ร้อยรัดอดีตชาติ... สู่เงาแค้นปัจจุบัน
เมื่อใบหน้าในรูปสลักโบราณ... คล้ายคลึงดั่งภาพสะท้อนของฆาตกร
จากนครสิงหปุระบรรพต... สู่คฤหาสน์เทวาลัยที่ซ่อนความลับดำมืด
ความรักอมตะ... หรือคำสาปที่ตามทวงชีวิต?
หมื่นสุนทรเทวา... นักรบผู้ตกในห้วงเสน่หา
มนทิราณี... ราชินีผู้ครอบครองเวทมนตร์
สิงขร... นายตำรวจผู้ต้องไขปริศนาแห่งกาลเวลา
เกตุศิรินทร์... หญิงสาวผู้กุมกุญแจสู่ความจริงที่ถูกลืมเลือน
ในคืนพระจันทร์เต็มดวง... ความตายจะหวนคืน
“ยามเมื่อดวงตะวันทอแสงแรก... มิอาจงามเท่าประกายจากดวงเนตรพระธิดา... ข้ากระหม่อมเพียงหวังว่า... ความคะนึงหาในหทัยของข้ากระหม่อม... จะส่งถึงดวงใจพระองค์บ้างมิมากก็น้อย... ถึงได้มาเยือน ณ ที่นี้... เพื่อยลพระพักตร์ให้ชื่นอุรา”
“คำกล่าวของท่านหมื่นช่างหวานล้ำ...”
“แต่ความคะนึงหาที่ท่านเอ่ย... นั้นมีแต่ท่านผู้เดียวฤาไม่?”
“หากความคะนึงหาของข้ากระหม่อมเป็นดั่งสายฝน... พระธิดาก็คือผืนดินที่ข้ากระหม่อมปรารถนาจะหยาดรดแต่เพียงผู้เดียว... หาได้เผื่อแผ่ไปยังผืนดินอื่นไม่”
“หากเป็นเช่นนั้น... ความคะนึงหาของข้าที่มีต่อท่าน... ก็คงมิได้น้อยไปกว่าท่านเช่นกัน”
“ท่านหมื่นมาฝึกซ้อมแต่เช้า... มีกิจสำคัญอื่นใดให้ต้องรีบไปกระทำฤา?”
“ข้ากระหม่อมเพียงต้องการให้ร่างกายพร้อมเสมอ หากมีกิจใดที่ต้องรับใช้พระองค์และแผ่นดินจักได้ทันการ”
“ท่านหมื่นช่างจงรักภักดีเสียนี่กระไร”
“ฝีมือการใช้ดาบของท่านก็เก่งกาจมิมีใครเทียบเทียมได้ จักกลัวไปใยกันเล่า”
“เช่นนั้นแล้ว ข้ากระหม่อมขออนุญาตติดตามพระธิดาไปได้หรือไม่? เพียงเพื่อได้ถวายการดูแล... และคอยห่วงใยพระองค์อยู่ใกล้ๆ”
“ด้วยความงามของพระธิดานั้น... เปรียบประดุจแสงจันทร์ที่ส่องสว่างในยามรัตติกาล ข้ากระหม่อมมิอาจละสายตาได้เลย”
“คารมท่านหมื่นช่างหวานล้ำเยี่ยงนี้ ประสงค์จะเกี้ยวข้ากระนั้นรึ?”
“มิได้บังอาจหมายเกี้ยว เพียงแต่ดวงใจข้ากระหม่อมมันโหยหาที่จะได้ชื่นชมพระพัตร์ใกล้ชิดเท่านั้น”
“หากความงามของพระธิดาเปรียบดั่งแสงจันทร์นำทางในความมืดมิด คำคารมของข้ากระหม่อมก็คงเป็นเพียงหิ่งห้อยน้อยที่ปรารถนาจะส่องแสงเคียงข้างเท่านั้น”
“ข้ากระหม่อมมิอาจปฏิเสธ..ว่ามิได้รู้สึกยินดีต่อพระธิดาเลย”
“หากท่านหมื่นประสงค์เช่นนั้น... ข้าก็มิอาจขัดข้อง”
“เพราะความงามของพระธิดา มิใช่เพียงแสงจันทร์... หากแต่เป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาหัวใจข้ากระหม่อมให้ลุ่มหลง จนข้ากระหม่อมมิอาจหักห้ามมิให้ใจปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิด... ปรารถนาที่จะได้ถวายความภักดีมิเพียงแต่ด้วยดาบ หากแต่ด้วยชีวิตทั้งชีวิต”
พระพักตร์งามของมนทิราณีเทวีแดงปลั่งมิได้หยุดหย่อน นางทรงหลุบพระเนตรลงต่ำเล็กน้อยอย่างเขินอาย
“ท่านหมื่นกล่าวเกินไปแล้ว... ข้าเป็นเพียงสตรีธรรมดา”
“มิได้เลย พระธิดา”
“ความงามของพระองค์นั้นเหนือกว่าเทพธิดาใดๆ ในสรวงสวรรค์ เพียงได้ยลพระพักตร์... โลกทั้งใบของข้ากระหม่อมก็สว่างไสว”
“หากคำของท่านหมื่นเป็นความจริง... ท่านจะพิสูจน์ให้ข้าเห็นได้หรือไม่?” หมื่นสุนทรเทวาคลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“เพียงพระธิดามีบัญชา... ข้ากระหม่อมพร้อมจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”
“เช่นนั้น...โปรดจงตามข้ามา”
“ท่านหมื่นเห็นสายน้ำนี้หรือไม่? มันไหลเรื่อยไป... ไม่เคยหยุดนิ่ง ความรู้สึกของข้าก็เช่นกัน... หากใครสักคนทำให้มันหยุดนิ่งได้... ผู้นั้นคงมีความหมายต่อข้าอย่างยิ่งนัก”
“กระหม่อมปรารถนาที่จะเป็นดั่งสายน้ำนั้น... ที่จะไหลเคียงข้างพระองค์ตลอดไป... และหากพระองค์ทรงประสงค์... กระหม่อมจะหยุดนิ่งอยู่เคียงข้างพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”
เรื่องย่อ
หนุ่มโสดหลายรายต้องสังเวยชีวิตด้วยความตายอันเป็นปริศนา ไร้ร่องรอย ไร้พยาน ราวกับถูกพรากวิญญาณไปในพริบตา ความหวาดผวาเริ่มก่อตัวขึ้นในเมืองกรุง เมื่อตำรวจยังคงไร้ซึ่งเบาะแส
ท่ามกลางความมืดมนนั้น ร้อยตำรวจโทสิงขร นายตำรวจหนุ่มไฟแรง กลับสัมผัสได้ถึงกระแสบางอย่างที่เชื่อมโยงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหมดไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง... คฤหาสน์เทวาลัย คฤหาสน์โบราณอายุนับร้อยปี
เจ้าของคฤหาสน์เทวาลัยคือ สุริยาวดี สตรีผู้มีออร่าลึกลับ งดงามราวกับภาพวาดโบราณ ทว่าแววตาของเธอกลับฉายความเยือกเย็นจนน่าขนลุก เมื่อสิงขรได้พบกับเธอในคฤหาสน์อันโอ่อ่า เขากลับรู้สึกถึงแรงดึงดูดอันประหลาด ราวกับเคยรู้จักเธอมาก่อนในห้วงเวลาที่ลึกซึ้งกว่าปัจจุบัน
ในขณะเดียวกัน คมกฤช นักโบราณคดี เพื่อนสนิทของสิงขร ผู้หลงใหลในวัตถุโบราณ ได้ค้นพบตำราโบราณที่ถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ภายในบันทึกโบราณนั้น ปรากฏเรื่องราวของ มนทิราณีเทวี ราชินีผู้ทรงอำนาจในตำนาน ผู้มีชีวิตเป็นอมตะ และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ รูปวาดของมนทิราณีเทวีในตำรานั้น กลับมีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับสุริยาวดีอย่างน่าตกตะลึง
สัญชาตญาณของนายตำรวจหนุ่มกระซิบเตือน สิงขรเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว เขาพบเงื่อนงำที่ชี้ให้เห็นว่า สุริยาวดีอาจไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดา แต่คือมนทิราณีเทวีที่ฟื้นคืนชีพมาในร่างใหม่ และเหยื่อหนุ่มโสดเหล่านั้น อาจเป็นเพียงเครื่องบรรณาการที่ถูกส่งไปปรนเปรอความต้องการอันดำมืดของนาง ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้รับใช้อย่างน่าสยดสยอง
ยิ่งสืบลึกลงไป สิงขรก็ยิ่งรู้สึกถึงความผูกพันอันลึกซึ้งกับ เกตุศิรินทร์ เลขาสาวสวยของสุริยาวดี ผู้มีดวงตาเศร้าสร้อยราวกับแบกรับความลับบางอย่างไว้ภายในหัวใจ ทุกครั้งที่สบตาเธอ ความทรงจำที่เลือนรางราวกับภาพฝันก็หวนคืนมา... ภาพของนักรบโบราณ และหญิงสาวผู้มีรอยยิ้มแสนหวาน
แล้วในที่สุด ความทรงจำในอดีตชาติก็ไหลบ่าเข้ามาในจิตใจของสิงขรอย่างฉับพลัน เขาคือ หมื่นสุนทรเทวา นักรบผู้กล้าหาญแห่งยุคสมัยโบราณ และเกตุศิรินทร์คือ ยโสธรา หญิงคนรักผู้เป็นดั่งดวงใจ ทว่าความรักของพวกเขา กลับถูกกีดกันด้วยความริษยาอันดำมืดของมนทิราณีเทวี ผู้ที่พรากชีวิตยโสธราไปจากเขา
ความแค้นในอดีตชาติปะทุขึ้นในใจสิงขร เขาไม่อาจปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้อีกต่อไป ด้วยดาบคู่กายที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ และความรู้ในคำสาปโบราณที่ถูกจารึกไว้ในศิลา สิงขรตัดสินใจเผชิญหน้ากับสุริยาวดี เพื่อปลดปล่อยวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ และปกป้องคนที่เขารัก