ร่างบางในชุดนอนตัวหลวมเดินออกมาพร้อมผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาโตยังปรือ ๆ จากการนอนไม่เต็มอิ่ม
“หอมจังค่ะ...” มีนาเอ่ยเสียงงัวเงีย “ลุงตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่ก่อนพระออกบิณฑบาตละมั้ง” ภาคินตอบเรียบ ๆ แล้วหันไปตักข้าวต้มใส่ชาม “มานั่งกิน เดี๋ยวจะได้มีแรงไปวิ่งเล่นกับตุ๊กแกต่อ”
มีนาหัวเราะเบา ๆ ยกมือปิดปาก “เมื่อคืนลุงก็ไม่ได้ไล่มันจริงจังเลยนะ...มัวแต่...” เธอหยุดแล้วยิ้มเขิน ๆ
“มัวแต่?” เขาหันมามองตาไม่กระพริบ
“มัวแต่...แกล้งกอดเค้าอยู่ละสิคะ” มีนายิ้มตาหยี พูดเสียงเบาแต่น่าหมั่นเขี้ยวสุด ๆ
“กินข้าวไป ก่อนจะโดนอีกชุด” เขาพูดเสียงเรียบ แต่หน้าขึ้นสีแดงจาง ๆ จนเธอแอบอมยิ้ม
มีนาเงียบไปชั่วครู่ ขณะนั่งลงที่โต๊ะ รอให้ข้าวต้มถูกวางลงตรงหน้า แต่แทนที่จะคว้าช้อน เธอกลับยกมือขึ้นเท้าคาง มองลุงช้างที่ยังหันหลังให้อยู่
“ลุง...” เสียงเธอแผ่วเบาแต่เจือแววซุกซน
“หืม?” ภาคินตอบขณะยังง่วนกับการตักน้ำปลาพริกใส่ถ้วยเล็ก
“ข้าวต้มก็น่ากินนะคะ...” เธอเว้นช่วงนิดหน่อย แล้วพูดต่อเบา ๆ แต่ชัดเจน “...แต่มีนาอยากกินลุงมากกว่า”
เสียงช้อนกระทบจานเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่เขาจะหยุดมือทุกอย่าง แล้วหันกลับมาช้า ๆ
“ว่าไงนะ?” เสียงเขาทุ้มต่ำ และสายตาเริ่มจริงจังขึ้นชัดเจน
มีนาก้มหน้าลงนิดนึง แสร้งทำเป็นเขิน แต่ปลายปากก็ยกยิ้มอย่างท้าทาย “ก็...อยากให้ลุงใจเต้นอีกน่ะค่ะ เมื่อคืนมัน...ดีมากเลย”
ภาคินยืนนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้โต๊ะ
“กินข้าวให้หมดก่อน...แล้วค่อยว่ากัน” เขาวางน้ำปลาพริกลงบนโต๊ะ แต่ก่อนจะผละไป กลับโน้มตัวลงมากระซิบใกล้หูเธอ
“แต่ถ้าเธอพูดแบบนี้อีก...ฉันอาจจะไม่รอให้ข้าวหมดก็ได้นะ มีนา”