เรื่องนี้เปิดให้อ่านฟรีจนจบ (แบบมีเงื่อนไขนะคะ)
เมียอุ้มบุญของคุณนนท์ (บุญญานนท์ & นภาภัส)
>> รุ่นลูก บ่วงเสน่หาภรรยาคืนเดียว (ขุนเขา & บุญญิศา)
เพราะอุบัติเหตุในคืนฝนพรำ
พาให้หนุ่มใหญ่อย่าง ‘บุญญานนท์’
ทายาทคนโตของไร่เพียงดาว
และผู้บริหารหนุ่มใหญ่ในเครือโรงพยาบาลดัง
ได้มาพบกับหญิงสาวคนหนึ่ง
ที่สูญเสียความทรงจำไปอย่างสิ้นเชิง
เขาควรปล่อยเธอไป...
แต่โชคชะตากลับบังคับให้ต้องผูกพัน
เมื่อบิดาเร่งเร้าเรื่องการหาคู่ครอง
ชายหนุ่มจึงเอ่ยปากขอจ้างเธอมาเป็น ‘แฟนกำมะลอ’
ทว่าหญิงสาวปริศนากลับค่อยๆ ก้าวเข้ามาในหัวใจเขาทีละน้อย
ทุกคำโกหก…กลับกลายเป็นพันธะ
ที่ทำให้เขาหวงแหนเธอมากเกินกว่าจะยอมปล่อยมือ
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเธอคือทายาทพันล้าน
ที่กำลังหนีการตามล่าจากแม่เลี้ยงใจร้าย
และผู้หญิงคนนั้นก็คืออดีตคนรัก
ที่เคยทำให้เขาเจ็บจนไม่กล้าเปิดใจให้ใครอีก
เมื่อความจริงเปิดเผย…เขาจะเลือกปกป้องเธอ
ในฐานะ ‘เมียอุ้มบุญ’ ที่ซื้อด้วยสัญญา
หรือในฐานะ ‘รักแท้’ ที่หัวใจเฝ้าตามหามาตลอดชีวิต...
===โปรยปราย===
“ผมจะให้เงินคุณยี่สิบล้านบาท”
เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนตัวเลขนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่
“คุณจะได้รับเงินก้อนแรกทันทีที่คุณตกลง และอีกส่วนหลังจากตรวจสุขภาพยืนยันว่าคุณพร้อมสมบูรณ์สำหรับการตั้งครรภ์ ที่เหลือจะได้รับครบเมื่อคุณให้กำเนิดลูก”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอแห้งผาก หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก
“ฉัน…ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะคะ”
เธอเอ่ยเสียงเบา แต่หนักแน่นพอให้เขาได้ยิน
บุญญานนท์โน้มตัวเข้ามาเล็กน้อย ดวงตาเข้มสบกับเธออย่างตรงไปตรงมา
“ผมไม่ได้บอกว่าคุณเป็นอย่างนั้น ผมเรียกมันว่าข้อตกลง...คุณช่วยผม และผมก็ช่วยคุณ นี่คือการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม”
หญิงสาวหอบหายใจแรง สายตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เธอไม่เคยรู้สึกถูกกดดันแบบนี้มาก่อน
มันเหมือนถูกขังอยู่ในห้องที่มีเพียงทางออกเดียว และกุญแจอยู่ในมือของชายตรงหน้า
ความเงียบเข้าครอบงำห้องพักผู้ป่วยในชั่วขณะหลังจากบุญญานนท์พูดจบ เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงดังหึ่งๆ แต่ในความรู้สึกของเธอ ทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง
“ฉัน…ไม่ตกลงค่ะ” เสียงของเธอสั่นเครือแต่ชัดเจน หญิงสาวส่ายหน้าแรงๆ เหมือนอยากสลัดภาพทุกอย่างทิ้งไป
“ต่อให้คุณจะให้เงินกี่ล้าน ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันไม่รู้จักคุณเลย”
บุญญานนท์นิ่งไปเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ สีหน้าไม่เปลี่ยน แต่แววตาลึกและเย็นกว่าที่เคยเห็น
“ผมเข้าใจ” เขาพูดเรียบๆ
“แต่ลองถามตัวเองให้ดี ว่าคุณจะออกจากที่นี่ไปไหน ในเมื่อคุณไม่มีชื่อ ไม่มีบ้าน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียว”
คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดเข้าไปในใจ เธอเม้มริมฝีปากแน่นจนแทบห้อเลือด ความจริงก็คือ…เธอไม่มีที่ไปเลยจริงๆ
เธอหันหน้าหนี ไม่อยากสบสายตาเข้มดุที่เหมือนอ่านทะลุทุกความคิดของเธอ แต่ในใจกลับสั่นคลอน
“ผมไม่เร่งรัดคุณ” บุญญานนท์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงไฟบางส่วน น้ำเสียงทุ้มเย็นชัดเจน
“ผมจะให้เวลาคุณคิด แต่จำไว้นะ...ทางเลือกของคุณมีจำกัด”
แล้วเขาก็ก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้เธอจมอยู่กับความสับสนอยู่อย่างนั้น