หลี่ลู่เสียน ลืมตาอีกทีกลับพบว่าตัวเองสวมชุดสีแดงเพลิงปักด้วยลวดลายหงส์คู่สยายปีกโบยบิน มีผู้หญิงมากหน้าหลายตาสวมชุดโบราณห้อมล้อมมุงดูเขา คนเยอะทำให้บรรยากาศอบอ้าว ไหนจะเสียงจอแจที่แย่งกันลั่นคำถามอีก ยิ่งทำให้หลี่ลู่เสียนรู้สึก...โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยการตวาดลั่น
“ออกไป”
ผู้หญิงมากหน้าหลายตาในชุดโบราณตกใจรีบถอยกรูออกห่าง ‘เจ้าสาว’ ของงานมงคลวันนี้
เจ้าสาวผู้ปักปิ่นทองเก้าหงส์ซึ่งหมายถึงพระยศระดับ...พระชายาแห่งอ๋อง
ตวาดไล่พวกสอดรู้สอดเห็นแล้วหลี่ลู่เสียนก็ลูบหน้าท้องด้านซ้ายของตัวเอง ‘มันไม่มีบาดแผล’ เขาตกอกตกใจไม่น้อยเลย หลี่ลู่เสียนที่สมควรนอนจมกองเลือดอยู่ในตรองย่านสถานบันเทิงชื่อดังของเมืองกลับมาอยู่ในห้องที่ประดับประดาด้วยผ้าแพรไหมสีแดง “นี่มันงานแต่งชัด ๆ”
จากนั้นหลี่ลู่เสียนครุ่นคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ของตัวเองก่อนเป็นลำดับต่อมา หลี่ลู่เสียนขึ้นชื่อเป็นมาเฟียที่ทรงอิทธิพล มีลูกน้องในสังกัดร้อยกว่าคน เขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสาขาดูแลกิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ ย่านสถานที่ท่องเที่ยว แต่เพราะพวกลูกน้องเคารพศรัทธาเขามากกว่าเจ้าของแก๊ง เลยทำให้พักหลังหลี่ลู่เสียนโดนเจ้าของแก๊งหาเรื่องอยู่บ่อยครั้ง
จนกระทั่งวันหนึ่งที่มีแก๊งคู่แข่งยกพรรคพวกมาหาเรื่องถึงถิ่น กล่าวหาพวกเขารุกล้ำเขตของพวกมัน ทั้งที่ความจริงลูกน้องหลี่ลู่เสียนไม่ได้ทำแบบนั้นเลย หลี่ลู่เสียนรู้ข่าวก็สายเกินไปเพราะเกิดการต่อสู้ขึ้นที่เขตติดต่อ
หลี่ลู่เสียนไปถึงสถานที่ที่กำลังเดือดพล่านเหมือนสนามรบ เขาเลือกประกาศห้ามศึกก่อนและขอเจรจาอย่างสันติกับศัตรู ระหว่างนั้นเขากลับเจอเหตุลอบยิง โชคดีที่หลี่ลู่เสียนไหวตัวทันเพราะได้ข่าว ‘มือปืนต่างเมืองเดินทางมาพักที่โรงแรมในเมืองแห่งนี้’ เข้าหูได้สามวันแล้ว ดังนั้นหลี่ลู่เสียนเลยระมัดระวังตัว
ทว่าระวังคนนอกแต่กลับโดนคนกันเองลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต