เรื่อง(ไ่ม่)อาถรรพ์
3
ตอน
26
เข้าชม
0
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง
เรื่องผีๆที่เจอกันในชีวิตประจำวัน มันเป็น ผี หรือ คิดไปเอง ลองเข้ามาอ่านกันดูนะคะ

ตอนที่ 1 

บึงจระเข้ 

  

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีบึงน้ำขนาดกลาง ซึ่งเป็นสถานที่เล่นน้ำของเด็กๆและผู้ใหญ่ ในช่วงวันหยุดก็จะมีคนไปนั่งเล่นกันหลายครอบครัว อยู่มาวันหนึ่ง มีเด็กไปเล่นน้ำและจมหายไป คนในหมู่บ้านช่วยกันงมหา หลายวันผ่านไปกลับไม่เจอ พ่อแม่เด็กซักถามเพื่อนที่ไปเล่นน้ำด้วยกัน เด็กเหล่านั้นบอกแค่ว่าจู่ๆ น้อยก็หายไป พอขึ้นฝั่งกันมาก็ไม่เห็นน้อยแล้วจึงตัดสินใจมาบอกพ่อแม่ พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะดูดน้ำออกจากบึงเพื่อหาร่างลูกสาว หลังจากที่เริ่มดูดน้ำออกจากบึงออกได้ 3 วัน น้ำลดลงพอสมควร ชาวบ้านพบว่า มีจระเข้อาศัยอยู่ในบึง และทุกคนคิดว่า เด็กน้อยคนนั้น คงโดนจระเข้กินเป็นแน่ พ่อของเด็กโกรธแค้นมาก จึงจับจระเข้ตัวนั้นมาผ่าท้องเพื่อหาร่างลูกสาว แต่ก็ไม่พบซากคนในท้อง มีเพียงแต่พวกปลาเท่านั้น พวกเขาจึงคิดว่าเด็กคนโดนกินไปหลายวันแล้วจนถูกย่อยไปหมดไม่เหลือเศษซาก ทิ้งไว้แค่ความสงสัยว่า จระเข้นั้นมาอยู่ในบึงได้อย่างไร ใครเป็นคนเอามาปล่อย และมันอาศัยอยู่ที่บึงนี้นานแค่ไหน พวกเขาปล่อยน้ำออกจนหมดบึงเพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบอะไรในบึง ตำรวจสรุปคดีการหายตัวไปว่าโดนจระเข้กิน พ่อแม่ของน้อยเสียใจ และทนรับการตายของลูกไม่ได้ จึงย้ายหนีออกไป

 

หลายเดือนผ่านไปฝนตกอย่างหนักติดต่อกันเป็นเดือน น้ำในบึงก็กลับมาเต็มอีกครั้ง ความกลัวก็เริ่มซาลง ชาวบ้านก็เริ่มลืมเหตุการณ์สะเทือนขวัญนั้นไป แต่แล้วในปีถัดมาก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมซ้ำ มีเด็กจมน้ำหายไป เด็กที่ไปเล่นน้ำด้วยกันบอกว่าเห็นจระเข้ตัวใหญ่อยู่ในน้ำเลยพากันหนีขึ้นมา แต่บัวขึ้นมาไม่ทัน เด็กยืนยันว่าเห็นจระเข้ในบึง พ่อแม่เด็กจึงคิดว่าอาจจะมีคนเอาจระเข้มาปล่อยอีกเป็นแน่ จึงได้ดูดน้ำออกจากบ่อเพื่อค้นหา แต่ครั้งนี้กลับไม่พบอะไรเลย ไม่พบจระเข้ ไม่พบศพบัว ทางตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และสอบถามเด็กๆอีกครั้งว่าเกิดเหตุใดขึ้น แต่เด็กทุกคนก็ยืนยันว่าเห็นจระเข้ในบึง ทางตำรวจก็สงสัยแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ จึงสรุปคดีว่าเด็กจมน้ำ และไม่พบศพ ชาวบ้านต่างลือกันไปต่างๆนานา ว่าเป็นเพราะความเคียดแค้นของจระเข้ที่ถูกฆ่าผ่าท้อง จึงสร้างศาลขึ้นเพื่อขอขมา และล้อมรั้วบึงนั้นไม่ให้คนเข้า

 

 

10 ปีผ่านไป มีถนนตัดผ่านหมู่บ้านเจริญขึ้นส่วนที่เป็นบึงนั้นจะโดนถมเพื่อทำหมู่บ้านจัดสรร ศาลที่ตั้งไว้ถูกรื้อออก พื้นที่ส่วนที่เป็นบึงนั้นถูกทำเป็นสวน ชวนเป็นผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างหมู่บ้านนี้ ชื่อโครงการว่าบ้าน ฝันดี ชวนต้องเข้ามาดูแลช่างทำการก่อสร้างทุกวัน โดยเขาจะพาลูกและเมียของเขาชื่อ นวย มาด้วยทุกวัน เขาปลูกห้องเล็กๆไว้ในโครงการเพื่อให้ลูกเมียได้พักผ่อนที่นั่น พิมลูกสาวของเขาเป็นเด็กซน เขาชอบเล่นกับเพื่อนที่เป็นลูกคนงานก่อสร้างประจำ โดยแม่ของเธอจะเป็นคนคอยดูแลเสมอ แต่ในวันนั้น พิมไปเล่นใกล้กับบึงที่กำลังถม แม่ได้ห้ามไม่ให้เข้าไปเล่นแถวนั้น แต่พิมไม่ฟัง พิมและเพื่อนวิ่งเข้าไปเล่นตมในบ่อ แล้วจู่ๆเธอก็โดนตมดูดลงไป แม่เห็นแบบนั้นรีบวิ่งลงไปเพื่อดึงขึ้นมา แม่ตะโกนเรียกคนให้มาช่วย เพราะตัวแม่เองก็กำลังโดนดูดลงไปด้วยเช่นกัน พ่อเห็นเช่นนั้นสั่งให้คนงานเอาเชือกมา พ่อวิ่งลงไปเอาเชือกมัดลูกกับแม่ไว้ ทุกคนช่วยกันดึงพิมกับแม่ขึ้นมา แต่พิมร้องด้วยความเจ็บปวด จนดึงเธอขึ้นมาได้ ก็พบว่าขาขวาของพิมนั้น ขาดไปข้างหนึ่งแล้ว แม่ตกใจจนสลบไป พ่อรีบพาพิมกับแม่ไปโรงพยาบาล ผ่านไปหลายวันพิมอาการดีขึ้น พ่อจึงพาพิมกลับบ้าน จากนั้นเขาก็มาที่บึงที่ถมนี้อีกครั้ง ให้คนงานเอารถตักมาขุดลงไป ไม่ว่าจะขุดลึกแค่ไหน ตักดินออกไป ควานหาต้นต่อที่ทำให้พิมขาขาดก็ไม่พบสิ่งได้ ตำรวจมาตรวจสถานที่เกิดเหตุก็จนใจ ได้แต่บอกกับชวนว่า นี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เกิดเหตุประหลาดแบบนี้ ชาวบ้านเล่าเรื่องต่างๆให้ชวนฟัง แต่ชวนคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระและไม่เชื่อ ผ่านไป 2 อาทิตย์ พิมได้ออกจากโรงพยาบาล พอกลับถึงบ้าน ทุกคืนพิมจะร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดบอกว่าเจ็บแผล ชวนพาลูกไปหาหมอ แต่หมอก็ให้แต่ยาแก้ปวดมา พิมบอกกับพ่อว่ามีจระเข้อยู่ในบึงนั้น กลางคืนเธอก็ฝันเห็นมันตลอด มันมาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และเธอกลัวมาก พ่อคิดว่าเป็นเพราะพิมเจอเรื่องร้ายๆมาเยอะ จึงพาเธอไปหาหลวงพ่อที่นับถือ เพื่อทำการเรียกขวัญและสะเดาะเคราะห์ หลวงพ่อผูกสายสิญจน์และรดน้ำมนต์ให้ หลวงพ่อบอกชวนว่าให้พาลูกกลับอยู่ที่ใกล้ๆบึงนั้น อย่าให้เขาไปไกลจากบึง มีสัตว์บางอย่างคอยจองเวรเขาอยู่ และมันไม่เลิกจนกว่าพิมจะตาย หลังจากนั้นชวนจึงได้ขอซื้อบ้านหลังหนึ่งในโครงการที่ใกล้กับบึงนั้น เจ้าของก็ยินดีขายให้ในราคาถูก เพราะโครงการยังทำไม่เสร็จ ชวนรีบปลูกบ้านหลังนั้นขึ้นเป็นแบบชั้นเดียวเพื่ออยู่อาศัยช่วงที่พิมอาการยังไม่ดี ทุกๆวันที่พิมอยู่บ้านอาการจะปกติไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องไปหาหมอ หรือต้องออกจากบ้านไปพิมจะมีอาการหลอนว่ามีจระเข้ตาม มีไข้ และปวดหัวอย่างหนัก จนทำให้เธอไม่สามารถไปโรงเรียนได้ โครงการเริ่มสร้างไปเรื่อยๆ แต่ก็พบปัญหาตลอดการสร้าง น้ำท่วมบ้าง ดินถล่มลงมาบ้าง คนงานบาดเจ็บบ้าง เจ้าของโครงการเลยหยุดดำเนินการสร้างไว้ เลยทำให้มีแค่บ้านของชวนหลังเดียวเท่านั้นที่มีคนอยู่ในโครงการ

 

 

หลายเดือนหลังจากนั้น บึงที่ถมแล้วก็เป็นเช่นเคย คือกลับมาเป็นบึงมีน้ำอีกครั้ง ชาวบ้านก็ต่างลือกันไปต่างๆนานาว่าเป็นบึงที่ถมไม่ได้ ไม่ว่าถมกี่ครั้งมันก็จะกลับมาเป็นบึงอีก เจ้าของที่เขาไม่ยอมให้ถม ทุกวันพิมจะนั่งจ้องมองไปที่บึงนั้นตลอด ข้าวปลาไม่ค่อยกิน จนผอมแห้ง แม่ที่คอยดูแลพิมอยู่เสมอก็ค่อยๆกลายเป็นโรคซึมเศร้าตามไป ทุกวันได้แต่ตั้งคำถาม ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเรา แม่เริ่มร้องไห้ทุกวัน พิมก็ได้แต่เหม่อลอย พ่อที่ต้องคอยแบกรับภาระครอบครัว ทั้งเมียและลูกก็เริ่มรับภาระนั้นไม่ไหว อีกหลายปีผ่านไปในเช้าวันหนึ่ง จู่ๆพิมก็เดินออกจากบ้านไปที่บึง พ่อตื่นขึ้นมาเห็นพิมเดินออกนอกบ้านเลยตามไป พิมไปหยุดยืนนิ่งอยู่ที่บึงพักหนึ่ง พ่อตะโกนเรียก “พิมจะทำอะไรลูก” พิมร้องไห้และหันมาหาพ่อ พิมเดินเข้ามาใกล้ๆพ่อ ทิ้งไม้เท้าลงและก้มลงกราบเท้าพ่อ ทั้งที่ไม่มีคำพูดใดออกจากปากพิม แต่พ่อก็รู้ทันทีว่าพิมคิดอะไร พ่อเอามือลูบหัวพิมและร้องไห้ พิมค่อยๆคลานลงไปที่บึงนั้นคลานลงไปในน้ำเรื่อยๆ เรื่อยๆพ่อยืนมองพิมที่ค่อยๆจมลงไปที่ละนิดทีละนิด จนพิมจมน้ำหายไป จิตใจพ่อที่เหนื่อยล้ามาหลายปี ต้องยอมปล่อยให้ลูกจากไป ที่ทั้งหัวใจมันเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัส “พ่อขอโทษนะลูก” พ่อร่ำไห้แทบขาดใจ เข่าทรุดลงที่ตรงหน้าบึง เขาไม่ได้บอกใครเรื่องนี้ เขากลับไปที่บ้านและเก็บข้าวของย้ายออกจากบ้านไปในตอนเช้ามืด ชาวบ้านก็สงสัยที่ไม่เห็นชวนออกมาซื้อของที่ตลาดหลายวันแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าหมู่บ้านไปดู เพราะที่นั่นเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล

 

หลายปีต่อจากนั้นโครงการก็เริ่มรีโนเวทใหม่ พื้นที่ส่วนบึงนั้น นำมาเป็นจุดขายของโครงการ มีการทำพิธี เชิญพระมาทำการล้างอาธรรพ์ต่างๆภายในหมู่บ้าน และโครงการก็สร้างเสร็จหลังจากนั้นอีก 2 ปี เป็นหมู่บ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่หลายสิบไร่ มีบึงสวยงามที่ล้อมรอบด้วยสวนสาธารณะกลางหมู่บ้าน พื้นที่ถูกจัดสรรสวยงาม บ้านที่ชวนเคยอยู่ ถูกทำให้เป็นสำนักงานขาย โครงการเองก็ไม่สามารถติดต่อขอซื้อพื้นที่คืนจากชวนได้ เพราะไม่รู้ว่าเขาย้ายไปอยู่ที่ไหน รอบนอกหมู่บ้านก็เจริญขึ้นมี ร้านค้า ถนนทางเข้าสะดวกสบาย เหล่าคนที่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาธรรพ์นั้นก็เริ่มล้มหายตายจากกันไปบ้าง ภายในไม่กี่ปีบ้านทุกหลังในโครงการก็ขายหมด โดยไม่ได้มีใครพบเห็นเหตุการณ์แปลกๆอะไรอีกเลย

 

ครอบครัวมณีฉายไพศาล ได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านนี้ เป็นครอบครัวพ่อแม่และมีลูกสาว อายุ 12 ปี อยู่ 1 คน ชื่อ มาย เธอเป็นเด็กร่าเริงซุกซนตามวัยปกติ เริ่มติดสวยบ้างเพราะอายุก็ย่างเข้าวัยสาวแล้ว มายมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันในละแวกบ้านบ้าง และเธอก็เริ่มมีแอบชอบหนุ่มๆ มีพี่ชายคนหนึ่งอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย อายุแก่กว่าเธอ 4 ปี เขาเรียนมัธยมปลาย หน้าตาหล่อเหล่า ชื่อสุดเขต ทั้งในโรงเรียนและในหมู่บ้านก็เป็นที่เรื่องลือกันว่าเขาหล่อ มีคนมาติดต่อให้ไปเป็นดาราหลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธ เพราะเขามีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักบินให้ได้ พี่เขตจะออกมาวิ่งตอนเช้ากับคุณพ่อทุกวัน มายก็มักจะชวนคุณพ่อมาออกกำลังกายตอนเช้าที่สวนเหมือนกัน จนมีโอกาสได้พูดคุยกัน คุณพ่อของมายและพี่เขตก็ต่างคุยกันถูกคอ และสนิทสนมจนแวะมากินข้าวที่บ้านกันและกันบ่อยๆ เขตเองก็เอ็นดูน้อง เพราะมายเองก็เป็นเด็กน่ารักและสุภาพ จนในวันหนึ่ง พ่อกับมายก็ไปที่สวนตามปกติ ก็พบกับพี่เขตกับพ่อเหมือนเคย พ่อมายกับพี่เขตก็นั่งพักคุยกันที่ริมบึงเหมือนปกติ จู่ๆมายก็ตะโกน “มีเด็กตกน้ำพ่อ” แล้วมายก็กระโดดลงไปในน้ำ พ่อตกใจรีบลุกขึ้นวิ่งตามมายไป แต่พอไม่เห็นเด็กในน้ำสักคน แต่เขตกลับเห็นจระเข้อยู่ในบึงน้ำ เขาตกใจมากตะโกนบอกพ่อ “มีจระเข้อยู่ในบึงครับพ่อ” ทุกคนหันไปมอง ทั้งพ่อมาย พ่อเขต และเขต ต่างเห็นจระเข้ตัวใหญ่อยู่ในบึง พ่อมายกระโดดลงน้ำลงไปช่วยลูกทันที ตอนที่ลงไปมายหมดสติไปแล้ว พ่อจึงอุ้มมายขึ้นมา และพาไปโรงพยาบาล พ่อเขตกับเขตรีบไปแจ้งทางฝายนิติว่าพบจระเข้ในบึงน้ำ ทางฝั่งนิติรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทำการค้นหาอยู่หลายวัน ทั้งใช้เครื่องสแกนหา ส่งกล้องลงไปใต้น้ำ ก็ไม่พบว่ามีจระเข้อยู่ในบึงนั้นเลย ทั้งเขตและพ่อประหลาดใจมาก เพราะพวกเขามั่นใจว่าเห็นจระเข้อยู่ในบึงนี้แน่ๆ ทางฝั่งของมาย เธอสลบไม่ฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวัน หมอเองก็ไม่รู้ว่ามายเป็นอะไรเพราะหมอตรวจร่างกายสมองและหัวใจ ทุกอย่างปกติหมด หมอแนะนำให้พ่อพามายกลับมาที่บ้าน พ่อจึงทำตามคำแนะนำของหมอ หลังกลับมาที่บ้าน เช้าอีกวันมายก็ฟื้น แต่เธอดูแปลกไปไม่เหมือนเดิม เอาแต่ถามว่า “ที่นี้ที่ไหน คุณเป็นใคร ทำไมฉันมาอยู่ที่นี้” พ่อกับแม่ร้องไห้เสียใจมากที่มายเป็นแบบนี้ พ่อเริ่มค้นหาเรื่องจระเข้ในบึงนั้น สอบถามชาวบ้านและอ่านข่าวต่างๆ ก็ทราบว่า บึงนี้มีที่มาประหลาด พ่อจึงเริ่มตามหาครอบครัวของคนที่เคยถูกจระเข้ในบึงนี้ทำร้าย เพื่อต้องการรู้ที่มาที่ไปของอาถรรพ์นี้

เขตแวะมาเยี่ยมน้องบ่อยๆ เพราะรู้ว่าน้องไม่ค่อยสบายจิตใจไม่ปกติ เขตขอแม่มายพาน้องออกไปวิ่งเล่นในสวนบ้าง เพื่อผ่อนคลาย แม่เห็นว่าน่าจะเป็นการดีที่ให้มายออกไปข้างนอกบ้างจึงอนุญาต เขตพาน้องไปวิ่งที่สวน พอมายออกไปนอกบ้าน มายกลับจำเขตได้ “พี่เขต ทำไมมายมาอยู่นี้หล่ะ” เขตดีใจมากที่ความจำน้องกลับมา “จำพี่ได้แล้วเหรอมาย รู้ไหมว่าพ่อแม่เป็นห่วงมากเลยนะที่มายจำอะไรไม่ได้เลยหลายอาทิตย์แบบนี้” มายงงกับสิ่งที่เขตบอก จากนั้นเขตก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง มายตกใจมาก เพราะเธอจำได้แค่ว่าเธอกระโดดลงน้ำไปช่วยเด็กคนหนึ่ง แล้วเธอก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย เขตพาน้องกลับบ้านรีบเล่าให้แม่ฟังบอกว่าน้องความจำกลับมาแล้ว แต่พอกลับถึงบ้าน มายก็เป็นเหมือนเดิม คือนั่งเงียบไม่พูดและไม่ยอมลุกไปไหน เขตยืนยันกับแม่ว่าตอนที่พาไปสวนมายพูดคุยได้เหมือนปกติ แต่ไม่รู้ว่าทำไมมาถึงบ้านแล้วถึงได้กลับเป็นเหมือนเดิม เรื่องที่เขตเล่าทำให้แม่มายยิ่งไม่สบายใจ เธอร้องไห้และสงสารลูก เขตเองก็ไม่สบายใจ และเริ่มค้นหาสาเหตุที่น้องเป็นแบบนี้ เขตกลับบ้านไปปรึกษาพ่อ “พ่อก็เห็นจระเข้ตัวนั้นเหมือนกันใช่ไหมครับ” พ่อพยักหน้า และเล่าเรื่องให้เขตฟัง หลังจากวันนั้นพ่อกับพ่อมายก็ไปถามชาวบ้านแถวนี้ดูว่าเคยมีจระเข้ในบึงนี้รึเปล่า เขาก็เล่าให้ฟังว่าหลายสิบปีก่อนเคยมีคนแอบเอาจระเข้มาปล่อยที่บึงนี้ และมีคนโดนจระเข้กัดตายมาแล้ว จระเข้ถูกฆ่าตายไปแล้วหลังจากนั้นไม่นาน แต่ก็ยังมีเรื่องประหลาดมากมายเกิดขึ้น เห็นว่าครั้งสุดท้ายที่สร้างโครงการนี้ก็มีเด็กโดนจระเข้กัดขาขาด และครอบครัวเขาก็ย้ายบ้านออกไป ตอนนี้บ้านเธอก็เป็นสำนักงานนิติบุคคลของหมู่บ้านนี้แหละ เจ้าของโครงการเขาติดต่อเจ้าของบ้านนั้นไม่ได้เลย ก็เลยไม่สามารถขายบ้านหลังนั้นได้

เขต : พ่อคิดว่ามันเป็นอาถรรพ์เหรอ สมัยนี้แล้วนะครับ

เขตสงสัยในเรื่องราวต่างๆนั้น เป็นจริงได้หรือว่ามันจะเป็นอาถรรพ์

พ่อ : พ่อเองก็ไม่แน่ใจ แต่ในบึงนั้นมันไม่มีจระเข้ที่เราเห็นเลยนะเขต

เขต : ถ้ามันไม่มีจระเข้แล้วสิ่งที่เราเห็นคืออะไรครับพ่อ ผมมั่นใจว่าเราไม่ได้ตาฝาดแน่ๆ

พ่อได้แต่นั่งนิ่งกับคำถามของเขต เพราะพ่อเองก็ตอบไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร

 

พ่อมายไปพบกับพระสงฆ์รูปหนึ่ง เพื่อขอคำแนะนำในการช่วยมาย หลวงพ่อองค์นี้คือคนที่รดน้ำมนต์ให้กับพิมที่เคยขาขาดก่อนหน้านี้ พอเล่าเรื่องให้หลวงพ่อฟัง ท่านก็รู้ทันทีว่าเป็นเพราะความอาฆาตของจระเข้ตัวนั้น หลวงพ่อให้พระองค์หนึ่งมาให้มายสวมไว้ตลอดเวลา และบอกกับพ่อว่า

“ทำบุญทำทานเยอะๆนะโยม อุทิศส่วนกุศลให้เขา เพราะเขาจองกรรมจองเวร ใครเข้าใกล้พื้นที่อาณาเขตเขา เขาก็จะทำร้ายและอาฆาต หากจะให้เรื่องยุติได้ ก็ต้องทำให้เขาหายอาฆาตและยอมจากไปเอง ไม่มีทางอื่นนอกจากนี้แล้ว”

”แล้วทำอย่างไรหล่ะ” พ่อได้แต่คิดสงสัยว่าจะทำอย่างไรให้จระเข้ตัวนั้นหายอาฆาต และปล่อยลูกสาวเขาไป พ่อนำสร้อยพระสวมให้มาย ตั้งจิตอธิฐานกับพระและเจ้าที่ที่บ้านขอให้มายหายจากอาการนี้เสียที แม่เล่าให้พ่อฟังเรื่องที่เขตพาน้องไปที่สวนและน้องความจำกลับมา พ่อจึงลองพามายไปที่สวนบ้าง แต่มายบอกพ่อว่าเจ็บขาไม่อยากออกไป และจู่ๆเธอก็เดินกระเพลกๆเหมือนเจ็บขา พ่อจะพาไปโรงบาล แต่เธอก็เอาแต่กรีดร้องไม่ยอมออกจากบ้าน “พวกคุณเป็นใคร ทำไมมาอยู่ที่บ้านฉัน” แต่ละวันถ้าเธอไม่อาละวาด ก็จะเงียบนิ่งและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขตก็แวะมาเยี่ยมอีกเช่นเคย น่าแปลกที่มายจำเขตได้คนเดียว เธอจะยอมพูดคุยด้วยและทำตามที่เขตบอก เขตพาน้องออกมาข้างนอกอีกครั้ง พอออกจากบ้านมายก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม มายมาที่สวนพ่อก็เดินตามมา มายเห็นพ่อก็โพเข้ากอด “พ่อจ๋า พ่อไปไหนมา หนูคิดถึงพ่อมากเลย” พ่อน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ ที่มายจำพ่อได้ และพอพูดคุยกัน มายก็พูดเหมือนเดิมว่า จำได้แค่ตอนที่กระโดดลงไปช่วยเด็กในน้ำ เขตแปลกใจมากเพราะเธอจำไม่ได้ว่าครั้งที่แล้วเขตพาเธอมาที่นี้ เหมือนความจำเธอหยุดนิ่งที่ตอนที่เธอกระโดดลงน้ำ พ่อเริ่มสงสัยว่าทำไมตอนที่อยู่บ้านเธอจึงเสียความทรงจำ พ่อจึงออกไปสืบหานายชวน ผู้รับเหมาโครงการที่ลูกสาวเขาเคยโดนจระเข้กัดขาก่อนหน้านี้ ตามหาอยู่เกือบเดือนก็พบว่าเขาย้ายกลับถิ่นฐานไปอยู่ต่างหวัดกับภรรยาเขา พ่อเล่าเรื่องมายให้ชวนฟัง ทำให้ชวนรู้สึกแปลกใจ เพราะอาการที่มายเป็นนั้น เหมือนกับพิมก่อนหน้านี้ ชวนไม่ได้เล่าเรื่องว่าลูกสาวหายไปไหน ชวนลองกลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้งเพื่อพบกับมาย พอชวนเห็นมายก็คลายความสงสัย เพราะมายเห็นหน้าชวนแล้วร้องไห้ “พ่อ” มายเรียกชวนว่าพ่อ ชวนร้องไห้ และรู้ได้ว่าวิญญาณของลูกสาวเขามาอยู่ในร่างมายแล้ว พ่อกับแม่มายสงสัยว่าทำไมมายจึงเรียกชวนว่าพ่อ ชวนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟังว่า ลูกสาวของเธอ ไม่สามารถทนต่อแรงอาฆาตของจระเข้นั้นได้ จึงได้คลานลงบึงนั้นไป “ทำไมถึงไม่บอกใคร ทำไมไม่เอาศพลูกสาวไปทำพิธี คุณเป็นพ่อยังไง แบบนี้ลูกสาวคุณถึงได้มาเข้าร่างลูกสาวผม แล้วใครจะรับผิดชอบสิ่งนี้” พ่อมายต่อว่าชวนอย่างรุนแรง ชวนได้แต่พูดคำว่า “ขอโทษ” และนั่งร้องไห้ มายเห็นชวนร้องไห้แล้วก็นึกถึงอดีต ตอนนั้น ที่พ่อแม่ต้องคอยมาดูแลเธอ พวกเขาร้องไห้ทุกวัน “พ่อแม่ต้องลำบากเพราะฉัน” ในใจเธอคิดแบบนี้เรื่อยมา กลางดึกวันนั้นชวนกลับบ้านไปแล้ว มายเดินออกจากบ้านไปที่บึงน้ำ เธอกำลังจะทำเหมือนเดิม พิมในร่างมาย เธอไม่ต้องการให้พ่อแม่ลำบากและทนทุกข์ทรมาน และเธอก็ต้องการหลุดพ้นจากบ่วงอาฆาตนี้ เธอค่อยๆเดินลงน้ำไปเรื่อย เป็นโชคดีที่วันนั้นเขตกลับบ้านดึกเพราะไปเที่ยวกับเพื่อนๆมา เขามองเห็นมายกำลังเดินลงไปในน้ำ เขารีบลงจากรถและวิ่งลงน้ำไปช่วยเธอทันที มายเริ่มจมลงไปในน้ำแล้ว แต่เขตก็ช่วยเธอขึ้นมาได้ “มายทำไมทำแบบนี้” เขตเอามือตบที่หน้ามายเบาๆเพื่อเรียกสติ พวกยามตกใจรีบวิ่งกรูกันเข้ามา มายได้สติและร้องไห้บอกกับเขตว่า “มีผู้หญิงจมอยู่ในน้ำ” เขตรีบอุ้มมายออกจากบึงนั้นและเรียกรถพยาบาลให้มารับทันที

มายอยู่ที่โรงพยาบาลมีแม่คอยดูอย่างใกล้ชิด พ่อมายแจ้งตำรวจเรื่องที่มีคนจมน้ำเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตำรวจให้ชุดประดาน้ำลงค้นหา พบว่ามีกระดูกเด็กหญิงจมอยู่ใต้น้ำ แต่เมื่อเอากระดูกมาต่อกัน กลับพบว่า ไม่ได้เป็นกระดูกของเด็กคนเดียว ตำรวจปิดกั้นพื้นที่เพื่อหากระดูกเพิ่ม แต่การค้นหายากลำบาก จึงได้ตัดสินใจ สูบน้ำออกจากบึงอีกครั้ง ชาวบ้านได้ข่าวเรื่องที่พบกระดูกต่างเข้ามามุงกันที่หน้าหมู่บ้าน เพราะทางหมู่บ้านไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าไป ครอบครัวของ น้อยกับบัว ขอตำรวจเข้าดูหลักฐาน เพราะคิดว่า นั้นอาจเป็นศพลูกสาวที่จมน้ำไปหายไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ใช้เวลาหลายวันกว่าจะสูบน้ำออกหมด มายได้สติขึ้นมาเธอบอกับพ่อว่า “มีเด็กผู้หญิงหลายคนอยู่ในบึงนั้น และพวกเธอไปไหนไม่ได้ มีเด็กติดอยู่ในถ้ำ มีจระเข้ขว้างอยู่ออกมาไม่ได้” พ่อสงสัยจึงมาที่บึงที่กำลังสูบน้ำออก จึงได้เจอกับพ่อแม่ของเด็กที่เคยจมน้ำในบึงนี้มาก่อน พ่อได้รู้ว่า พ่อกับแม่ของน้อยยังเก็บกระดูกของจระเข้นั้นไว้อยู่ นั้นอาจเป็นต้นเหตุของความอาฆาตของจระเข้ พ่อมายแนะนำให้พ่อน้อยเอากระดูกจระเข้ไปเผาและทำพิธีขอขมา หลังจากสูบน้ำออกหมด พ่อแจ้งกับทางตำรวจว่าอาจมีถ้ำหรือโพลงอะไรใต้บึงนี้ก็ได้ ตำรวจทำการค้นหาอย่างละเอียด ก็พบว่ามีโพลงใหญ่อยู่มีดินโคลนถล่มลงมาทับไว้และมีหญ้าบังทำให้มองไม่ได้ พอขุดเข้าไป ก็พบโครงกระดูกเด็กสาวอยู่ในนั้น มีหินทับร่างอยู่ และมีโครงกระดูกกระจัดกระจายในบ่ออีกหลายแห่ง ตำรวจจึงสันนิฐานว่า เด็กที่มีหินทับนั้น น่าจะเป็นน้อย ดินและหินที่ปากบ่อคงถล่มลมมาทับเธอ ทำให้หาร่างเธอไม่พบ แต่พอมองเข้าไปในโพลงนั้นลึกๆ ก็พบว่ามีท่อน้ำต่อยาวออกไปเป็นท่อกว้างประมาณ 80 ซม. เจ้าหน้าทีจึงหาต้นทางว่าท่อนี้ต่อยาวไปถึงไหน ก็พบว่าท่อนี้ต่อมาจากแม่น้ำใหญ่อีกที ด้วยเหตุนี้ก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจมีจระเข้หลุดเข้ามาจากแม่น้ำใหญ่ และอธิบายสาเหตุได้ว่าทำไมบ่อน้ำนี้ถึงไม่เคยแห้งสักครั้ง ตำรวจสรุปคดีได้ว่า เด็กหญิงคนแรกที่ชื่อน้อย เธอเสียชีวิตเพราะจมน้ำมีหินถล่มลงมาทับร่างเธอครั้งนั้นจึงหาร่างเธอไม่พบ ครั้งที่ 2 เด็กที่ชื่อบัวนั้น อาจถูกจระเข้กัดกิน เพราะพบชิ้นส่วนกระดูกของเธอแต่ไม่ครบทุกส่วน ส่วนที่เป็นท่อนล่างหายไป และกระดูกก็กระจัดการจายอยู่ในบ่อ จระเข้นั้นน่าจะอาศัยอยู่ในท่อหลังจากทำร้ายคนแล้ว น่าจะหนีกลับเข้าไปในท่อ เช่นเดียวกับพิมที่โดนทำร้ายจนขาขาด ส่วนร่างของพิม พบว่านอนอยู่ใต้บ่อ มีกระดูกอยู่ครบทุกส่วนยกเว้นขาที่ขาดไป

หลังคดีจบ พ่อแม่ของเด็กทั้ง 3 คนก็นำกระดูกของเด็กไปทำบุญ และนำไปลอยในแม่น้ำ พร้อมทั้งกระดูกของจระเข้นั้นด้วย โครงการทำการปิดท่อน้ำนั้นเพื่อไม่ให้มีสัตว์ต่างๆหลงเข้ามาอีก ชวนขายบ้านคืนโครงการและกลับไปอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม มายก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง และเธอก็ยังคงไปวิ่งที่สวนนั้นเหมือนเดิม

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว