“พ่อรับปากเองก็แต่งเองสิครับผมมีแฟนแล้วจะให้ผมไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง”
“บ๊ะ..ไอ้ลูกคนนี้ ดูมันพูดดูสิคุณเดี๋ยวนี้ชักลามปามใหญ่แล้วไม่รู้เหมือนใครไม่ได้อย่างใจเลยจริงๆ”
“ใจเย็นก่อนเถอะน่าคุณ..ลูกโตแล้วค่อยๆพูดค่อยๆ จากกันก็ได้”
“ถูกต้องครับคุณแม่ผมโตแล้วนะครับจะมาบังคับคุมถุงชนกันแบบนี้ได้ยังไง”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิลูกนี่เป็นคำสัญญาของพ่อกับแม่ที่ให้ไว้กับเพื่อนรักนะ ลูกจะให้พ่อกับแม่ผิดสัญญากับเพื่อนที่ช่วยเหลือกันมาจนเรามีทุกวันนี้ได้ยังไงหนูอรก็เป็นเด็กดีมากนะการศึกษาก็ไม่น้อยหน้าใครรับรองว่าถ้าลูกได้เห็นน้องลูกเองก็จะต้องหลงรักน้องเหมือนพ่อกับแม่แน่ๆ ”
“ไม่มีทางหรอกครับแม่ผมรักปัดคนเดียวผมจะแต่งงานกับลูกปัดครับ”
“โอ๊ยคุณผมปวดหัวเราออกไปดูเรือนหอกันดีกว่าว่าสร้างไปถึงไหนแล้วนะ”
“อุ้ยดีเลยค่ะคุณถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะคะฉันไปหยิบกระเป๋าก่อน ”
“อ้าวทำไมจบแบบนี้ล่ะครับพ่อ..แม่ นี่ถึงขนาดสร้างเรือนหอเลยเหรอครับปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่สิครับพ่อกับแม่ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง”
“ทีอย่างนี้แล้วจะมาเรียกร้องความเป็นธรรมทีตอนแกเป็นเด็กพ่อกับแม่เลี้ยงแกมายากลำบากขนาดไหนไม่เห็นแกจะอยากตอบแทนเลยพอๆ ไม่ต้องมาพูด”
“พร้อมแล้วค่ะคุณไปกันเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวสิครับแม่กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิครับ..แม่..พ่ออย่าเพิ่งไป”
“อย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาเลยเราไปกันดีกว่า…”
เมื่อพูดจบสุเมธและทัศนีย์ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของจอมทัพก็เดินควงแขนกันออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี ทั้งสองมั่นใจว่าถึงแม้ตอนนี้ลูกชายของเขาและเธอจะค้านหัวชนฝายังไงแต่เมื่อถึงเวลาที่เขาได้เจอกับว่าที่ภรรยาของเขาแล้วจะต้องหลงรักเธออย่างแน่นอน
“เฮ้อ…”
จอมทัพทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะหลับตาลงด้วยความรู้สึกเซ็งกับชีวิตที่ถูกพ่อและแม่จับคู่ให้แต่งงานกับลูกของเพื่อนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองครอบครัวยังไม่มีลูกว่าถ้าหากลูกของทั้งสองครอบครัวเกิดมาเป็นผู้หญิงและผู้ชายก็จะให้แต่งงานกันแต่ถ้าหากเป็นเพศเดียวกันก็ให้นับเป็นพี่น้องกัน
แล้วก็ดันเป็นไปตามที่ทั้งสองครอบครัวหวังเอาไว้พวกเขาได้ลูกสาวและลูกชายคำสัญญาที่ให้ไว้ในวันนั้นวันนี้กำลังจะเป็นเรื่องจริง
บ้าน เศรษฐสิริ
“แต่ว่าอรยังไม่พร้อมเลยนะคะคุณแม่.. คุณพ่อช่วยอรพูดหน่อยสิคะอรยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยนะคะยังมีอะไรที่อรยังไม่ได้ทำอีกตั้งหลายอย่างแน่ะ”
“แต่งงานแล้วก็ทำได้นะลูกแถมดีซะอีกที่จะได้มีคนคอยช่วยคิดคอยดูแลพ่อกับแม่จะได้สบายใจที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝามีครอบครัวกับเขาสักที”
“ที่แม่พูดก็ถูกนะลูก..พ่อกับแม่ก็แก่ลงทุกวันไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลลูกไปได้อีกนานแค่ไหนการที่ลูกแต่งงานมันคือความฝันสูงสุดของพ่อกับแม่พี่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี เดี๋ยวแต่งกันไปแล้วก็รักกันเอง”
“แต่อรยังไม่เคยเจอกันเลยนะคะ ไม่เคยรู้นิสัยใจคอกันเลยจะอยู่ด้วยกันได้ยังไงคะ”
“ลุงสุเมธกับป้าทัศนีย์ เป็นคนดีขนาดนั้นต้องเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาเป็นคนดีได้แน่ๆ จากที่แม่เห็นมาพี่จอมเขาก็เป็นคนดีสุภาพบุรุษมากนะลูกพ่อกับแม่มองคนไม่ผิดแน่ๆ เชื่อแม่นะ”
“โธ่แม่คะ..”
“อรก็รู้ว่าแม่มีโรคประจำตัวไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนแม่ขอแค่เรื่องนี้ได้ไหม..เรื่องเดียวทำให้แม่ก่อนที่แม่จะเป็นอะไรไปได้ไหมลูก..”
“อย่าใช้ไม้นี้สิคะแม่พูดแบบนี้แล้วอรจะขัดใจแม่ได้ยังไง”
เมื่อได้ยินอรหรือดีลูกสาวคนสวยพูดอย่างนั้นคนเป็นแม่อย่างสิริวดีก็อ้าแขนโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขบนใบหน้า ซึ่งแตกต่างกับอรฤดีที่ ครุ่นคิด หาทางทำให้ตัวเองรอดพ้นจากการแต่งงานที่ไม่เต็มใจครั้งนี้ไปได้
“อรก็ยังไม่มีใครนี่ลูกเรียนก็จบมาหลายปีแล้วพ่อว่าควรเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้วนะ”
คเชนทร์เดินมาลูบหัวลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตัวเองเบาๆ ถึงแม้สิ่งที่อรฤดีพูดนั้นจะถูก แต่สิ่งที่คนเป็นพ่อและแม่อย่างเขาสองคนเลือกให้เธอก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเหมือนกัน
ความคิด
[ คอยดูเถอะฉันจะทำให้เธอทนไม่ได้จนต้องหนีงานแต่งไปเลย ]
[ คอยดูเถอะงานแต่งงานครั้งนี้จะต้องไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ]
ทั้งสองต่างคิดออกมาพร้อมๆ กัน ก่อนจะยิ้มออกมากับภาพในหัวที่จินตนาการไว้ว่าอีกฝ่ายจะต้องขนหัวลุกกับแผนการของตัวเอง…