“เอีย ถ้าโลกนี้มีมนุษย์เห็นเราทั้งที่ยังไม่ตาย นี่ถือเป็นเรื่องปกติมั้ยวะ?” ร่างสูงถามเพื่อนสนิทที่ยืนนิ่งมองดูโลกภายนอกอย่างเบื่อหน่าย ด้วยเวรกรรมที่ทำไว้อย่างมากมายทำให้พวกเขานั้นไม่ได้ไปเกิดใหม่ การรับโทษสูงสุดหลังความตายคือการออกเก็บดวงวิญญาณที่สิ้นอายุไข ไม่มีมนุษย์คนไหนจะเห็นพวกเขา การทำงานนั้นดูน่าเบื่อ เมื่อพวกเขาต้องตัดสินโทษของดวงวิญญาณแต่ละดวง เพื่อจะส่งไปรับผลกรรมในชาติต่อๆ ไป พวกเขาไม่มีอายุไข ไร้ซึ่งความตาย แต่หากทำผิดกฎร้ายแรงก็จะต้องแตกสลายหายไปเป็นฟองสบู่ ไม่อาจกลับมาเวียนว่ายตายเกิดได้อีกเลย
“มันจะมีได้ไง เราไม่ใช่ผีนะไอ้คริส ที่จะพยายามรวบรวมพลังงานตัวเองแล้วไปปรากฎตัวต่อหน้ามนุษย์ได้ อีกอย่างนี่ก็เหลืออีกครึ่งทางถึงจะเก็บวิญญาณครบสองพันดวง พวกเราจะได้ไปเกิดซะที เบื่อความทรงจำในอดีตเต็มทน” เอียบอกกับเพื่อน ก่อนจะหยิบสมุดบันทึกออกมาดูตารางการตายที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
“แต่กูคิดว่ากูพึ่งเจอมนุษย์ที่จ้องหน้ากู” คำพูดของคริสทำให้เอียชะงัก
“มึงมั่นใจ?”
“อืม จ้องเกินสิบวิแน่ๆ สายตาที่สบกันนั่นไม่ใช่มองผ่านกู แต่มองมาที่กู”
“คนรู้จักหรือเปล่า?”
“กูตายมาเกือบร้อยปี คนรู้จักกูลาโลกไปเกิดใหม่กันหมดแล้ว” คริสบอกแล้วส่ายหัวเอือมๆ
“งั้นมึงก็ลองไปปรากฎตัวต่อหน้ามนุษย์คนนั้นดูอีกสักทีดิ ถ้ามองเห็นจริงก็ถามให้แน่ใจไปเลยว่าสิ่งที่มึงสงสัยอยู่นั่นใช่หรือเปล่า หรือจะแค่เรื่องบังเอิญ” เอียตบไหล่เพื่อนเบาๆ
“หากมีมนุษย์ที่มองเห็นพวกเราได้จริง ระเบียบกฎเกณฑ์ระหว่างสามโลก คงสะเทือนแน่ๆ” คริสบอกแล้วหายตัวไปจากจุดนั้น ปล่อยให้เอียสงสัยหนักไปอีก
“จะมีได้ยังไง มนุษย์ที่มองเห็นยมทูต?”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ฝากติดตาม คอมเม้นเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะ