“หนูมาให้คำตอบคุณลุงค่ะ” ฉันพูดพลางมองคุณลุงและคุณป้า เป็นเชิงหยั่งถาม
“นี่คุณเพียงพร เป็นภรรยาของลุงเอง ซึ่งลุงได้เล่าทุกอย่างให้ป้าเขาฟังแล้ว” คุณโสภณรีบอธิบาย
“ค่ะ หนูมีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก หนูไม่อยากทำแบบนี้เลยค่ะ แต่โอกาสมันไม่ได้มีมาบ่อยๆ และถ้าต้องเลือกระหว่างความสุขของคนในครอบครัว หนูจะแต่งงานกับคุณหมอค่ะ” ฉันกลั้นใจพูดประโยคยาวที่นั่งคิดมาก่อนหน้านี้ หน้าไม่อายใช่เลยใช่ไหม? ฉันก่นด่าตัวเองในใจ
“หนูนันท์” คุณเพียงพรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดูระคนสงสาร
“หนูนันท์พิจารณามาดีแล้วใช่ไหม?” คุณโสภณถามด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกับผู้เป็นภรรยา
“ใช่ค่ะ หนูมีสติครบถ้วนทุกประการ ในสัญญาแต่งงานมีข้อกำหนดอะไรบ้างค่ะ?” ฉันตอบและถามกลับอย่างหนักแน่น
ใช่...ฉันพิจารณามาดีแล้ว จากพฤติกรรมของหมอเถื่อนที่มีต่อฉัน ทั้งหยาบคายและแสดงความรังเกียจกันอย่างเห็นได้ชัด เขาจะไม่มีทางมาล่วงเกินฉันแน่นอน อีกประการหนึ่งคือเขามีคุณแซนดี้อยู่แล้ว ไม่ก่อความรำคาญใจให้ฉันแน่นอน ฉันคิดมาแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้ฉันจะไม่มีส่วนเสียหายเลยสักนิด
“ในสัญญาการแต่งงาน ลุงขอแค่อย่างน้อย 1 ปี ส่วนจะนานกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับคนทั้งสอง หนูนันท์จะต้องลาออกจากงานประจำ เข้ามาอยู่บ้านเราในกรุงเทพ มาเป็นแม่บ้านให้ตาวิน” คุณโสภณพูดจบ คุณเพียงพรจึงกล่าวเสริม
“ในส่วนของงาน ถ้าหนูนันท์อยากมีงานทำแก้เบื่อ ครอบครัวเรามีร้านทำขนม หนูนันท์มาทำกับป้าได้” คุณเพียงพรยิ้มแล้วเอ่ยต่อ
“ป้าอยากให้ตาวินได้เจอกับบ้านของหัวใจที่อบอุ่น ให้ได้อยู่กับคนดีๆ ช่วยขัดเกลาให้เขาดีขึ้น”
“ส่วนรายได้ที่ขาดหายไป ลุงจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด 30 ล้านบาท ลุงจ่าย 100% ในวันแต่งงาน หนูนันท์เห็นว่าอย่างไร?” คุณโสภณพูดทั้งรอยยิ้ม
“คุณลุง คุณป้า หนูกลัว…” ฉันยังพูดไม่จบ
“ลุงกับป้าอยู่ทั้งคน จะไม่มีใครทำอะไรหนูได้นะลูก” คุณเพียงพรกล่าวแล้วเข้ามาลูบหัวฉัน
“ขอบคุณนะคะที่เมตตาหนู แต่หนูกลัวคุณหมอจะทำร้ายหนูค่ะ” ฉันแสดงความประสงค์ออกไป เพราะความเกลียดอาจทำให้หมอเถื่อนคนนั้นลอบฆ่าฉันก็ได้ ฉันเริ่มคิดและกังวลมากในข้อนี้
“ตาวินหน่ะ เมื่อก่อนเป็นคนสุภาพและอ่อนโยน แต่พอมาพักหลังกลับแตกต่างออกไป แต่จริงๆ แล้วเนื้อแท้ของลูกป้าเป็นคนอ่อนโยน หนูต้องทำให้ตาวินกลับมามีจิตใจที่ดีนะหนูนันท์ ป้าเชื่อว่าหนูจะทำให้ตาวินกลับมาเป็นตาวินคนเดิมของลุงกับป้าได้แน่นอน” คุณเพียงพรกล่าวด้วยสายตามีความหวัง
“ทำไมต้องเป็นหนูค่ะ?” ฉันถามออกไปเพราะสงสัย เพราะชาติตระกูลแบบพวกเขาสามารถหาผู้หญิงที่เพรียบพร้อมในทุกด้านได้ไม่ยากเลย แต่กลับมาเลือกเด็กสาวบ้านนา หน้าตาบ้านๆ ไม่ได้มีความโดนเด่นอะไรเลยเช่นฉัน
“เพราะหนูเป็นหนูที่ไม่ปรุงแต่ง และจิตใจหนูดีงาม” คุณโสภณพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หนูไม่ได้เป็นคนดีอย่างนั้นหรอกนะคะ ถ้าหนูทำให้คุณลุงและคุณป้าผิดหวังละค่ะ?” ฉันเอ่ยถามออกไป เพราะฉันไม่ได้ใสซื่อบริสุทธ์ และไม่ได้มีความอดทนพอที่จะทำให้หมอเถื่อนคนนั้นกลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้แน่นอน
“คนเรามีได้หลายด้าน คนที่ดีโดยเนื้อแท้จะรู้จักแยกแยะ และเลือกปฏิบัติแต่สิ่งที่เหมาะที่ควร ซึ่งลุงมองเห็นข้อนั้นของหนูนันท์” คุณลุงตอบกลับด้วยสีหน้าสุขุมแต่น้ำเสียงอ่อนโยน
“จะบอกว่าป้ากับลุงไม่ได้คาดหวังก็ไม่ใช่ แต่มันไม่ได้ขึ้นกับหนูนันท์คนเดียวนะลูก มันขึ้นอยู่กับตาวินด้วย” คุณเพียงพรกล่าวเสริม
“ถ้าตาวินได้อยู่กับคนที่ดีแล้ว แต่ยังเปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้นไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ความผิดของหนูนะหนูนันท์” คุณโสภณกล่าวมาอย่างอ่อนโยน
“ถือว่าตาวินเสียโอกาสดีๆ และพ่อแม่อย่างเราก็ทำมันเต็มที่แล้ว” คุณเพียงพรเอ่ยเพื่อคลายความกังวลใจของฉัน
“ถ้าอยู่ไม่ครบสัญญา 1 ปีละค่ะ?” ฉันถามออกไปเพราะคาดการณ์จากพฤติกรรมของคุณหมอเถื่อนแล้วไม่น่าจะอยู่กันได้ถึง 3 วัน
“หนูนันท์ต้องทำบ้านให้เป็นบ้าน ให้ตาวินได้อยู่ในบริบทที่อบอุ่น พยายามประครองชีวิตคู่ให้มากกว่า 6 เดือน ค่าสินสอดและสิ่งที่ลุงให้ไปตามสัญญา ถือว่าลุงให้แล้วให้เลย” คุณโสภณกล่าวกับฉันอย่างอบอุ่น
“แล้วถ้าไปไม่รอดถึง 6 เดือนละคะ?” ฉันยังคงถามต่อ
“ข้อนั้น ป้ากับลุงจะช่วยเหลือหนูนันท์เอง แต่ถ้าเกิดหนูนันท์ไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงวันนั้นค่อยมาบอกป้านะลูก” คุณเพียงพรกล่าวกับฉันอย่างเอ็นดู
“หนูจะพยายามทำให้เต็มที่ค่ะ” ฉันกลั้นใจพูดออกมา สร้างความพึงพอใจให้ท่านทั้งสองคลายความกังวลเช่นกัน
“ว่าแต่เราจะทำอย่างไรให้ตาวินยอมแต่งงานละคะคุณพี่” คุณเพียงพรเอ่ยถามผู้เป็นสามี
“เดี๋ยวก็ได้รู้” คุณลุงกล่าวจบก็หัวเราะชอบใจใหญ่ แต่ฉันกับคุณเพียงพรทำหน้าไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้างต่อจากนี้