รักนิรันดร์ หนึ่งพันปี

“เวลา 10 นาฬิกา ณ ประตูทางออกสนามบินไพรเวทเจ็ทดอนเมือง ขณะนี้มีกลุ่มแฟนคลับจำนวนมากที่มายืนรอต้อนรับไอดอลหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน หรือที่ทุกคนต่างรู้จักกันดีในชื่อของสกาย ฟ้าคราม พญาพิทักษ์ ซึ่งหลังจากเขาได้เดินทางไปทำงานอยู่เมืองจีนมานานหลายปี จนตอนนี้เขาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และในวันนี้ เขาจึงได้เดินทางกลับมาที่เมืองไทยอีกครั้ง เพื่อรับตำแหน่งผู้บริหารตึกS.K.Y. ต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเองค่ะ” เมื่อแหล่งข่าวจากสำนักต่าง ๆ รู้ว่าฟ้าครามกำลังจะเดินทางกลับมายังประเทศไทย พวกเขาจึงได้มาทำข่าวกันอย่างขะมักเขม้น เพราะรู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มย่อมเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมาก 

หลังจากที่นักข่าว และชาวเน็ตอีกมากมายได้มารอรายงานข่าวของสกายนานนับชั่วโมง ในเวลาต่อมา เครื่องบินส่วนตัวของชายหนุ่มจึงได้บินมาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และทันทีที่ประตูเครื่องบินถูกเปิดออก ก็เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่ดูคมคายแบบไทย ผสมกับความตี๋แบบจีนได้อย่างลงตัว กำลังแผ่ออร่าความหล่อออกมานอกเครื่องบินทันที และเมื่อชายหนุ่มก้าวขาเดินลงมาจากเครื่องบินด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยแล้ว จึงทำให้เห็นว่าเขามีรูปร่างสูงโปร่งเกือบจะถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ซึ่งมีไหล่กว้างสมส่วนกับกล้ามหน้าท้องที่แน่นเป็นมัด ๆ ซึ่งถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวราคาแพง และเขาก็ยังมีผิวที่ขาวสะอาดตัดกับกางเกงสแล็คขายาวสีดำที่สวมมาในตอนนี้ 

เมื่อชายหนุ่มเดินลงไปจากเครื่องบินได้ไม่นาน เขาจึงได้นั่งรถตู้ประจำตำแหน่งของตัวเองกลับไปยังคอนโดทันที โดยตลอดเส้นทางที่รถของชายหนุ่มได้วิ่งผ่านไปก็จะมีบรรดาแฟนคลับของเขาคอยส่งเสียงกรี๊ด และโบกไม้โบกมือให้เขาอยู่เสมอ พร้อมกับมีนักข่าวจากแหล่งต่าง ๆ ได้รายงานข่าวของเขาไปด้วยเช่นกัน 

 “สำหรับประวัติของไอดอลหนุ่มสกายนะคะ ทุกท่านเองก็คงจะทราบความเป็นมากันดีอยู่แล้ว เพราะว่าหนุ่มสกายนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่น่าสนใจอย่างมากของวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ แต่ถึงอย่างนั้นทางเราก็ยังอยากที่จะกล่าวถึงประวัติของหนุ่มสกายให้ทุกท่านได้รับทราบกันอีกสักครั้ง ซึ่งหนุ่มสกายนั้นเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณปรินทร์ พญาพิทักษ์ กับคุณอี้จิ่น พญาพิทักษ์ หรือที่เราต่างรู้จักกันในนามของนักธุรกิจหมื่นล้านของเมืองไทยและจีนนั่นเองค่ะ แต่ด้วยความคิดที่ว่าหนุ่มสกายนั้นอยากที่จะประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง เขาจึงได้ทุ่มเทความสามารถพร้อมกับความอดทนในการเรียน และการทำงาน จนสามารถประสบความสำเร็จได้ตามที่เขาต้องการ ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ การสร้างคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นผู้บริหารเพียงคนเดียวในวัยเพียง 20 กว่าปีเท่านั้นค่ะ” 

“ติ๊ก…ต๊อก…ติ๊ก…ต๊อก…”  

เสียงนาฬิกาที่ไม่มีใครได้ยินดังกังวานขึ้นอย่างน่าพิศวง ทันทีที่สกายก้าวขาเดินเข้ามาภายในคอนโด โดยผ่านลูกน้อง และแขกจำนวนมากมาจนถึงด้านในลิฟต์ ยิ่งเวลาใกล้จะถึงเที่ยงตรงของวันนี้ เสียงนาฬิกาจึงยิ่งดังชัดขึ้นเรื่อย ๆ  

“ติ๊ก…ต๊อก…ติ๊ก…ต๊อก…” 

เมื่อลิฟต์ที่ฟ้าครามเข้ามาได้ขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของคอนโด ซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของเขาเพียงคนเดียว และทันทีที่ประตูลิฟต์ได้เปิดออกชายหนุ่มจึงลืมตาขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า หลังจากที่ตลอดการเดินทางเขาจะต้องฝืนร่างกายมาโดยตลอด แต่ในระหว่างที่เขากำลังเหน็ดเหนื่อย และอยากพักผ่อนเอามาก ๆ เขากลับถูกขัดจังหวะไปเสียอย่างนั้น เพราะว่าทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมา เขาก็ได้พบว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนขวางอยู่ทางเบื้องหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า  

“ติ๊ก…ต๊อก…ติ๊ก…ต๊อก…” 

เสียงนาฬิกาที่ไม่มีใครได้ยินยังดังกังวานอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางความเร่งรีบและสุดแสนจะวุ่นวายของชีวิตมนุษย์ที่ต่างมีทางเดินไม่เหมือนกัน แต่กลับมีเป้าหมายสุดท้ายเช่นเดียวกัน คือ การมีชีวิตที่สุขสบาย จึงทำให้ต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตนให้สำเร็จลุล่วง เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา แต่ในการเดินทางนั้นหาได้มีใครรู้ไม่ว่า สิ่งที่กำลังต่างออกไปจากเดิม คือ เข็มนาฬิกาทั่วทั้งโลกกำลังเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่เข็มนาฬิกาบนข้อมือของสกายที่กำลังจะหยุดลงในไม่ช้า 

 “ติ๊ก…ต๊อก…ติ๊ก…ต๊อก…” 

แม้ว่าเข็มนาฬิกาจะเดินช้าลงจนแทบจะหยุดเดินในไม่กี่วิ แต่ฟ้าครามก็หาได้สนใจสิ่งที่ผิดปกติเช่นนั้น เพราะเมื่อเขาได้สบตากับหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแล้ว เขาก็เหมือนถูกดึงดูดให้เข้าสู่ห้วงภวังค์ที่น่าประหลาดใจอย่างยากบรรยาย ภายใต้ดวงตาที่ว่างเปล่าของเธอคนนั้น กลับทำให้เขารู้สึกถึงเรื่องราวนับพันที่ซ้อนเร้นเอาไว้ 

“ติ๊ก…ต๊อก” 

เมื่อสิ้นเสียงนาฬิกาลึกลับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจึงถูกหยุดเวลาลงโดยสมบูรณ์ และทันใดนั้นที่หญิงสาวได้เห็นว่าชายหนุ่มไม่สามารถรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้อีก เธอจึงค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาทีละนิดพร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความสุขใจ และไม่นานภาพทั้งหมดก็ได้จางหายไปพร้อมกับแสงสว่าง…