ตัวอย่าง
“ขอบคุณที่เทงานแต่งยัยแพรนะ ลูกสาวแม่จะได้หลุดพ้นจากคนเห็นแก่ตัวอย่างคิมสักที” ชลนิภาเชิดหน้าสะใจ
คิมหันต์สับสน มองคู่อริอย่างไม่เข้าใจ
“คิมเห็นลูกสาวแม่เป็นแค่นางบำเรอบนเตียง ไม่เคยพาออกไปเปิดหูเปิดตาสักครั้งเดียว ไม่เจียดเงินมาเลี้ยงดู ทั้งๆที่ตัวเองรวยล้นฟ้า แถมยังใช้หัวปั่น งานหลวงไม่ให้ขาดงานราษฎร์ไม่ให้เสียราวกับคนใช้ก็ไม่ปาน อันที่จริงแม่เคยยุให้ยัยแพรเลิกกับลูกคิมหลายครั้งแล้วนะ แต่ลูกสาวแม่หัวอ่อนจัด บูชาความรักยิ่งกว่าสิ่งใด แม่โชคดีแค่ไหนที่คิมตัดสินใจยกเลิกงานแต่งไปเอง แม่จะได้จับลูกสาวคนสวยไปใส่ตะกร้าล้างน้ำ รอผู้ชายที่ดีกว่า รวยกว่าคิมมาจีบ” คนเจ้าแผนการปล่อยเสียงหัวเราะร่าอย่างมีความสุข มันสมองแค่นี้คิดจะมาเล่นเกมกับนางเหรอ คนละลีก!
ใบหน้าหล่อคมสั่นร้อนด้วยโทสะ กรามหนาขบกันแน่นจนเป็นสันนูน
“คำว่านางบำเรอยังมากไป ที่ระบายความใคร่ชั่วคราวน่าจะเหมาะกว่า!” คนโมโหจัดกระแทกเสียงดังลั่น จะจับลูกสาวตัวเองไปใส่ตะกร้าล้างน้ำถวายพานให้ผู้ชายอื่น ใช้สมองส่วนไหนคิด!
“ยัยแพร คุณดา ถืออะไรกันมาคะ พะรุงพะรังเชียว” แม่เลี้ยงวัยกลางคนปรับสีหน้าเข้าสู่โหมดปกติทันควัน ฉีกยิ้มหวานทักทายเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นลูกสาวกับน้องสามีกำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร นางทำตัวปกติแนบเนียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พวกเราซื้อผลไม้มาฝากคุณลุงค่ะ” คนในหัวข้อสนทนาพยายามบังคับเส้นเสียงไม่ให้สั่นเทา ควบคุมอากัปกิริยาเสมือนไม่ได้ยินประโยคนินทาก่อนหน้า มือบางกำถุงหูหิ้วเอาไว้แน่น อยากก้าวขาไปข้างหน้าต่อ แต่ใยร่างกายไม่ยอมขยับเขยื้อน เพียงฟ้ายืนฟังทั้งสองคุยกันอยู่ตรงนั้นสักพักแล้ว
คิมหันต์หันขวับมามองสบประสานสายตาคู่หม่น จังหวะเหมาะเจาะแบบนี้เขาควรสะใจไม่ใช่เหรอ ในเมื่อเธอเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เขาดึงมาแก้แค้นคนละโมบ แต่ทำไมหัวใจดันสั่นคลอนแปลกๆ