KNY EVENT : TANABATA
1
ตอน
158
เข้าชม
0
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง
เสียงกระดิ่งไปรษณีย์ ดังกรุ้งกริ้ง ตีสมานกับเสียงสนทนา จักรยานถูกถีบปั่นวงล้อ ขับเคลื่อนไปข้างหน้า บุรุษเครื่องแบบรับสิ่งของ เตรียมพร้อมสู่จุดหมาย ในวันที่ใบไม้ผลิหอมหวาน ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงหนึ่ง

‘รบกวน ส่งสิ่งนี่ไปยังจุดหมายปลายทางด้วย…’ 

‘แต่ว่าไม่ได้จ่าถึงผู้ส่งนะครับ??’ 

‘มันเป็นของคนตาย… ที่ข้าต้องทำตามสัญญา ได้โปรดเถิด… สงครามช่วงนี้ช่างน่าหวั่นเกรง’ 

‘… เข้าใจแล้วคุณผู้หญิง’ 

 

 

  บ้านญี่ปุ่นเรือนใหญ่คล้ายบ้านเก่าแก่ตระกูลขุนนางมีการแบ่งสัดส่วนอยู่อาศัยและสวนงามเป็นอย่างดี ประชาชนในละแวกอาศัยต่างรู้จักถึงกิตติมศักดิ์เจ้าของเรือนใหญ่แห่งนี้ในพื้นที่ชุมชนที่เริ่มแออัดจากการพัฒนาพื้นที่จากวัฒนธรรมตะวันตก แต่ก็ยังคงพยายามคงความเป็นอนุรักษ์สมเป็นดินแดนดวงอาทิตย์อุทัย เรือนนี้มีลายประตูที่มีลักษณะเด่นของตราตระกูลพู่กัน ทุกคนต่างรู้ดีว่านั่นคือ  ‘ตระกูลช่างศิลป์เอกเก่าแก่จากโอกินาว่า’ 

 

บานประตูมีเสียงดังของบุรุษไปรษณีย์ที่เคาะเรียกหาบุคคลภายใน ก่อนที่จะเปิดแง้มออกมาเห็นผู้รับสาสน์เป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ราว 190 เซนติเมตรย่อมได้ ผมสีทองแบบฝรั่งมังสา แล้วไหนจะดวงตาสีโอปอลพินิจจิตรมณีงามนั่นมองมาทางชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าเพราะพันธุกรรมของคนชาวเอเชีย ใบหน้าของเขาแสดงความตกใจในความต่างของขนาดตัวและสีหน้าที่แสนเรียบเฉยคล้ายเย็นชาของผู้รับจดหมาย บทสนทนากำลังค่อยๆ เริ่มขึ้น

 

“… มีอะไรขอรับ?” ผู้รับจดหมายเอ่ยถาม เป็นโอกาสเหมาะเจาะที่ผู้รับหน้าที่ในการมอบจดหมายจะเอ่ยขานรับ

“มีจดหมายมาส่งถึง… ‘วาซะมุเนะ ซาบานะ’ ขอรับ”

“... ข้าเองขอรับ” 

“โอ้! พอดีเลยนะครับ เดี๋ยวรบกวนลงนามรับจดหมายตรงนี่ด้วยนะครับ” ปากกาทันสมัยจากฝรั่งเตรียมพร้อมส่งมอบให้คนตัวสูงใหญ่เขียนบรรจง ทว่าดวงตาสีงามของผู้รับจดหมายกลับพบพิรุธบางอย่างในสิ่งของที่ส่งมอบถึงมือของเขา

“… ไม่มีชื่อผู้ส่ง?” 

“อ้อ ผู้ส่งเรียนมาว่าพัสดุชิ้นนี้เป็นของเพื่อนผู้ส่งที่จริงๆ ‘ตายไปแล้ว’ น่ะครับ เลยขอความกรุณาให้ส่งถึงมือเป็นกรณีพิเศษ” คำกล่าวที่ดูแล้วคนฟังคงมึนงงอย่างมากเป็นแน่แท้ แต่คงไม่ใช่กับชายสายเลือดลูกครึ่งคนนี้ ที่เขาเพียงนิ่งงันไปและเอื้อมมือจับปากกาบรรจงเขียนเรียงนามของตนเป็นการรับจดหมายด้วยอักษรคันจิที่สวยงามเสียคนที่มองการตวัดเขียนบรรจงของชายตรงหน้าถึงกับลืมหายใจ

 

“ข… เขียนสวยงามอะไรขนาดนี้ นี่สินะ ที่ร่ำลือว่าตระกูล ‘วาซะมุเนะ’ สร้างความงามศิลป์ได้แม้กระทั่งการประดิษฐ์ตัวอักษร”

“... ข้าชอบ มันเหมือนดอกไม้” 

“ฮ่าๆ สมเป็นคนตระกูลนี้จริง ๆ … ยังไงก็ขอบพระคุณในการรับจดหมาย ไม่ทราบว่าคนที่ส่งมาเป็นใคร แต่ขอแสดงความเสียใจที่ผู้ส่งได้เสียชีวิตไปแล้วนะครับ”

“...” แม้ฟังแล้วดูเป็นเรื่องที่น่าสลดเสียใจและความนอบน้อมความอ่อนโยนของบุรุษไปรษณีย์ ซาบานะที่รับสิ่งของนั้นเพียงเหลือบมองด้วยสายตาเฉื่อยแฉะที่คาดเดาอารมณ์ได้ยาก แต่เขาก็พอยกยิ้มให้รับรู้ถึงคำขอบคุณจากไมตรีเพื่อนร่วมมนุษย์อย่างสุภาพ ดวงตาสีทะเลมองให้ชายคนนั้นปั่นจักรยานจากไปก่อนที่เขาจะเปิดผนึกจดหมาย

 

‘ทังซะกุสีฟ้า’ คือสิ่งที่ถูกแนบมาพร้อมจดหมายที่เขียนมา ข้อความเขียนเป็นลายมือที่แสนคุ้นเคย ความหมายไม่มีอะไรเป็นพิเศษมากมาย มันเรียบง่ายและสมกับเป็นบุคคลที่คาดว่าเป็นคนส่งจดหมายมาให้ซาบานะ

 

 

… เนื้อความแสนอบอุ่น กล่าวถึงครอบครัวที่เคารพรัก ทุกถ้อยคำที่ไม่ได้เจ้ากลอนแต่ลึกซึ้งและสื่อความนัยได้เป็นล้านถ้อยคำ …

ซาบานะเพียงยิ้มรับเล็กน้อยเป็นรอบยิ้มคลี่บางอันหาได้ยากจากชายหนุ่มลูกครึ่งผู้มีใบหน้าเรียบเฉยและเย็นชาตลอดเวลาที่มีคนสนทนาอยู่ร่วมด้วย

จดหมายที่จรดลงปากกาหมึกซึม บ่งบอกได้ว่าสถานที่ที่ซึ่งเขียนเนื้อในนั้นเป็นที่ซึ่งมากเทคโนโลยีระดับเมืองหลวงและบุคคลผู้เป็นเจ้าของจดหมายได้ร้อยเรียงบรรจงถึงคนในครอบครัวอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ได้ยาวมาก แต่ทุกคำที่เลือกใช้นั้นสื่อนัยยะได้อย่างดีสมทายาทแห่งตระกูลช่างวิจิตรศิลป์

 

 

ถึง ซาบานะ น้องชายที่เกลียดที่สุด และรักที่สุด 

‘ไม่ต้องถามหาร่างของข้า ไม่ต้องเรียกหาถึงข้า เพราะอย่างไรข้าก็ไม่มีวันที่จะกลับบ้านของเรา แม้ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม จำไว้เพียงว่าเจ้าจะต้องเป็นคนที่ดูแลครอบครัวต่อจากข้า 

. 

สายสัมพันธ์ของเราหนาแน่นดั่งเชือกที่พันอย่างไร้หนทางปลายปม การจากลาเป็นเรื่องธรรมชาติและไม่ต้องการให้หวนนึกถึงกัน จดจำเพียงนาม จดจำเพียงตัวตนที่ข้าเคยเป็น ไม่ต้องระลึกเป็นเรื่องราว ไม่ต้องจัดพิธีให้มากรีตรอง 

. 

ขอเพียงพวกเจ้าดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว และเป็นแสงสว่างของพวกเขา เหมือนที่เป็นให้ข้ามาตลอด 18 ปี ทังซะกุนี้ ข้าต้องการส่งตอนที่ถึงเวลาเหมาะสม เวลาที่ครอบครัวสามารถตัดห่วงจากข้าผู้ได้ล่วงลับดินแดนคนเป็นไปแล้ว เวลาของพวกเจ้ามันสั้นและอย่าได้มาเสียใจเพียงการจากไปของข้าผู้เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง  

. 

ขอบคุณที่ 12 ปี เจ้าดูแลอาโออิมาได้ดีสมกับที่เจ้าเป็นแฝดของข้า 

 

เทนบุซุ’ 

 

 

“... ข้าก็เห็นท่านทุกครั้งในความฝัน ยังคงพยายามพูดจาอ้อมโลกไม่ให้ที่บ้านเป็นห่วงเลยสินะ...” ซาบานะเพียงลอบยิ้มอย่างอารมณ์ดีแม้ว่ามันแทบจะเหมือนใบหน้าที่เรียบเฉย กระถางต้นไผ่ใกล้รั้วเรือนในเขตบ้านมีเพียงใบขอพรหลากสีจำนวน 10 กว่าใบ และเขาไม่รอข้าที่จะหยิบมันมาประดับอย่างอ่อนโยนมือที่สุด

 

“... พี่ชาย… ยังสบายดีอยู่สินะ...” 

 

“... ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ข้าเชื่อ… เชื่อว่าอย่างไรท่านต้องกลับมาหา...” 

 

.

.

“จะสภาพอย่างไร ข้าก็ยังคงรอท่าน… ท่านพี่เทนบุซุ...” 

 

“ต้นคิริตสึโบะมันยังคงงอกงามอยู่เสมอ มันไม่เคยโรยรา และเปี่ยมด้วยพลังเสมอ…” 

 

นัยยะบางอย่างเผยเป็นเพียงแววตาและกลีบพฤกษาที่โปรยปรายตามวาโยทิศบูรพา… มีเพียงแฝดแห่งโชคชะตาที่รู้ถึงตัวตนกันและกัน… ความเป็น ความตาย สิ่งที่สูญสิ้น แต่บางอย่างไม่เคยจางหายไป…

=END=

กระจ่างบางประเด็น : 

วาซะมุเนะ ซาบานะ เป็นพี่ชายคนโตของ วาซะมุเนะ อาโออิ และเป็น ซับคาร์ในสตอรี่ ของ คิริตสึโบะที่ยังไม่มีภาพบทบาทให้เห็นเพราะยังไม่มีบทบาทในภารกิจหลักและสตอรี่หลักของตัวละคร แต่ตั้งใจให้มีถูกเกริ่นในงานเทศกาลทานาบาตะสู่การเริ่มเนื้อเรื่องตัวละคร 

ทังซะกุสีฟ้า มีความหมายถึงการขอพรในสิ่งที่สมหวังและความโชคดี อ้างอิง : https://konkao.net/read.php?id=29124  

บ้านตระกูลวาซะมุเนะ อยู่ในชานเมืองหลวงในพื้นที่หมู่บ้านที่เคยถูกปกครองโดบไดเมียวขนาดเล็กสมัยก่อน ปัจจุบันไม่มีแล้ว ซึ่งเขตเรือนอยู่อาศัยวาซะมุเนะเป็นเรือนของบรรพบุรุษที่เป็นขุนนางรับใช้ในไดเมียวขณะนั้น 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว