ตอนที่ 1: เสียงของอดีต
เสียงเบรกกะทันหัน เสียงแตรรถ เสียงผู้คนกรีดร้อง… ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและหนักหน่วงเกินกว่าที่สมองของ ปานวาดจะรับรู้ได้ทัน
จากนั้น ทุกอย่างก็ดับวูบลง
.
.
.
เธอรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในความมืด ไม่รู้เวลาหรือทิศทาง ไม่มีร่างกาย ไม่มีเสียงรอบตัว มีเพียงเสียงหนึ่งที่ดังแผ่วเบา ราวกับมาจากปลายอุโมงค์ลึก
“เจ้าจะต้องกลับไป… ชดใช้… ก่อนที่เส้นแห่งกรรมจะถูกตัด…”
เสียงนั้นเย็นยะเยือก แต่กลับสั่นสะเทือนถึงใจ ปานวาดพยายามจะตอบกลับ แต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากลำคอเธอ
จากนั้น ความมืดก็เริ่มสว่างทีละน้อย จนกลายเป็นแสงจ้าจากดวงอาทิตย์ที่ส่องทะลุผ้าม่านบางสีขาว
“คุณวาดจันทร์! ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ!”
เสียงแปลกหูนั้นทำให้เธอสะดุ้งเฮือก เธอพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่ร่างกายรู้สึกหนักอึ้ง และสิ่งที่เห็นก็ทำให้หัวใจเธอเต้นระรัว
ห้องที่เธออยู่ไม่ใช่ห้องพยาบาล หรือโรงพยาบาลอย่างที่ควรจะเป็น
มันคือห้องไม้เรือนไทยโบราณ เพดานสูง หน้าต่างบานเกล็ดเปิดรับลมเย็น เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้เนื้อดีแบบเก่า ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าสักชิ้น
หญิงสาวในชุดโจงกระเบนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง มีน้ำตาซึมที่หางตาเมื่อเห็นเธอฟื้น
“ข้าเป็นห่วงแทบแย่… คุณวาดจันทร์จำแม่สายไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
ปานวาดอ้าปาก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
“...วาดจันทร์?” เธอพึมพำกับตัวเอง
หญิงสาวที่ชื่อว่าแม่สายส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ แล้วหยิบกระจกเงินโบราณมายื่นให้เธอ
“ลองมองดูหน้าตัวเองสิเจ้าคะ คุณยังงามเหมือนเดิม…”
ปานวาดรับกระจกมา มือสั่นน้อย ๆ
ภาพในกระจกทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ
หน้าที่สะท้อนกลับมาในกระจกนั้น… คือใบหน้าของเธอจริง ๆ แต่ไม่ใช่เธอ ตอนนี้
ทรงผมที่รวบตึงแบบโบราณ ชุดไทยประยุกต์สีอ่อน และที่สำคัญ… แววตานั้นไม่ใช่ของเธอ
มันมีอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้จัก แต่อบอวลไปด้วยความเศร้า ความกลัว และ… ความผิด
.
.
.
คืนนั้น ขณะที่ทุกคนหลับใหล เสียงฝนตกเบา ๆ กระทบหลังคาไม้ไผ่ เธอนั่งอยู่คนเดียวริมหน้าต่าง
แม้จะพยายามคิดทบทวน แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า “เธอ” ในที่นี่ไม่ใช่ ปานวาด อีกต่อไป
แล้วใครคือ "วาดจันทร์"?
และเพราะเหตุใด… เธอถึงรู้สึกได้ว่า ยังมีบางคน… บางดวงตา… จ้องมองเธออยู่จากมุมมืดของอดีต
“เจ้าจะต้องกลับไป… ชดใช้… ก่อนที่เส้นแห่งกรรมจะถูกตัด…”
เสียงนั้นดังก้องขึ้นอีกครั้งในความคิด
จบบทที่ 1