สวัสดีค่ะทุกคน นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในเซ็ทนิยายหวงชิวที่มีทั้งหมดสองเรื่องอันได้แเก่ ‘ท่านโหวโปรดมอบบุตรให้ข้า’ และ ‘สุดใต้หล้านภาลัย’ หรือก็คือเรื่องนี้ค่ะ
เซ็ทนิยายหวงชิงบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนธรรมดาที่มีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา มาจากดินแดนที่ทุกคนคิดว่าพิเศษ แต่คนอยู่เท่านั้นถึงจะเข้าใจว่ามันพิเศษหรือไม่
และสองพี่น้องตระกูลมู่หรงก็ออกมาจากดินแดนหวงชิวเพราะคนหนึ่งอยากมีลูก อีกคนอยากพาสาวเที่ยว
ฝากติดตามด้วยนะคะ เรื่องนี้จะกระชับเพราะเราไม่ได้เน้นเรื่องการเมือง เน้นที่ความสัมพันธ์ของบุคคล บางเรื่องจะไม่ได้ลงละเอียดนัก เพราะเราเน้นที่ความสัมพันธ์ของพระนาง ฝากสนับสนุนนักเขียนแล้วเลือกนิยายเล่มนี้ให้เป็นเพื่อนยามว่างนะคะ
บทนำ
ณ แคว้นถูหนึ่งในสี่แคว้นใหญ่อันได้แก่ หลิว หม่า ถู หนานไฮ้ ในวันนี้มีพิธีการที่สำคัญเกิดขึ้นในวังหลวง
นั่นคือการคัดเลือกพระสนมผู้พร้อมไปด้วยรูปโฉมและฐานะตระกูลเข้ารับใช้ถวายงานฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ย
การคัดเลือกดำเนินการมาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว จากสตรีทั่วแคว้นกว่าหนึ่งพันคนคัดให้เหลือเพียงสิบคนสุดท้ายเท่านั้น ในสิบคนนี้ฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยจะต้องคัดเลือกสาวงามเพียงสี่คนเข้าสู่วังหลัง
แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น พวกนางทั้งสิบจะต้องทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์ ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าตนจะต้องเข้ามาถึงรอบนี้จึงเตรียมการแสดงไว้มัดใจจ้าวครองแคว้นที่ซ้อมมาทั้งชีวิตก็เพื่อวันนี้
หน้าที่ของฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยมีเพียงนั่งชมการแสดงเท่านั้น เพราะคนที่เลือกพวกนางคือฮั่วไทเฮา
ตอนนี้ตำแหน่งฮองเฮายังว่างอยู่ ผู้ที่กุมอำนาจสูงสุดของวังหลังจึงเป็นไทเฮา พระมารดาที่แท้จริงของฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ย
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือพอเป็นพิธีดังขึ้นหลังจากที่การแสดงของพระสนมท่านหนึ่งเสร็จสิ้น
ฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยก็ปรบมือให้เช่นกัน ทว่าไม่ได้เหลียวมองคุณหนูผู้เข้าคัดเลือกตรงหน้าเลยสักนิด
ยามนี้ดวงตาคู่คมมีเสน่ห์กำลังเหลือบมองขันทีหน้าหวานที่ยืนอยู่ด้านข้างตน ในใจคิด…
มันเรื่องน่ายินดีหรือ ไยยิ้มกว้างเพียงนี้
“ฝ่าบาท”
ฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยละสายตาจากขันทีข้างกายมามองต้นเสียง เป็นฮั่วไทเฮาที่เรียกเขา
เมื่อได้รับความสนใจจากฮ่องเต้หนุ่มแล้ว สตรีสูงวัยก็เอ่ยอีกประโยค
“ปล่อยหน้าที่คัดเลือกเป็นของอ้ายเจีย [1] รบกวนเวลาของฝ่าบาทมามากแล้ว”
ในที่สุดข้าก็ไปได้เสียที
ฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยพยายามซ่อนอาการดีใจเอาไว้ พูดกับพระมารดาอีกไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับห้องทรงอักษรพร้อมขบวนขันทีและนางกำนัลอีกมากมาย ทิ้งให้เหล่าสาวงามทั้งสิบมองตาละห้อย
ได้เห็นรูปโฉมอันหล่อเหลาของฝ่าบาทแล้ว คนที่เหลือยิ่งมีกำลังใจที่จะแสดงความสามารถให้ดีขึ้น
“เฮ้อ~”
เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่แล้ว ฮ่องเต้ถูซฺยงเหว่ยก็ถอนหายใจเบา ๆ สำหรับเขาแล้วบรรยากาศในห้องโถงใหญ่กับสวนด้านนอกต่างกันลิบลับ
หากเป็นคนอื่นอาจจะรู้สึกดี แต่สำหรับเขาคนนี้ไม่
“ทุกคนถอยออกไป เหมากงกงอยู่ก่อน”
“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
นางกำนัล ขันทีและองครักษ์รับคำสั่ง ถอยห่างจากบุคคลทั้งสองที่กำลังยืนอยู่บนสะพานโค้งข้ามสระบัว
“ฝ่าบาทเป็นอันใด ไยไม่ยิ้มเลย”
เหมากงกงจับสังเกตชายหนุ่มได้ รูปประโยคคำถามชัดเจนว่าสนิทกันเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าจะต้องยิ้มด้วยหรือ สนมข้าก็ไม่ใช่”
“ชู่! ฝ่าบาทระวัง หากมีคนดำอยู่ใต้สระเพื่อดักฟังเราจะทำอย่างไร”
ชายหนุ่มมองขันทีหน้าหวานนิ่ง ๆ ปล่อยให้เสียงลมที่พัดฉลองพระองค์ลายมังกรปักดิ้นทองไหวไปตามลม ใช้ความเงียบกดดันคู่สนทนา
“อะ อะไรเล่า ข้าทำอะไรผิดไปอีก”
ฮ่องเต้ร่างสูงใหญ่กดดันขันทีร่างบางจนเจ้าตัวรู้สึกความสูงหดลงเท่าหัวเข่า ห่อไหล่ สูญเสียความมั่นใจของขันทีประจำตำหนักใหญ่
“เจ้าไม่ควรยินดีต่อการคัดพระสนม ต่อให้สนมเหล่านี้จะไม่ได้มีไว้เพื่อข้าจริง ๆ ก็ตาม”
“แต่ไทเฮาบอกแล้วว่าท่านเลือกใช้พระสนมทั่วไปได้ ฝ่าบาทตัวจริงไม่ได้เข้าหอกับคนใดท่านก็เลือกคนนั้น”
“จิงม่าย!”
คำพูดก็เหมือนกับสายน้ำที่ไม่มีวันย้อนกลับ เข้าใจว่าเขาโกรธจริง ๆ ก็ตอนที่เห็นสันกรามชัด
นางทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากห่อกายให้ดูเล็กลงแล้วกะพริบตาปริบ ๆ ให้เขาเผื่ออีกฝ่ายจะคลายความโกรธ
“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ”
“ฟังให้ชัดตรงนี้เลยจิงม่าย ข้าจะไม่มีวันเข้าหอกับพวกนาง หากย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็ ข้าจะไม่รับหน้าที่นี้เป็นอันขาด”
แน่นอนว่าคนเราไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่ทำได้คือการเล่าย้อนไปก่อนที่ทั้งสองจะรับหน้าที่นี้
หน้าที่ฮ่องเต้กับขันที!
[1] อ้ายเจีย (哀家) คำแทนตัวของไทเฮา