยังคมกริบยังคงเหมือนเดิม แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี
เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ พิงกรอบประตู หัวเราะน้อย ๆ
“ฉันก็นึกว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวที่จำวันนั้นได้หมดทุกบทสนทนา”
ฉันเงยหน้ามองเขาแล้วส่งยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้น... มานั่งตรงนี้สิ ก่อนที่ฉันจะเล่าต่อโดยไม่มีแด๊ดของเขา”
เกลเลิร์ตเดินเข้ามาช้า ๆ นั่งลงข้างฉัน และวางมือไว้บนหัวของลูกชายที่หลับสนิท
ใต้แสงตะเกียงและเปลวไฟ ทั้งหมดที่เราต้องการมีแค่ตรงนี้