จบ เทพบุตรในเงามาร
65
ตอน
9.66K
เข้าชม
4
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
48
เพิ่มลงคลัง
"หมดแรงไปเสียแล้ว...ฉันยังไม่อิ่มเลยนะรู้ไหม หึ หึ หึ" เขาบอกแต่ก็ไม่คิดจะต่ออีกยกหรอกนะ แค่นี้คนในอ้อมแขนก็ช้ำระบมมากพอแล้ว

คอนโดหรูหรากลางใจเมืองหลวงของประเทศไทย มองดูสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่เบื้องหน้าของใครคนหนึ่งที่ยืนนิ่งกะพริบตาถี่สูดลมหายใจเข้าออกคล้ายมีความกังวลบางอย่าง หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวในชุดสุภาพสำหรับวันทำงาน เสื้อชีฟองสีครีมแขนยาวคอปกติดกระดุมถึงคอ มีผ้าลูกไม้คาดตกแต่งด้านหน้าตลอดแนวกระดุม ฝังชายเสื้อไว้ในกางเกงผ้าฝ้ายขายาวสีดำสนิท มองดูว่าเป็นการแต่งตัวที่เรียบร้อยแต่ยังคงความเป็นสมัยใหม่ได้ลงตัว  

แต่ใครจะรู้ล่ะ...ว่าการเลือกเสื้อผ้าสวมใส่ให้ดูมิดชิดของเธอนั้นมันมีเหตุผลอื่นที่ไม่อาจเปิดเผยต่อใครได้... 

หญิงสาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแล้วใช้มืออีกข้างถลกแขนเสื้อเพื่อดูนาฬิกา มันบอกเวลาเกือบจะหกโมงครึ่งแล้ว เธอ...กลับบ้านช้า นั่นทำให้คนที่กำลังคอยไม่สบอารมณ์นักเหมือนเช่นเคย ปกติเธอจะมีสารถีไปรับไปส่งแต่วันนี้เขาติดงานด่วน  

เขาไปส่งถึงที่ทำงานเหมือนทุกๆ วัน และเธอขอเดินทางกลับเองเมื่อหมดเวลาทำงาน แต่เพราะความผิดพลาดบางอย่างทำให้ต้องกลับผิดเวลา เขามาถึงรังรักก่อนที่เธอจะออกจากบริษัทด้วยซ้ำ ชายหนุ่มโทร.หาและจับน้ำเสียงได้ว่าเขากำลังไม่พอใจอย่างยิ่งที่ไม่เห็นเธออยู่ในคอนโด       

       อันที่จริงเธอควรกลับมาถึงตั้งแต่ห้าโมงครึ่งแล้ว หญิงสาวถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะกำกระชับสายกระเป๋าถือที่สะพายแนบลำตัวแล้วตัดสินใจเดินเข้าลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องที่ตัวเองอาศัย การเผชิญหน้ากับเขา การมีเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกลี้   

    มันคือ...ชะตากรรมของเธอ...ตมิสา หงศิวัฒนะ... 

                                    

“ไปไหนมา? ทำไมต้องให้โทร.ตาม...” กัณฑ์รพี พีระณรงค์ คนรักของเธอนั่นเองเอ่ยถามเสียงทุ้มลึก ใบหน้าเข้มของเขาดูดุดันขึ้นเมื่อหญิงสาวตรงหน้าทำให้อารมณ์ขุ่นมัวแม้ยามขึงโกรธไม่พอใจวงหน้าครามครันดุเถื่อนนั้นก็ยังคงความหล่อสะกดให้ใครหลายคนไม่อาจละสายตาได้ 

แม้แต่เธอ...ที่ตอนนี้หวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจอยู่เล็กน้อย แต่แล้วก็ผินหน้าหลบลี้เมื่อคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักกับการจับจ้องสนองตอบทางสายตาในยามที่เขาเป็นแบบนี้

“หอมคิดว่าคุณยังไม่กลับก็เลยอยู่เคลียร์งานที่ค้างให้เสร็จค่ะ”

“อยู่คนเดียว?”

“ก็มีคนอื่นๆ ที่ยังทำงานไม่เสร็จอยู่ด้วย...หลายคนค่ะ คุณซีลหิวแล้วเหรอคะ” เธอเบี่ยงเบนประเด็นแต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าคมเข้มนั้นตรงๆ และยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูโดยมีร่างใหญ่ของเขายืนกอดอกจ้องเขม็งอย่างจับผิด

“หิวสิ...วันนี้ยังไม่ได้กินเลย...” ชายหนุ่มตอบแสยะยิ้มสายตาคมยังจิกอยู่ที่เธอดวงตาไหววูบแพรวพราวเหมือนบางอย่างจะแทรกเข้าในอารมณ์บูดบึ้งนั้น ตีความนัยอย่างรู้กันว่าเขากำลัง ‘หิว’ อะไร

“เดี๋ยวหอมจะเข้าไปทำอะไรให้ทานนะคะ” ตมิสาพูดพลางเดินเลี่ยงอ้อมตัวเขาไปด้านหลังถอดรองเท้าวางไว้ในตู้ ชายหนุ่มไม่ได้รั้งแต่เอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะเดินตามหลังหญิงสาวซึ่งวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาตัวยาวแล้วตรงดิ่งเข้าไปในครัวทันที      

  “ตมิสา...” เขาเรียก สองเท้าน้อยหยุดชะงัก หัวใจปลาบหวิว มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบตามแขนและลำตัวจนรู้สึกถึงความเจ็บระบมจากรอยช้ำภายใต้ร่มผ้า     

    “กลัวเหรอ” เสียงของกัณฑ์รพีเข้ามาใกล้ทุกขณะ เจ้าของชื่อไม่ได้ตอบแต่คำถามนั่นแหละคือคำตอบสำหรับเขาแล้ว หัวไหล่เล็กห่อตัวอัตโนมัติเมื่อความอุ่นร้อนจากฝ่ามือใหญ่ทาบทับ เขาลงแรงบีบเบาๆ ก่อนจะดึงร่างเธอเข้ามาปะทะกับแผงอกล่ำสันของตัวเอง

“เธอทำให้ฉันไม่พอใจรู้หรือเปล่า ทำไมชอบขัดคำสั่ง ถ้าฉันไม่กลับมาก่อนก็ไม่มีทางรู้เลยใช่ไหมว่าเธอไม่ทำตามที่ฉันบอก”

“หอมทำงานนี่คะ หอมคิดว่า...อยู่ทำงานให้เสร็จดีกว่าเพราะถึงกลับเร็วคุณก็ไม่อยู่ หอม...ไม่อยากอยู่ห้องคนเดียว” เธอพูดกับเขาอย่างรู้ทางผ่อนคลายร่างกายไม่ให้เกร็งเครียดยามที่เขาละมือจากหัวไหล่มาสอดเข้าทางด้านหน้าตรงสะเอวแล้วรวบกอดเธอเอาไว้

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ฉันเป็นห่วง...อีกห้านาทีถ้าเธอยังไม่กลับฉันคงบุกไปพังบริษัทของเธอซะแล้วลากเธอกลับมาขังไม่ให้ออกไปเห็นเดือนเห็นตะวันเลยรู้ไหม” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง แต่ตมิสารู้ว่าเขาจะทำจริงๆ นั่นแหละอย่างน้อยเขาก็จะทำมากกว่าครึ่ง ถ้าไม่พอใจขึ้นมา

“หอมขอโทษค่ะที่ทำให้เป็นห่วง”

“งานหนักมากเหรอถึงต้องอยู่ทำจนเลยเวลางานขนาดนี้” กัณฑ์รพียังถามต่อ เขาโยกตัวเองที่กำลังกอดเธออยู่เบาๆ ก้มใบหน้าลงสูดดมความหอมจากเรือนผมสลวยซึ่งถูกถักเป็นเปียวนรอบแล้วรวบเก็บไว้ด้านหลังปล่อยพวงผมที่เหลือเป็นหางม้าทิ้งตัวยาวถึงกลางแผ่นหลัง                                                             “ก็นิดหน่อยค่ะ ปกติถ้าคุณไปรับไปส่งหอมก็กลับเร็วทุกวันอยู่แล้วบางทีก็เหลือค้างอยู่บ้างต้องไปทำต่อให้เสร็จตอนเช้าของอีกวัน แต่วันนี้...เอ่อ...หอมตั้งใจทำให้เสร็จเลยพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบ อีกอย่างมันก็ไม่สะสมจนเป็นดินพอกหางหมูด้วยไงคะ”                                                                                       เสียงหวานอธิบายร่ายยาว บอกเหตุผลให้เขาฟัง ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วการที่เธอกลับบ้านไม่ตรงเวลาเมื่อเขาไม่อยู่มันเป็นเรื่องที่น่าขุ่นใจมาก

กัณฑ์รพีหวงเธอ ห่วง และหึงชนิดที่ใครก็คาดเดาไม่ถึง...

“บอกแล้วให้ลาออกซะ ฉันมีปัญญาเลี้ยงหรอกแค่เมียคนเดียว” เรื่องนี้ทั้งคู่เคยคุยกันหลายครั้งแล้ว แต่ตมิสาพยายามขอร้องบอกว่าอยากทำงานเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ไม่อยากให้ใครเอาไปนินทาว่าเธอคบกับเขาเพราะเขารวยและหวังจะเกาะกิน

“หอมยัง...”

“ช่างเถอะมานี่ดีกว่า...ฉันมีอะไรมาฝากด้วย” ชายหนุ่มตัดบท แล้วเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันตามเขาก่อนจะผละออกจากกันแล้วจูงมือเล็กๆ ของเธอเข้าไปในห้องนอน ตมิสาใจสั่น สถานที่นั้นมันบั่นทอนความรู้สึกของเธอจนฝังใจพอๆ กับรอยบอบช้ำที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกทั่วร่างกายไม่เคยหยุดหย่อน

“หลับตาสิ...” เขาสั่ง น้ำเสียงทุ้มพร่า เมื่อพาร่างของเธอเข้ามายืนอยู่ตรงกลางห้องนอนใหญ่โต มือเล็กสองข้างถูกรวบเข้าไว้ด้วยกันด้านหลัง หญิงสาวกำมือแน่นอย่างรู้ชะตากรรม เขาเริ่ม...อีกแล้ว...

“ฉันซื้อชุดนอนใหม่มาให้ รับรองเธอต้องชอบแน่ๆ” ดวงตากลมสีน้ำตาลปิดปรือลงตามคำสั่งเขา หูเธอยังได้ยินเสียงแผ่วๆ ของเขาพร้อมกับรู้สึกว่าชายเสื้อกำลังถูกดึงออกมาจากกางเกง หญิงสาวไม่ได้ขัดขืนเธอไม่อาจทำอย่างที่ใจตะโกนบอกได้ แม้จะหวาดหวั่นแต่ก็รู้และมั่นใจว่ากัณฑ์รพีรักเธอ นั่นแหละคือสิ่งบงการให้เธอทำทุกอย่างตามแต่เขาจะบัญชา           

  กระดุมเสื้อถูกปลดออกทีละเม็ด มือที่ไขว้หลังไม่ได้ถูกพันธนาการอะไรแต่เธอก็กำสอดประสานไว้อย่างนั้น ต่อด้วยกางเกงขายาวก็ถูกชายหนุ่มร่นถอดเป็นชิ้นต่อมาเมื่อจัดการกับเสื้อเสร็จร่างกายของเธอบัดนี้ถูกห่อหุ้มไว้เพียงบราเซียร์สีครีมอ่อนๆ กับแพนตี้เข้าชุดตัวจิ๋วเท่านั้น

สายตาคมจับจ้องอยู่กับผิวเนื้อขาวนวลราวน้ำนมบริสุทธิ์ ทว่า...มันกลับมีรอยช้ำเป็นจ้ำประปรายให้เห็นทั่วทั้งตัว บางรอยเป็นทางยาวแดงปื้นตามเรียวนิ้วที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เขาจับสองมือน้อยขึ้นมาพรมจูบ ร่างกายของเธอเย็นเฉียบรัศมีแห่งความหวาดกลัวแผ่ซ่านจนเขารู้สึกได้

ถ้าเป็นคนทั่วไปได้มาเห็นเช่นนี้ย่อมตกใจ สงสาร หรือไม่ก็เวทนาอยู่ไม่น้อย แต่หากเป็นเขาความรู้สึกเช่นนั้นมันถูกแทนที่ด้วยอารมณ์บางอย่างจนมิดจมเสียหมดสิ้น

“เจ็บหรือเปล่า...รอยนี่เมื่อวานสินะฉันทำเธอเจ็บหรือเปล่า” ถามทั้งที่รู้คำตอบ พร้อมทั้งยกแขนข้างที่เป็นรอยแดงช้ำนูนยาวขึ้นมาประทับจูบ

ตมิสาสะดุ้งเฮือก เธอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผลเมื่อความอุ่นซ่านจากปลายลิ้นสากบรรจงเลียไล้ไปตามรอยแผลนั่น มันแสบและร้าวระบมนิดๆ เมื่อแรงกดจากปลายลิ้นเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น

“ถอดนะ...จะได้ลองชุดใหม่”

“คุณซีลคะ...หอม...หอมยังเจ็บค่ะ...” เธอบอกคล้ายวอนขออยู่ในที สีหน้าซีดเผือดริมฝีปากสั่นระริก

“แค่ลองชุด...สัญญา” กัณฑ์รพีก้มบอกริมกกหูขาว หญิงสาวกลืนน้ำลายเฮือกก่อนจะค่อยๆ พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

เธอแน่ใจเหลือเกินว่าไม่อาจรองรับความปรารถนาของเขาไหวในเวลานี้ ด้วยเมื่อคืนวานเพิ่งจะผ่านเกมรัก

          ตมิสาจำเป็นต้องให้เวลากับร่างกายของตัวเองได้พักบ้าง เพราะเขาไม่ปกติ...สามีโดยพฤตินัยของเธอเขามีบทรักที่ผิดแผกแตกต่างจากคนโดยทั่วๆ ไป อาจทำความเข้าใจง่ายๆ ด้วยคำจำกัดความว่าเขาเป็นพวกที่ชอบใช้ความรุนแรงขณะร่วมรักหรือ ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าข่ายคำว่า ‘ซาดิสม์’ หรือเปล่า 

ชายหนุ่มเดินไปประกบหลังแล้วดันไหล่เบาๆ ให้เธอก้าวย่างไปด้านหน้าตรงเตียงนอนซึ่งทำจากไม้ ดัดตกแต่งเป็นรูปทรงสวยแปลกตายื่นยาวสูงขึ้นมาด้านบนคล้ายเป็นหลังคา พร้อมมีผ้าขาวบางเนื้อดีพาดแขวนดูเก๋ไก๋ ร่างเปลือยเปล่าของตมิสาหย่อนตัวนั่งตามแรงกดที่ไหล่ หญิงสาวไม่กล้าสบตาเขาด้วยเพราะเขินอายกับสภาพของตัวเอง แต่หากมันทำให้กัณฑ์รพีพอใจเธอก็ยินดี

“ซื้อมาก็ซักให้เลย ผ้ามันบางแห้งเร็ว...นั่งรอตรงนี้นะ...” เขาบอกขณะลูบไล้เนื้อผิวที่ต้นขาเบาๆ สายตาไม่ลืมลัดเลาะไปยังจุดกลางลำตัวสาวเจ้า

ตมิสายิ่งอายหน้าแดงก่ำเธอไม่รู้หรอกว่าการใช้ชีวิตคู่ของคนอื่นๆ จะเป็นเช่นนี้หรือไม่ที่พอเข้ามาถึงห้องเขาก็มักจัดแจงปอกเปลือกจนเหลือแต่เนื้อใน และทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยสภาพเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นทำงานบ้าน ทำกับข้าวหรือแม้แต่ตอนรับประทานอาหาร

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกว่าจะทำใจให้ยอมรับได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เพิ่งจะตัดสินใจทดลองใช้ชีวิตคู่ในช่วงเวลาหกเดือนที่ผ่านมา เธอยังไม่ชิน ไม่เคยชิน และนึกอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติบ้าง นั่นหมายถึงต้องทำทุกอย่างสวนทางกับความต้องการของคนรัก หรืออาจต้องจบความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้

“ยกแขนหน่อย...” เสียงแผ่วทุ้มแต่สั่นพร่าเรียกสติที่หลุดลอยชั่วครู่ให้กลับมา ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตฉายแววสั่นระริกมองไปยังเจ้าของเสียงก่อนจะหลุบต่ำ เพราะเห็นบางอย่างที่เขาสื่อออกมาทางสายตาคมปลาบ           

  หญิงสาวทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ชุดนอนซีทรูสีดำบางหวิวเป็นสายเดี่ยวมีริบบิ้นผ้าสีเดียวกันเย็บคาดตรงหน้าอกที่ปกปิดไว้เพียงครึ่งเต้าอวบอัดถูกสวมใส่ให้กับเจ้าของร่างบาง ความยาวของมันคลุมเนินเนื้อและสะโพกปล่อยชายที่ผ่ากลางตลอดตั้งแต่ใต้ฐานอกลงมาทิ้งตัวพลิ้วไหวบนที่นอนสีขาวสะอาด

“ลุกขึ้นสิ...ยังมีอีกชิ้น...” กัณฑ์รพีแสยะยิ้มแพรวพราวพอใจกับอาภรณ์ที่ตัวเองคัดสรรอยู่บนเรือนร่างของเธอรวมไปถึงอีกชิ้นที่ว่าซึ่งอยู่ในมือที่ชูยื่นให้คนตรงหน้านิ้วมือกระดิกเร่งเธอให้ทำตามคำสั่ง หญิงสาวมองจีสตริงตัวจิ๋วที่ไม่มีเนื้อผ้าปกปิดเลยแม้แต่น้อย

ความพิเศษของมันก็คือเพชรเม็ดงามที่ประดับเป็นเส้นยาวอยู่ตรงขอบเอวด้านหลัง นอกเหนือจากนั้นเป็นผ้าสีดำเส้นเล็กคาดอยู่เพียงสามเส้นเท่านั้นไม่เว้นด้านหน้า

“...” แม้จะไม่ใช่ชุดแรก หรือครั้งแรกกับการต้องลองชุดวาบหวิวเช่นนี้ แต่ตมิสาก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าถ้าหากเธอสวมใส่มันแล้วเหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร ชายหนุ่มจะหักห้ามตัวเองให้อยู่ในขอบเขตคำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้าได้หรือเปล่า

นั่นเป็นสิ่งที่เธอกังวล เพราะรู้จักด้านมืดของกัณฑ์รพีดีว่าหากมันปะทุขึ้นแล้วชายหนุ่มแทบไม่มีสติยั้งใจตัวเองให้เป็นปกติได้เลย

ตมิสาปัดความหวาดหวั่นออกจากความรู้สึก ลุกขึ้นและรับเอาชั้นในตัวน้อยที่ราคาคงแพงลิ่วมาสวม มันไม่ได้ช่วยให้ร่างเปลือยของเธอมิดชิดอะไรเลย กัณฑ์รพีกอดอกยิ้มร้ายมองร่างงามในชุดหวิวที่ยืนก้มหน้าเอามือมากุมกอบไว้ตรงหน้าท้องขาวเนียนอย่างสำรวจ                                                                                   สายตาไล่ตั้งแต่ใบหน้าขาวผ่องซึ่งยังก้มงุด ไล่ตามพวงผมลงมาถึงไหล่มน เนินอกอวบอูมที่ดันซีทรูจนผิวเนื้อตรงฐานโผล่พ้นรอยผ่ากลาง ยอดอกสีชมพูเข้มอวดโฉมอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่ดำบางเบา เหล่านั้นทำให้เลือดหนุ่มในกายร้อนฉ่า เขาคิดผิดจริงๆ ที่ให้ตมิสาใส่ชุดนี้ในวันที่เธอไม่พร้อม กระนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดใช้สายตาตรวจทุกตารางเนื้อนวลที่ตัวเองถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ

กำมือน้อยๆ ของเธออยู่เหนือเนินสาวเกลี้ยงเกลาเพียงคืบ กัณฑ์รพีกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเดินหน้าเข้าหาสาวเจ้า ตมิสาแหงนมองเขาเม้มปากด้วยความประหม่า ร่างกายของเธอขาวพร้อมๆ กับคลื่นร้อนผ่าวบางอย่างที่ปะทะกันอยู่ภายใน อุ้งมือใหญ่ของเขาจับเคล้นตรงหัวไหล่เล็กจนหญิงสาวเผลอห่อเข้าหาตัวคล้ายตระหนกอยู่ในที

“ไม่เป็นไร...ชูว์...ฉันรู้...” เขาปลอบ แต่น้ำเสียงกลับสั่นพร่าบ่งบอกถึงสิ่งตรงกันข้าม ร่างเล็กถูกจับหมุนหันหลังให้เขา กัณฑ์รพีเคลื่อนมือลงมาตรงบั้นท้ายขาวเปลือยที่มีชุดซีทรูปกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง

สายจีสตริงประดับเพชรเส้นกลางที่ฝังอยู่ในร่องสะโพกถูกดึงขึ้นจนร่างน้อยสะดุ้ง เพราะมันรั้งด้านหน้าให้ฝังลึกในร่องหลืบเร้นของเธอไปด้วยโดยปริยายกัณฑ์รพีหายใจหอบกระเส่าแม้อยู่ด้านหลังเขากลับจินตนาการมองเห็นส่วนลับที่ฉ่ำชื้นซึ่งกำลังกลืนกินเส้นใยผ้าที่เขาดึงทึ้ง

อืม...สัมผัสตรงส่วนนั้นมันตราตรึงมัดใจเขาเสมอ ตมิสาร่ายมนตร์ดำใส่เขาจนโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

“อ๊ะ!” ร่างกายสั่นเทาของหญิงสาวซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวล้มคว่ำลงบนที่นอนทันทีจากแรงผลักของคนด้านหลัง ส่วนหน้าของเธอนาบแนบกับที่นอน แต่ท่อนล่างตั้งแต่ใต้เข่ายังคงเหยียบยันอยู่บนพื้นห้องเผยสะโพกขาวนวลเนียนท้าสายตาคมกริบที่จ้องมองอย่างคนหิวกระหาย     

  ก่อนที่ร่างใหญ่ในชุดกางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตพับแขนถึงข้อศอกจะทอดกายนั่งข้างๆ อย่างใจเย็น ทั้งที่เลือดเนื้อของเขายามนี้มันร้อนรุ่มเดือดพล่านเต็มที

  “คุณซีลคะ...หอม...อื้อ!!” ก่อนที่คำประท้วงจะได้พ่นพ้นออกจากปาก ลำคอระหงก็ถูกมือหนากดให้ใบหน้าจมที่นอนเสียก่อน กัณฑ์รพีทาบทับตัวเองไว้กับแผ่นหลังของเธอครึ่งหนึ่ง หญิงสาวพลิกใบหน้าอีกฟากเพื่อหาอากาศหายใจ แรงกดทับจากเขาทำให้ร่างกายที่ระบมก่อนหน้าถูกกระตุ้นให้ปวดหนึบขึ้นมาอีกครั้ง เธอหายใจถี่รัวมือไม้เย็นเฉียบอยากจะอุทธรณ์เหลือเกินว่าเขากำลังจะละเมิดสัญญาที่ให้ไว้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน แขนข้างหนึ่งของกัณฑ์รพียกกดแผ่นหลังด้านบน ก่อนที่มืออีกข้างจะลูบไล้สำรวจตั้งแต่ช่วงสะเอวคอดเรื่อยลงมาจนถึงความอวบอั๋นของบั้นท้ายมน

“อย่า...พอค่ะหอมเจ็บ...” เธอบอกเสียงแผ่ว เหมือนจะเตือนสติคนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับร่างกายงามระหงได้ชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่หยุด

มือร้ายบีบเคล้นแก้มก้นงอนงามทีละข้างเวียนวนมาใช้นิ้วเกี่ยวสายจีสตริงเส้นกลางดึงขึ้นอย่างทำก่อนหน้า นิ้วใหญ่เรียวเล้าเล่นกับความซ่านกระสันอย่างอิดออด ปล่อยสายชั้นในหันมาหมุนวนซอกซอนไปตามรอยร่อง เรื่อยมาจนถึงด้านหลังของกลีบเนินเนื้อเสน่หาของวัยสาว ตมิสาขยับตัวเมื่อรับรู้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่กำลังสะกิดเกี่ยวสายจีสตริงซึ่งถูกร่างกายของเธอกลืนกินเอาไว้

ชายหนุ่มไล้นิ้วไปตามร่องฉ่ำตวัดเอาผ้าสีดำเส้นเล็กซึ่งฝังกลืนอยู่ดึงเล่น ลากผ่านขึ้นลง และกดเน้นไปตามร่องหลืบเร้น วนนิ้วให้ซุกตามสัมผัสกับความชื้นฉ่ำที่อาบชุ่มเรียวนิ้ว ก่อนที่มือร้ายจะอดใจไม่ไหวล้วงเข้าทาบตะปบเนินสาวสะอาดไร้ซึ่งม่านไหมปกคลุม เนื่องจากเขาชอบให้หญิงสาวทำบิกินี่แว็กซ์เป็นประจำ มันทำให้เขามองเห็นเนื้อแท้ที่สวยงามและขาวสะอาดไร้ที่ติ   

 “อื้อ...หอมเจ็บนะคะ!” ร่างเล็กในชุดหวิวสะดุ้งเฮือก เมื่อเขาลงแรงที่มือหนักขึ้น เหมือนจะทำให้สติของกัณฑ์รพีหลุดออกมาจากวังวนราคะไปด้วย เขายอมหยุด! กะพริบตาถี่เพราะหัวใจยังเต้นระส่ำกับสัมผัสเมื่อครู่ ใจกลางลำตัวปวดหนึบเพราะความพร้อมพรั่งเต็มที่               

   “ชูว์...ไม่เอาน่าคนดีอย่าร้องสิ ก็เธออยากน่ารักทำไมล่ะ ฉันหยุดแล้วนะ...ไปหาอะไรกินกันดีกว่ารอเมีย...หิวจะแย่” ทั้งหิวทั้งโมโหที่กลับมาแล้วไม่เห็นแม้แต่เงาเมียที่ห้อง ซ้ำต้องมาอารมณ์ค้างปวดร้าวไปหมดทั้งตัว

“ค่ะ...”

“ยังจะมาขี้แยอีก อย่าบอกนะว่า...ไม่รู้สึกอะไรเลย...” เขายิ้มร้ายเมื่อหญิงสาวพลิกตัวปาดน้ำตาปรอยๆ แล้วชูนิ้วที่เปื้อนหลักฐานบางอย่างให้เธอดู

“คนบ้า!” หญิงสาวตะเพิดอย่างอายๆ ก่อนจะรีบผลักร่างใหญ่ให้ออกพ้นจากตัว กัณฑ์รพียังยิ้มร้ายขณะที่มองเธอลุกจากเตียงทั้งชุดวาบหวิววิ่งตัวปลิวเข้าไปในครัว ตลอดสนธยาในวันนั้นตมิสาถูกบังคับให้สวมเพียงอาภรณ์ที่เขาหยิบยื่นจนกระทั่งถึงเวลานอนนั่นแหละจึงได้รับอนุญาตให้ถอด ทว่า...เขากลับไม่ให้เธอใส่อะไรเลยในขณะที่ถูกสวมกอดไว้ในอ้อมแขนอันร้อนระอุของตัวเอง ซึ่งกว่านิทราจะมาเยือนหญิงสาวต้องนอนตัวแข็งทื่อลุ้นระทึกอยู่ตลอดว่าสามีโดยพฤตินัยของเธอจะสามารถบังคับตัวเองได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว