“ข้าอาจช่วยแม่หญิงได้ไม่มาก แต่คราวหน้าหากเกิดอะไรขึ้น ข้าอยากให้แม่หญิงกล้าเลือกเส้นทางข้างหน้า และไม่ว่าแม่หญิงจะเลือกสิ่งใด.. ข้าจะอยู่ข้างแม่หญิงเสมอ”
ลออจันทร์เพิ่งเข้าใจถึงคำว่ามิตรภาพอย่างถ่องแท้แน่ชัดก็วันนี้ เธอส่งยิ้มกลับไปให้เจ้าเวนไตยข้างๆ แล้วกล่าวขอบคุณเขาด้วยน้ำใสใจจริง แม้จะเป็นการพบกันครั้งแรกที่แปลกประหลาดในเวลาอันสั้น แต่ลออจันทร์กลับจดจำทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นในเย็นวันนั้นได้ตลอดชีวิต ไม่เพียงความอบอุ่นปลอดภัยเท่านั้นที่เธอได้รับ แต่ธีรธรเป็นผู้นำลออจันทร์ในวัยสิบขวบให้รู้จักกับความกล้าหาญ สิ่งที่มีน้อยนิดเหลือเกินในตัวเธอ ให้ลออจันทร์ได้รู้ว่าตัวเธอไม่ได้โดดเดี่ยว ชีวิตมีทางเลือกเสมอ และผู้มีอำนาจลิขิตหนึ่งเดียวก็คือตัวลออจันทร์เอง
“หวังว่าเราจะได้พบกันอีก แม่หญิงลออจันทร์” ธีรธรเอ่ยพร้อมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อข้างหน้าใกล้เขตรมิตาบรรพตเต็มที
“ขอบพระคุณท่านอีกครั้ง ธีรธร”
เจ้าของดวงตาเหลือบสุวรรณหลบสายตาลออจันทร์ ก่อนจะโบกมือให้เธอ ลออจันทร์หันหลังให้เขาแล้วบินต่อไปยังวิมานสถานที่เรืองรองอยู่เบื้องหน้า โดยไม่รู้เลยว่าเจ้าเวนไตยด้านหลังยังคงเหม่อมองเธอจนลับสายตา ภาพบุตรีของพญาศษวัตประทับอยู่ในส่วนลึกของความรู้สึกเขาไปอีกหลายวัน เดือน และปีหลังจากนั้น
...
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้มีเจตนาพาดพิงถึงบุคคลหรือสถานที่ใดๆ ในความเป็นจริง ข้อมูลตัวละครและฉาก ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อของไทยในเรื่องโลกศาสตร์แบบไตรภูมิพระร่วง อันเป็นสิ่งน่ารู้และน่าสนใจ ที่ผู้แต่งอยากนำเสนอและแบ่งปันความบันเทิงทางวรรณกรรมให้กับผู้อ่าน
ร่วมพูดคุยและแสดงความเห็นได้ กำลังใจจากผู้อ่านทุกท่านมีคุณค่ากับผู้แต่งเป็นอย่างยิ่ง ขอขอบพระคุณการสนับสนุนด้วยดีเสมอมา ผู้แต่งขอแสดงความนับถือจากใจ
แล้วพบกันในงานเขียนครั้งหน้า
-เพลิงกัลป์เพทาย-