1 คน สกินเฮด
1 คนผมดำยาว
แล้วชั้นแต่งเรื่องนี้เมื่อสิบปีที่แล้ว จนกระทั่งวันนี้ก็ได้เจออิมเมจที่เหมาะสมคู่ควรทุกประการ น้ำตาจะไหล
*** เรื่องนี้ไม่ใช่แฟนฟิค แค่อิมเมจเด็กๆมันใช่มาก ***
#KISSMEMYSOL
Intro
“พวกมึง...” เสียงใครบางคนดังขึ้นในกลุ่ม พร้อมกับชี้มือไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงป้ายรถเมล์มอ
“...รู้จักน้องคนนั้นป่ะ” ต่างคนต่างส่ายหัว และมองไปยังคนที่ถูกพูดถึง
ร่างผอมบางที่นั่งจ้องไปยังเครื่องมือสื่อสารในมือ ผมยาวประบ่าสีดำล่วงลงมาปรกหน้าทำให้ไม่สามารถเห็นหน้าได้ชัดเจน ผิวตรงช่วงไหล่และคอที่โผล่พ้นเสื้อแขนยาวออกมานั้นขาวเนียน กางเกงขาสั้นแบบพวกผู้ชายวันรุ่นทั่วไปใส่ ขาที่โผล่พ้นกางเกงมานั้นขาวและเนียนไม่ต่างกัน มันดูเหมือนผิวผู้หญิง แต่ความเก้งก้างและร่างสูงโปร่งทำให้ดูออกว่าคนที่นั่งอยู่เป็นผู้ชาย
“นั่นอ่ะรุ่นน้องคณะเรา” เสียงคนพูดดูจะตื่นเต้นและมีอารมณ์ร่วมแฝงอยู่มาก จนทำให้เพื่อนในกลุ่มเริ่มสนใจ อันที่จริงคนที่นั่งอยู่ก็พาให้สนใจด้วยนั่นแหละ
“มึงคอยดูหน้านะ กูมองมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งละ หน้าสวยชิบหาย”
“อ้าววว ผู้หญิงเหรอ ทำไมกูไม่เคยเห็นวะ”
“ไม่ๆ ผู้ชายนี่แหละ แต่หน้าสวยไง”
ไม่ทันไรนักรถเมล์มอก็วิ่งเข้ามาจอดเทียบป้าย คนที่กำลังถูกจ้องมองลุกขึ้นก่อนที่จะเดินขึ้นรถไป พลันสายตาหวานคมกลับเหลือบมองมายังชายกลุ่มใหญ่ เหมือนจะรู้ว่าถูกนินทา
ใบหน้าสวยคมไม่ได้ดูหวานราวกับผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้หยาบกร้านเหมือนผู้ชาย พร้อมกับผมยาวที่ทัดหูอยู่ข้างหนึ่ง ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าคนๆ นั้นมีแรงดึงดูดสูง แม้กระทั่งกับเพศเดียวกัน
เพียงชั่วครู่สายตาที่เรียบเฉยคู่นั้นก็ผินกลับไปมองทางเดิม แววตาที่ดูนิ่งไม่สนใจอะไร เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมอง
“อืม ก็สวยดีว่ะ” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเปรยออกมา
“ใช่มั้ยมึง แต่หยิ่งชิบหาย พวกกูเคยไปแซวตอนอยู่ปีหนึ่ง ไม่มีการตอบรับ ไม่หือไม่อือ ไม่แม้แต่จะมองพวกกู กูไปถามรุ่นน้องคนอื่นมันก็บอกว่าไม่เคยคุย คุยแล้วไม่ตอบบ้าง หรือพูดนิดพูดหน่อย แบบโลกส่วนตัวสูง”
อธิบายได้เข้าใจไม่ยาก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน เพราะสายตาที่มองมาเมื่อครู่มันดูว่างเปล่าจนคนถูกมองรู้สึกไร้ค่า
เว้นแต่คนเดียว...
คนเดียวที่ถูกสบสายตา...
แม้เพียงนิดเดียว แต่ก็เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลให้จ้องตามอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งรถคันใหญ่วิ่งออกไป เห็นเพียงแต่ปลายผมสีดำสะบัดต้องลมของคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง
“มึงรู้ป่ะว่าชื่ออะไร” สายตายังคงจ้องตามไป พร้อมปากที่เอ่ยขึ้นเบาๆ
“โซล... โซลมั้ง ถ้ากูจำไม่ผิด”
“โซล...”
อีกด้านหนึ่ง...
สำหรับช่วงบ่ายอ่อนๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเตร็ดเตร่ไปมาตามถนนเพราะส่วนมากนักศึกษาจะเข้าเรียนหรือไม่ก็กลับหอกันหมดแล้ว ปรากฏร่างโปร่งบางนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์มอ รอรถสายที่ผ่านไปทางหอพัก แต่นั่งอยู่คนเดียวไม่ได้นานก็มีเสียงพูดคุยของคนกลุ่มใหญ่ใกล้เข้ามา
ให้ตายสิ...
คนที่นั่งอยู่สบถขึ้นเบาๆ ในใจ นึกเกลียดสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะกลุ่มคนที่กำลังเดินมาเป็นพวกรุ่นพี่ในคณะเดียวกัน ถึงจะคุ้นหน้าแต่ก็ไม่ได้สนิท อันที่จริง...ไม่ได้รู้จักกันเลยมากกว่า ไม่อยากยกมือไหว้ ไม่อยากทักทาย เพราะมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร พวกนั้นคงจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วถ้าจำได้ล่ะ?
เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่น่ารำคาญตรงหน้า สิ่งที่เขาเลือกทำตอนนี้คือการก้มหน้า พยายามสนใจโทรศัพท์ตรงหน้าจนกว่ารถจะมา
ไม่กี่นาทีต่อมารถเมล์มอก็มาช่วยไว้ได้ทัน ไม่รอช้าคนที่นั่งอยู่ก็รีบผุดตัวลุกขึ้นเดินไปที่รถทันที แต่สายตาเจ้ากรรมดันหันไปสบตากับคนๆ หนึ่งที่ยืนอยู่ในกลุ่มใหญ่นั้น...
ผู้ชายที่คุ้นหน้าคุ้นตา ผู้ชายที่ตัดสกินเฮดแต่กลับหล่อเหลาดึงดูดสายตา ทั้งการจ้องตากลับมาแม้เพียงชั่วครู่ก็ทำให้หัวใจเต้นแรง ภาพวันแรกที่เจอกันยังตราตรึงในความทรงจำ...
พี่คิส...