“พี่วิทย์กลับมาเมื่อไหร่คะ” เธอถามเขาออกไปบ้างด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มถูกเช็ดอย่างลวก ๆ และรวดเร็ว
“อย่าเรียกแบบนั้นอีก ฉันไม่เคยมีน้องสาว.. อีกอย่างฉันถามเธอ ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนถาม” เสียงดุของเขาทำให้คนรอคำต้องสะดุงสุดตัว
“แล้วฉันจะกลับมาวันไหน เมื่อไหร่ ไม่จำเป็นต้องบอกให้เธอรู้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
เจติยา มองหน้าเขานิ่งอยู่ชั่วครู่ แก้มแดงระเรื่ย กลับซีดขาวขึ้นมาทันใด เมื่อได้ยินน้ำเสียงกร้าวเยือกเย็น ปฎิเสธความสัมพันธ์ครั้งหนึ่งที่เคยผูกพัน หากตอนนี้เขากลับทวงคืนมันกลับไปอย่างเลือดเย็น เสียงนั้นก้องกังวานจนรู้สึกปวดแปลบในหัวใจ หญิงสาวเบนสายตาหนีไปจากเขาอย่างรู้สึกผิดหวัง หากความเจ็บปวดของคำพูดทุกคำที่ได้รับกลับทำให้เธอรวบรวมความกล้า อยากต่อปากต่อคำด้วยวาจาเชือดเฉือนอารมณ์กลับไปบ้างเหมือนกัน เธออยากจะรูนักว่าตรีวิทย์จะรู้สึกยังไง เจ็บปวดเหมือนกับเธอมากน้อยแค่ไหน
“ถ้าเจตอบออกไป คุณวิทย์จะรับได้หรือคะ” คำถามกึ่งประชด ทำให้อีกฝ่ายฉุนกึกพร้อมสรรพนามที่เปลี่ยนไปตามความต้องการของอีกฝ่ายในทันที คือไม่นับญาติ ไม่คิดแม้จะผูกพันธ์
“อย่าสำคัญตัวเองผิดและคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันยังอาลัยอาวรณ์เธออยู่ เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นฝ่ายที่เริ่มต้นทุกอย่างก่อน” เขาตอบกลับได้อย่างเจ็บปวดที่สุด เล่นเอาคนที่รวนก่อน สะอึกยืนเงียบ เจติยามองใบหน้าแข็งกร้าวนั้นนิ่งนานก่อนจะยอมแพ้และเป็นฝ่ายเดินหันหลังให้ เดินจากไปด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น ทว่าตรีวิทย์คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ดึงเต็มแรงเพื่อให้เธอหันไปเผชิญหน้าในระยะกระชั้นชิด ดวงตาคมทอดต่ำไปจับนิ่งไปที่ริมฝีปากบาง สำนึกในวินาทีนี้เองว่าคิดผิดที่ยั่วโมโหเขา
เจติยาพยายามดึงข้อมือออกจากมือใหญ่ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมปล่อยโดยง่าย กลับรั้งร่างเล็กให้เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้นก่อนจะบังคับให้เข้าไปในที่ลับตาคน ริมผีปากนุ่ม ๆ ถูกปิดด้วยริมฝีปากร้อน ๆ ของเขา หญิงสาวพยายามเม้มริมฝีปากตัวเองให้แน่นเพื่อต่อต้านการรุกราน มืออีกข้างที่เหลืออยู่พยายามปัดป้องอย่างสุดกำลัง และการต่อต้านอย่างรุนแรงทำให้ชายหนุ่มต้องถอนริมฝีปากตัวเองออกอย่างไม่ ค่อยเต็มใจ หากวาจาสุดท้ายที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจากไปก็ทำให้ใครอีกคนเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ