โชคดีเหลือเกินที่สักครั้งในชีวิตได้มีโอกาสมาอยู่บนสถานีอวกาศ
การได้เห็นส่วนโค้งของผิวโลกจากมุมมองข้างบนนี้ด้วยตาของตัวเอง
มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ทันทีที่ยานเข้าเทียบท่า คุณปลดเข็มขัดนิรภัยและสัมผัสได้ถึงสภาวะไร้น้ำหนัก
คนแรกที่เข้ามาต้อนรับคุณเป็นผู้ชายวัยกลางคนหุ่นหมี เขาแนะนำตัวว่าชื่อเควนติน เป็นผู้จัดการร้านกาแฟ เฟลิเซ็ตต์ คาเฟ่ ที่คุณกำลังจะมาทำงาน ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็เริ่มพาคุณสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ของสถานีอวกาศ
“อาทิตย์นี้คุณยังไม่ต้องทำงาน ผมอยากให้คุณได้มีเวลาปรับตัวกับที่นี่ก่อนเริ่มงานน่ะครับ”
ทางเดินมีลักษณะเหมือนท่อประปาขนาดยักษ์ เส้นผ่านศูนย์กลางภายในของมันกว้างพอให้คนสองสามคนสวนทางกันได้ เควนตินล่วงหน้าไปก่อนและอธิบายว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง
“ช่วงแรก ๆ คุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่าของเหลวในร่างกายไหลไปกองกันที่หัว เพราะบนนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วงของโลก คุณอาจจะไม่ค่อยได้กลิ่นกาแฟ ไม่ต้องตกใจไป อาการมันก็คล้ายกับคนเป็นหวัดนั่นแหละ เดี๋ยวร่างกายคุณก็จะปรับตัว คุณจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ ถึงเวลานั้นแล้วคุณก็เริ่มงานได้”
เควนตินเคลื่อนไหวไปมาอย่างคล่องแคล่ว เมื่อเขาสังเกตเห็นคุณลอยอยู่นิ่ง ๆ กับที่ เขาจึงวกกลับมาหา “บนผนังมีที่จับ คุณต้องอาศัยมันในการเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ เพราะว่าในสถานีอวกาศไม่มีพื้น”
เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ผมหมายถึงไม่มีทิศทางที่ชัดเจนว่าฝั่งไหนคือพื้น ฝั่งไหนคือเพดาน ทุกด้านคือข้างฝาทั้งนั้น พวกเราลอยไปลอยมาแบบนี้ ต่อให้ผมจะตีลังกาห้อยหัวลง ผมก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะมันไม่มีแรงโน้มถ่วง คุณก็ต้องใช้แรงผลักจากมือของคุณส่งตัวคุณไปในทิศทางที่คุณอยากจะไป อย่างนี้ครับ”
ว้าว เยี่ยมไปเลย
“นี่คือหน้าต่างบานใหญ่ที่มีวิวสวยที่สุด” เควนตินชี้ไปยังกระจกใสทรงโดมที่เผยให้เห็นทิวทัศน์ตระการตาของห้วงอวกาศสีดำทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาและขอบโค้งของผิวโลก สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ประสบการณ์แปลกใหม่อย่างนี้ต้องมาสัมผัสด้วยตนเองถึงจะเข้าใจว่ามันน่าทึ่งแค่ไหน “เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะครับ มีแค่ไอ้นี่กั้นแบ่งระหว่างเรากับความว่างเปล่าข้างนอก”
สถานีอวกาศประกอบไปด้วยโมดูลจำนวนมากเรียงต่อกันเหมือนจิ๊กซอว์ โดยมีตั้งแต่ท่าเทียบยาน พื้นที่ปรับความดันอากาศ แผงโซลาเซลล์และที่เก็บเชื้อเพลิง ระบบควบคุมสิ่งแวดล้อม ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ จุดสังเกตการณ์ ไปจนถึงห้องเก็บชุดอวกาศ สัมภาระอะไหล่ อุปกรณ์สำรวจ และจุดที่ใช้เชื่อมต่อโมดูลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
ผู้จัดการอธิบายโน่นนี่ระหว่างทางไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบร้อนจนกระทั่งมาถึงโมดูลหนึ่งที่มีช่องขนาดเท่าตู้โทรศัพท์ล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้าน
“นั่นคือห้องของคุณ ข้างในมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องใช้ รวมทั้งถุงนอนด้วย” เควนตินผายมือให้ และพูดต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ผมไม่แน่ใจว่าคามิลล์เอาคู่มือพนักงานมาวางไว้ให้หรือยัง คุณลองเช็กดูในช่องเก็บของ ถ้าไม่มี คุณมาบอกผม ผมจะได้ไปทวงเขาให้”
คุณขานรับอย่างสุภาพแล้วค่อย ๆ ลอยตัวเข้าไปในห้อง ตอนนี้เควนตินกลับออกไปแล้ว
คุณเริ่มตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่บนผนัง ทุกอย่างถูกแปะไว้ด้วยสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเทปใสสองหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยอธิบายไว้ว่าเป็นวัสดุชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติไม่ติดไฟ ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง และสามารถยึดติดกับพื้นผิวได้หลายประเภท ถ้าไม่มีมัน ข้าวของทั้งหมดก็คงจะล่องลอยในอากาศอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย
คุณเหลือบไปเห็น สมุดเล่มหนึ่งขนาดประมาณฝ่ามือของคุณ หน้าปกสีน้ำเงิน ไม่มีข้อความใด ๆ คุณจึงลองเปิดดูและพบกับข้อความตัวโตเขียนด้วยลายมือบรรจง
“กฎในการทำงานบนสถานีอวกาศ เซเลสเทีย เอ สิบสาม”
นี่คงเป็นหนังสือที่คามิลล์นำมาวางไว้ให้ น่าแปลกทำไมหนังสือคู่มือพนักงานของหน่วยงานที่ขึ้นชื่อเรื่องความล้ำสมัยกลับไม่ใช้เครื่องพิมพ์ แต่อาศัยคนมาเขียนด้วยลายมืออย่างนี้
แต่ช่างมันเถอะ ลายมือไม่ได้อ่านยากอะไร บางทีนักบินอวกาศอาจจะมาทำคู่มือใช้กันเองทีหลังก็ได้ ตัวเล่มไม่หนามาก อ่านไม่นานก็น่าจะจบแล้ว คุณจึงพลิกไปหน้าถัดไป มีแผนผังของสถานีอวกาศที่วาดอย่างลวก ๆ กับรายชื่อและตำแหน่งของนักบินอวกาศทั้งหมดที่ประจำการอยู่บนสถานี เขียนด้วยลายมือหวัด แตกต่างจากหน้าปกชัดเจน สันนิษฐานว่าน่าจะมีหลายคนช่วยกันทำคู่มือเล่มนี้ขึ้นมา ข้อมูลบางส่วนเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเคยแจ้งให้ทราบแล้วก่อนการเดินทาง แต่มีไว้ในมืออีกสักชุดก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ถัดมาเป็นคำเตือนเขียนตัวบรรจงด้วยปากกาสีแดงให้ดูโดดเด่นออกมาจากข้อความอื่น ๆ
“เก็บรักษาคู่มือเล่มนี้ให้ดี เพราะมันอาจจะเป็นหนทางรอดเดียวของคุณ”