‘ทะลุมิติมาเป็นนางบำเรอที่ท่านโหว (ไม่) รัก’
[ตัวอย่าง]
หญิงสาวตัวสั่น ดวงตาฉ่ำปรือและเปียกชื้นเพราะคราบน้ำตาที่หลั่งรินออกมาด้วยความหวาดกลัว
สัมผัสนุ่มจากฝ่ามือเล็กแตะที่หลังมือของเขาเพื่อหวังจะห้ามปรามแต่นั่นกลับทำให้แม่ทัพหนุ่มเลือดร้อนรู้สึกสะท้านวูบราวกับเส้นความอดทนกำลังจะขาดผึง
“ข้า...ข้าเพิ่งมาที่นี่วันนี้...รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ในร่างนี้แล้ว!”
หวังเยว่ซินพูดความจริงออกไปด้วยหวังว่าเรื่องบ้าๆ นี่จะจบลงก่อนที่อะไรบางอย่างจะเลยเถิดจนเกินแก้ไข
“หึ...เจ้ากำลังเพ้ออะไรอยู่...เจ้าเกิดและโตที่นี่ กลับบอกว่าเพิ่งมา? พูดไปใครจะเชื่อ?”
เขากระซิบใกล้หูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า อีกทั้งแววตายังคมปลาบราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อทุกเมื่อ
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าวันนี้ข้า ‘ใจดี’ แค่ไหน หากเป็นข้าในเมื่อก่อน ยามนี้เจ้าคงไม่เหลือแม้กระทั่งลมหายใจแล้ว”
เธอกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ฝ่ามือเลื่อนไปยันที่หน้าอกของเขาไว้
“ท่านได้โปรดละเว้นด้วย ข้ายังไม่เคย...และข้าไม่อยากเสียตัวให้คนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของข้า!”
“ชื่อเจ้า...ข้าไม่สน”
“.....”
“สิ่งที่ข้าสนใจตอนนี้คือข้าต้องการปลดปล่อยและเมื่อข้าได้ปลดปล่อยจนพอใจแล้ว ข้าจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะไว้ชีวิตเจ้าและหอลู่เสียนแห่งนี้หรือไม่!”
“ไม่เอา ปล่อยนะ ปล่อย อ๊ะ! อืมมม”
หวังเยว่ซินหลุดเสียงแปลกๆ ออกมาเมื่อสติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดถูกฝ่ามืออุ่นรุกรานจนเตลิด
ร่างเล็กพ่นลมหายใจร้อนผ่าวออกมาเมื่อรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยามที่นิ้วร้ายควานลึกสอดแทรกเข้าไปในช่องทางสงวนที่ไม่ควรเปิดเปลือยให้ใครได้ล่วงล้ำ
หลี่ม่อเหยียนไม่ได้ใส่ใจที่จะเตรียมความพร้อมให้หญิงสาว เขาเพียงชำแรกเข้าไปเพื่อสำรวจเส้นทางก่อนบุกทะลวงก็เท่านั้น
แม้จะเริ่มควบคุมตัวเองได้ยากเต็มทีแต่แม่ทัพที่มีแต่คนหมายปองชีวิตอย่างเขาย่อมต้องรอบคอบและยึดความปลอดภัยเอาไว้ก่อน มือหยาบที่ผ่านการจับอาวุธมามากมายปลดเปลื้องอาภรณ์บางเบาของหญิงสาวตรงหน้าออกจนหมดเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่านางไม่ได้ซุกซ่อนอาวุธสังหารเอาไว้...แม้แต่ภายในส่วนสงวนเองก็ตาม
แสงโคมแดงสะท้อนกับผิวเนื้อขาวผ่องที่ยามนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด...ไม่รู้ว่าเพราะแสงเทียนหรือฤทธิ์ยากันแน่ เสียงหอบหายใจช่วยกระตุ้นอารมณ์ดิบที่มีให้ลุกโชน
“ฮือ อ่า อ่ะ อา ทะ ท่าน! อ่ะ!!”
หญิงสาวร้องเสียงหลงฟังไม่ได้ศัพท์เพราะความหวามไหวที่ไม่เคยสัมผัส
แน่ล่ะ! ก็เธอเป็นหญิงสาววัยเบญจเพสที่โสดมาตลอดชีวิตและตั้งใจจะเก็บรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้สามีในอนาคต ความรู้สึกเสียวซ่านเกินห้ามใจนี้ผสานกับฤทธิ์ยามันทำให้สตรีอ่อนประสบการณ์อย่างเธอหลงเตลิดจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
หากแต่ในขณะที่ร่างกายจวนจะถึงขีดจำกัด ความสุขสมที่จะได้รับเป็นครั้งแรกกำลังรออยู่เบื้องหน้า...ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น...หลี่ม่อเหยียนกลับหยุดมือลงราวกับจะแกล้งกัน!
“ท่าน...!”
“หึ ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาทำสิ่งนี้ให้เจ้า เจ้าคงไม่ลืมหน้าที่ของตัวเองหรอกนะ...”
“.....”
“ว่าคนที่ต้องเป็นฝ่ายปรนนิบัติ...คือเจ้า!”
เอ่อก็จริงอย่างที่เขาว่า...เอ้ยยย บ้าเหรอ! นี่เธอชักจะอินกับบทมากเกินไปหรือเปล่า
เขาโอบเธอแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์และแนบริมฝีปากลงมาประทับบนกลีบปากอวบอิ่มของหญิงสาวราวกับจะกลืนกิน ลมหายใจร้อนผ่าวผสมกลิ่นกำยานที่คลุ้งไปทั่วห้อง
หวังเยว่ซินดิ้นเร่าแต่กลับถูกกอดแน่นขึ้น มือใหญ่สัมผัสผิวเนื้อของเธอราวกับคนหลงทางกำลังควานหาเข็มทิศชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตาย
ต่อเมื่อร่างกายเริ่มทนไม่ไหว แก่นกายที่ทั้งแข็งแรงและใหญ่ยาวดุจทวนประจำกายที่พร้อมฟาดฟันศัตรูก็เริ่มประท้วงหนักขึ้นจนปวดหนึบ หลี่ม่อเหยียนผละตัวออกเล็กน้อยเพื่อสลัดเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจากร่างจนหมดสิ้น
หวังเยว่ซินเบิกตาโตอย่างตกใจ ริมฝีปากอ้ากว้างจนมองเห็นเรียวฟันขาวสะอาด ใบหน้าแปลกประหลาดมองดูน่าตลกยิ่ง
ทว่าหลี่โหวไม่มีอารมณ์จะมานึกตลกด้วย เขากำลังมุ่งมั่นและจริงจังอย่างมากที่จะสอดใส่บุกทะลวงเข้าไปในเส้นทางสีชมพูที่กำลังล่อตาล่อใจอยู่ในยามนี้
หวังเยว่ซินได้เห็น ‘ของดี’ ด้วยตาเนื้อเป็นครั้งแรกก็อดตื่นเต้นไม่ได้
‘เอาว่ะ! ไม่ว่าจะความจริงหรือความฝัน หากได้ ‘กิน’ สักคำก็ถือเป็นกำไรของสาวโสดอย่างเราแล้ว!’
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเรียวขาขาวเนียนที่พยายามเบี่ยงหนีเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นอ้าออกกว้างอย่างให้ความร่วมมือ
หลี่ม่อเหยียนเห็นท่าทางเตรียมพร้อมของนางก็ไม่รอช้า
‘หึ! นางคณิกาที่ช่ำชองอย่างเจ้าในที่สุดก็เลิกเสแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาแล้วสินะ’
เขาไม่จำเป็นต้องทะนุถนอมเพราะนางก็แค่นางโลมคนหนึ่ง...และแน่นอนว่าแม่ทัพหนุ่มฉกรรจ์อย่างเขาย่อมไม่รู้จักคำว่า ‘รักหยกถนอมบุปผา’ อยู่แล้ว
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาก็ส่งทวนที่แข็งราวกับหินแทงเข้าไปในปากถ้ำลี้ลับทันทีจนมิดลำ!
สวบบบบบบบบบบ!!!
“กรี๊ดดดดดดดดดด!!”
------------------------------------------
“หากเจ้าไม่มีเงินมาคืนข้า...”
“ย่อมไม่มีอยู่แล้ว เงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้น หากข้ามีอยู่ มิสู้นำไปไถ่ตัวเองออกมาเสียตั้งแต่แรกมิดีกว่าหรือเจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ต้องเป็นของข้า”
“หา?”
“เป็นคนของข้า”
“ฟังดูดีนะเจ้าคะ”
ริมฝีปากอวบอิ่มเผยยิ้มสดใสออกมาจนหลี่ม่อเหยียนรู้สึกตาพร่า เขาหรี่ตาลง กระแอมออกมาเล็กน้อยแล้วพูดเสียงขรึม
“ข้าหมายถึงให้เจ้าเป็นนางบำเรอของข้า”
“ก็ได้ๆ ...ก็แค่เป็น...ห๊ะ นางอะไรนะ!!”
“นาง-บำ-เรอ”
หลี่ม่อเหยียนย้ำชัดทีละพยางค์ เขาเองก็นึกแปลกใจว่าเหตุใดจึงสามารถทนนั่งคุยกับนางได้เป็นตุเป็นตะ ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนชอบพูดมากและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสตรีเพศที่มักจะจุ้นจ้านน่ารำคาญ
“นี่ท่านโหว ท่านหลงเสน่ห์ข้าเข้าแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่ ยอมรับมาเถอะน่า...หน้าที่มีมากมาย จะงานครัวหรือปัดกวาดซักล้างทำสวนก็ย่อมได้ แต่ท่านจะให้ข้าปรนนิบัติรับใช้ที่บนเตียง เห็นชัดว่าท่านตัดใจจากข้าไม่ได้...”
อวี้เฟยเฟยทำหน้าล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย ไม่รู้เหตุใดนางจึงไม่นึกกลัวเขาอย่างที่ควรเป็น
“หากเจ้ายังทำตาหรี่น่าเกลียดแบบนั้น ข้าก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เจ้าตาเหลือก”
“!!!”
-------------------------------------------------
“อยู่ที่นี่...ในที่ของเจ้าและอย่าเรียกร้องให้มาก”
“ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ?” อวี้เฟยเฟยที่กำลังมองสำรวจ ‘บ้านใหม่’ อยู่อย่างตื่นตาตื่นใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด
“จงเจียมตัว แม้เป็นนางบำเรอของข้าแต่ก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องสิ่งใด โดยเฉพาะความรัก”
เขาเอ่ยเสียงเรียบราวกับกำลังสั่งความทหารใต้บัญชาแล้วทำท่าจะเดินจากไป
“แต่ถ้าท่านมอบให้เองก็มิใช่ความผิดของข้าใช่หรือไม่!”
เขาชะงักก่อนหันกลับมาช้าๆ เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นนิดๆ อย่างเย้ยหยัน
“ข้าเตือนแล้วว่าอย่าหลงตัวเองให้มาก ที่ข้าซื้อตัวเจ้ามาเพียงเพราะไม่อยากให้สตรีที่ ‘นอนกับข้า’ ถูกใครเอาไปเชยชมต่อก็เท่านั้น”
“หึ! ที่แท้ก็หมาหวงก้าง”
นางพึมพำเสียงเบาจนแม่ทัพหนุ่มต้องถามย้ำ
“เจ้าว่าอะไรนะ หากจะเถียงก็กล้าๆ หน่อย พึมพำราวกับแมลงวันเช่นนั้น...มันน่ารำคาญ”
“ข้าบอกว่า นั่นเป็นเพราะพระบัญชาจากฝ่าบาทต่างหากที่ทำให้ข้าต้องไปปรนนิบัติท่าน!”
“แต่เจ้าก็ ‘ตอบสนอง’ ได้ดี”
“!!!”
อวี้เฟยเฟยไม่ปฏิเสธเพราะยามนั้นจิตใต้สำนึกของนางถูกครอบงำด้วยฤทธิ์ยาและเขาเองก็...ช่ำชองเหลือร้าย จนทำให้นางเผลอตอบสนองกลับไปอย่าลืมอาย
“ท่านมันคนไร้หัวใจ...”
เขาหัวเราะชั่วร้ายในลำคอ แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูจนขนอ่อนของนางลุกชันไปหมด
“ใจของข้ามีไว้รบเพื่อแผ่นดิน...มิได้มีไว้รัก”
--------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่น่ารักทุกคน! ‘ไป๋กั่ว’ ขอฝากผลงานการเขียน นิยายเรื่องที่หก ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกๆ คนอีกครั้งนะคะ ช่วยเป็นกำลังใจให้ ท่านโหว กับ เฟยเฟย ของไรต์หน่อยน้าา
‘ทะลุมิติมาเป็นนางบำเรอที่ท่านโหว(ไม่)รัก’ เป็นแนวทะลุมิติแบบนางเอกน่ารักกุ๊กกิ๊ก เฮฮาและไม่ยอมคน ยอมท่านโหวคนเดียว ยิ้มง่าย หัวเราะเก่ง ร่าเริงเกินเบอร์จนทำให้ท่านโหวสนใจและละสายตาจากนางไปไม่ได้...ส่วนพระเอกก็จะซึนๆ หน่อย นิ่ง ขรึม โหด บู๊ตามสไตล์แม่ทัพหนุ่ม สุดท้ายหวั่นไหวและหลงเสน่ห์น้อง แต่ปากหนักมาก รักเขาแต่ไม่ยอมรับ ทว่าการกระทำนั้นช่างสวนทางกับคำพูดเหลือเกิน
สุดท้ายท่านโหวจะโบ้หรือไม่ ใครจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักและยอมสารภาพออกมาก่อน มาเอาใจช่วยท่านโหวและเจ้าเฟยเฟยตัวจี๊ดไปพร้อมๆ กันได้ในนิยายเรื่องนี้!
หวังว่าทุกคนจะสนุกและมีความสุขไปกับจินตนาการที่ไป๋กั่วได้ถ่ายทอดออกมาผ่านตัวอักษรและเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้นะคะ
ทั้งเนื้อเรื่อง บุคคล และสถานที่ ล้วนสร้างขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ในยุคใดเป็นพิเศษ มีประเทศจีนและวัฒนธรรมจีนเป็นแรงบันดาลใจ
ไป๋กั่วใช้เวลาว่างจากงานประจำและการเลี้ยงลูกมาสร้างสรรค์ผลงานอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
ขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้ นักเขียนแม่ลูกอ่อน คนนี้ด้วยนะคะ
ถ้าพร้อมแล้ว เราไปอ่านนิยายเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ!