"มะม่วงของฉันคงอร่อยสินะ" เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้เด็ก ๆ สะดุ้งเล็กน้อย
เอ๋ยรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะยกมือไหว้ "ขอโทษค่ะพ่อเลี้ยงทิเบต พวกเราแค่มาเก็บกินกันนิดหน่อยเองค่ะ"
"พวกเธอเก็บไปทุกอาทิตย์เลยไม่ใช่เหรอ?" ทิเบตถามเสียงเข้ม
เด็ก ๆ หันไปมองกันเองอย่างรู้สึกผิด ส่วนพิสมัยที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นตาม พลางยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า "ขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าต้นมะม่วงเป็นของคุณ"
ทิเบตหันมามองพิสมัยเต็มตา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้คุยกับเธอใกล้ ๆ อย่างจริงจัง ใบหน้าหวานของครูสาวทำให้เขานึกถึงภาพที่เคยแอบมองเธอสอนหนังสือที่โรงเรียน ดวงตากลมโตซื่อ ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ
"เธอคงเป็นคนที่พาเด็กๆ มาขโมยมะม่วงฉันละซิ" พ่อเลี้ยงทิเบตพูดเสียงเข้ม
"คือฉัน คือฉันเอ่อ" พิสมัยพูดไม่ออก ครั้นจะปฏิเสธ ก็กลัวเด็ก ๆจะถูกทำโทษ
"ฉันเป็นคนชวนเด็ก ๆ พวกนี้มาเอง"ครูพิสมัยรับสารภาพ
บรรยากาศที่ใต้ต้นมะม่วงเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อพ่อเลี้ยงทิเบตจ้องมองครูพิสมัยด้วยสายตานิ่งขรึม ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบแต่หนักแน่น
"ครูพาเด็ก ๆ มาขโมยมะม่วงของผมแบบนี้ คิดว่าถูกต้องแล้วเหรอครับ?"
คำพูดนั้นทำให้พิสมัยชะงัก เด็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็พากันเงียบกริบ บางคนก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด
"ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้นนะคะ" พิสมัยรีบอธิบาย "เด็ก ๆ ชวนฉันมาเที่ยวและเก็บมะม่วงกันเหมือนที่พวกเขาเคยทำ ฉันไม่รู้เลยว่าต้นมะม่วงเป็นของคุณ"
"ไม่รู้?" ทิเบตเลิกคิ้ว "แล้วครูคิดว่ามะม่วงพวกนี้ขึ้นเองโดยไม่มีเจ้าของเหรอครับ?"
พิสมัยเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าต่อให้เธอไม่มีเจตนาขโมย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเธอพาเด็ก ๆ มากินผลไม้จากต้นของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน
"ตามกฎแล้ว ใครขโมยของในไร่ ผมมีสิทธิ์แจ้งตำรวจนะครับ" น้ำเสียงของเขานิ่ง แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด
พิสมัยหน้าเสีย เธอไม่คิดว่าการมาเที่ยวเล่นกับเด็ก ๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้
"ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่าง" เธอเอ่ยเสียงจริงจัง
ทิเบตมองผู้หญิงตรงหน้า แล้วก็รู้สึกแปลกใจ เธอไม่ใช่คนที่โวยวายหรือแก้ตัว แต่กลับยอมรับผิดโดยไม่มีข้ออ้าง
พิสมัยมองหน้าพ่อเลี้ยงทิเบต ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหนักแน่น "ใช่ค่ะ ถ้าคุณจะเอาผิด ฉันยินดีรับผิดชอบแทนเด็ก ๆ เพราะพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะขโมย"
ทิเบตยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาของเขาฉายแววสนุกสนานขึ้นมาแทนที่ความดุดันก่อนหน้านี้ "ดี! งั้นครูต้องทำงานใช้หนี้แทนเด็ก ๆ แล้วล่ะ"
พิสมัยขมวดคิ้วทันที "ทำงานใช้หนี้? หมายความว่ายังไงคะ?"
"ถ้าคิดเป็นมูลค่า มะม่วงพวกนี้ก็ไม่กี่บาทหรอก" ทิเบตยกแขนกอดอก ท่าทีสบาย ๆ แต่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม "แต่ถ้าจะให้ยุติธรรม ครูต้องมาทำงานในไร่ชาแทนเด็ก ๆ สักอาทิตย์แบบนี้โอเคไหม?"
เด็ก ๆ ที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างพากันเบิกตากว้าง ตื่นเต้นกับข้อเสนอของพ่อเลี้ยง
"ให้ครูพิสมัยมาทำงานในไร่ชาเหรอครับ?" เด็กชายคนหนึ่งอุทานออกมา
ทิเบตพยักหน้า "ใช่สิ มะม่วงมีเจ้าของจะมาเที่ยวขโมยของคนอืนแบบนี้ไม่ได้ ทำผิดต้องมีความรับผิดชอบ คราวหน้าจะได้ไม่ไปขโมยของใครอีก
พิสมัยมองเขานิ่ง เธอรู้ว่าเขากำลังทดสอบเธอ
"ตกลงค่ะ ฉันจะไปทำงานในไร่ชาแทนเด็ก ๆ" เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นคง
ทิเบตเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ "ครูไม่คิดสักหน่อยเหรอ?"
"ไม่จำเป็นค่ะ ฉันสัญญาแล้วว่าจะรับผิดแทนเด็ก ๆ ฉันก็ต้องทำตามที่พูด"
ทิเบตมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เธอไม่ยอมถอยหนีง่าย ๆ
เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "งั้นพรุ่งนี้ ครูมาเจอฉันที่ไร่แต่เช้า ห้ามสาย เข้าใจไหม?"
"ค่ะ ฉันจะไป"
เด็ก ๆ พากันโห่ร้องยินดี "คุณครูสู้ ๆ นะครับ!"
พิสมัยถอนหายใจเบา ๆ มองพ่อเลี้ยงทิเบตที่ยืนยิ้มอยู่มุมปาก พลางคิดในใจ
"คนอะไรเจ้าเล่ห์ชะมัด!"