เสียงรถยนต์แล่นผ่านไปมาท่ามกลางแสงไฟนีออนของเมืองใหญ่ อาคารสูงตระหง่านสะท้อนเงาแสงวูบไหวราวกับเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญชีวิตของผู้คน ธาร วงศ์พฤทธิ์ นั่งนิ่งอยู่ในคอนโดหรูบนชั้นสูงสุด ดวงตาแข็งกระด้างจ้องมองวิวเมืองที่เคยเป็นสนามล่าฝันของเขา บัดนี้มันกลับกลายเป็นเพียงกรงขังที่ไร้ทางออก
แก้วเหล้าในมือเขาถูกยกขึ้น ก่อนที่เขาจะหยุดชะงัก ธารไม่ได้ต้องการเมา แอลกอฮอล์ไม่สามารถดับไฟในใจเขาได้ ความสูญเสียถาโถมเข้ามาในชีวิต—ธุรกิจที่สร้างมากับมือล้มละลาย ครอบครัวแตกสลาย ความรักที่เคยสวยงามกลับกลายเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันหาย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจเขาตอนนี้คือความว่างเปล่า
ฝนเริ่มตกลงมาเม็ดแรก ก่อนจะกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ธารยืนอยู่ริมระเบียง ปล่อยให้ละอองฝนเย็นเยียบกระทบผิว มันทำให้เขารู้สึกถึงความเป็นจริง…และความสิ้นหวัง
คืนนี้ เขาไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป
—
เสียงล้อบดเบียดไปกับพื้นถนนที่เปียกชื้น ธารขับรถออกจากเมืองอย่างไร้จุดหมาย ถนนมืดสนิทมีเพียงแสงไฟหน้ารถที่ส่องไปข้างหน้า คล้ายกับชีวิตของเขาในตอนนี้—มองเห็นแค่ระยะใกล้ แต่ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน
เขาไม่รู้ว่าขับมานานเท่าไร รู้เพียงว่าเมื่อฝนเริ่มซา ถนนเส้นหนึ่งพาเขามาสู่หุบเขาอันเงียบสงบ บ้านไม้หลังเล็กซ่อนตัวอยู่ใต้เงาไม้สูงใหญ่ ทางเดินเต็มไปด้วยกลิ่นดินหอมชื้นจากสายฝน ป้ายไม้เก่าที่ตั้งอยู่ริมทางเขียนว่า “หมู่บ้านวารินทร์”
ความเงียบของที่นี่แตกต่างจากความเงียบของเมือง… มันไม่ใช่ความโดดเดี่ยว แต่มันเป็นความสงบ
ธารไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่เขาตัดสินใจว่าจะหยุดอยู่ที่นี่
—
แสงเช้าสาดกระทบยอดไม้ เสียงนกร้องขับขานปลุกให้เขาตื่นขึ้นในกระท่อมไม้เก่าหลังหนึ่ง กลิ่นหอมของชาสมุนไพรอ่อนๆ ลอยมาตามสายลม ธารเดินออกไปยังระเบียง และพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งสงบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เธอหันมามองเขา ดวงตาสงบนิ่งราวกับรู้คำตอบของทุกคำถามในโลกใบนี้
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง…
—
แต่วารินทร์ไม่ใช่เพียงแค่หมู่บ้านที่สงบเงียบ ในเงามืดของที่นี่มีบางสิ่งซ่อนเร้นอยู่ บางสิ่งที่ผู้คนไม่กล้าพูดถึง บางสิ่งที่รอให้เขาค้นพบ…
การเดินทางของเขาสู่แสงธรรมเริ่มต้นขึ้นแล้ว