ตราบลมหายใจรักที่เฝ้าคอย
ผู้แต่ง หวังเสี่ยวชิง
ออกแบบปก หวังเสี่ยวชิง
จำนวนตอน 18 ตอน
เผยแพร่ พฤษภาคม 2568
ขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 และฉบับเพิ่มเติม ห้ามทำการคัดลอก ดัดแปลงเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปแบบใดก็ตามที่เป็นการเผยแพร่ หรือวิธีการใด ๆ ทั้งปวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่ง จะถูกดำเนินการทางกฏหมายทันที
********************
“ท่านปู่ร้องไห้ทำไมหรือเจ้าคะ/ขอรับ” เด็ก ๆ พร้อมใจกันเอ่ยถามขึ้นมา
“ปู่ร้องไห้ เพราะปู่คิดถึงนิทานเรื่องหนึ่งขึ้นมา หลาน ๆ อยากฟังกันหรือเปล่า”
“อยากฟังเจ้าค่ะ/ขอรับ” เป็นอีกครั้งที่เด็ก ๆ พร้อมใจกันผสานเสียง
“อยากฟังก็นั่งลง” ไม่รอให้ชายชราพูดบอกซ้ำสอง เด็ก ๆ รีบพากันนั่งลงรอบตัวของชายชรา ดวงตาทุกคู่จดจ้องมองใบหน้าเหี่ยวย่นอย่างตั้งอกตั้งใจ
ก่อนเสียงของหลานสาวจะเอ่ยถามขึ้นมา “เป็นนิทานเกี่ยวกับอะไรหรือเจ้าคะท่านปู่”
ใบหน้าเหี่ยวย่นเหลียวไปมองเนินดินที่ได้รับการดูแลอย่างดี ก่อนตอบขึ้นมา “เป็นเรื่องของหญิงสาวที่เฝ้ารอคนรัก กับชายหนุ่มที่ผิดคำสัญญา แล้วยังมีสุนัขตัวหนึ่ง ที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของของมัน” ...
********************
เยี่ยนหงหนอเยี่ยนหง เจ้าช่างโง่เขลาสิ้นดี ที่รักคนอื่นมากเสียกว่ารักตัวเอง แล้วเป็นเช่นไรเล่า ยามเมื่อรู้ว่าความรักที่ทุ่มเทให้คนผู้นั้นมันไม่มีค่า เจ็บปวดทรมานปางตายแค่ไหน
หากรู้เช่นนี้...ความคิดหยุดลง ใบหน้าร่วงโรยหันมามองใบหน้าของชายชราที่อยู่เคียงข้างมาตลอด ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์ มือที่ไร้เรี่ยวแรงพยายามยกขึ้น
หมิงหยางคล้ายจะอ่านความตั้งใจของสหายรักได้ รีบเอื้อมมือมาคว้ามือเล็กกว่าไปกอบกุมเอาไว้ พร้อมกับตั้งใจฟังสิ่งที่นางกำลังจะบอก
“อาหยาง หากวันนั้นข้าเลือกเจ้า วันนี้หัวใจข้าคงไม่เจ็บเจียนตายเช่นนี้กระมัง เจ้าดีกับข้ามาตลอด แม้กระทั่งโกหกเพื่อให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เจ้าก็ยอมทำ ชาตินี้ข้าผิดต่อเจ้านัก หากชาติหน้ามีโอกาสได้พบกัน ข้าจะไม่มีวันเลือกคนผิดอย่างเช่นชาตินี้”
“หงเอ๋อร์ เจ้าเหนื่อยมามากอย่างพึ่งพูดอะไรเลยนะ พักผ่อนให้มาก พวกเราจะได้มาดูความงามของพระอาทิตย์ยามตกดินอีก”
เสียงแหบระโหยของสหาย ทำให้หัวใจของชายชราสั่นไหวแปลก ๆ ชอบกล ความกลัวคืบคลานเข้ามา ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่าเขากำลังจะพบกับความสูญเสีย
เยี่ยนหงส่ายหน้าช้า ๆ หากนางไม่พูดตอนนี้ เกรงว่าชาตินี้นางคงไม่มีโอกาสได้พูดอีก
“อย่าห้ามข้าเลย อันเอ๋อร์”
“ขอรับท่านแม่” ดวงตาของไห่อันเริ่มแดงก่ำ รู้สึกไม่ต่างจากที่ชายชรารู้สึก สองแขนโอบกอดร่างของมารดาไว้แนบอก
“แม่ขอโทษ ที่ผ่านมาแม่เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง หากไม่มีน้าหยางของลูก ลูกคงไม่มีวันนี้ แม่อยากบอกว่า ลูกตัดสินใจไม่ผิด ที่เรียกน้าหยางว่าท่านพ่อ ต่อไปก็กตัญญูดูแลท่านพ่อของลูกให้ดี”
มาถึงตรงนี้หญิงชราก็หยุดพูด หน้าอกบีบรัดแน่น จนเก็บอาการเอาไว้ไม่ไหว แสดงผ่านออกมาทางใบหน้าที่บิดเบี้ยว ก่อนจะกระอักโลหิตสีแดงออกมา
“ท่านแม่”
“หงเอ๋อร์”
เสียงเรียกของชายต่างวัยทั้งสอง ไม่อาจส่งถึงหญิงชราที่หมดลมหายใจไปแล้ว ในยามที่กระอักเลือด แววตาไร้แสงของนางยังคงจับจ้องมองต้นอิงฮวาที่กำลังร่วงโรยอยู่อย่างนั้น
มือเหี่ยวย่นสั่นเทายกขึ้นลูบดวงตาที่ไม่ยอมปิดให้ปิดลง หยดน้ำตาของหมิงหยางแม้ไม่ได้ไหลผ่านดวงตา แต่มันกลับเปียกชุ่มหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าว ยามต้องมาสูญเสียคนที่เขารักมากไป
ไห่อันนั้นกอดร่างไร้วิญญาณแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม ร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่อายผู้ใด จนชายชราต้องเข้ามาปลอบ