บทนำ
เมื่อลมหายใจที่สูดเข้าออกอันยาวนานนับหมื่นสหัสวรรษ ได้กำหนดให้สิ่งมีชีวิตเช่นผมเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศในโลกใบนี้ คือผู้ล่าที่อยู่เหนือสุดของห่วงโซ่อาหาร
ความกระหายหิวกลิ่นคาวเลือดยามฉีกกระชากเนื้อหนัง ทั้ง ๆ ที่เหยื่อยังมีลมหายใจอยู่คือความสุขอันเหลือล้นที่ถูกฝังกลบอยู่ในกมลสันดาน เพิ่มรสชาติด้วยการเล่นสนุกเสพสมชิ้นเนื้อ แล้วบดขยี้คลุกเคล้ากลั้วน้ำลายสนองลิ้นไร้รสก่อนกลืนลงท้อง
กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเกรงกลัวความโหดเหี้ยมของตนเอง และหวาดหวั่นที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาเมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้หญิงคนนี้
สติสัมปชัญญะทั้งหมดทั้งมวลถูกยึดเหนี่ยวไว้ด้วยความเจ็บปวดที่แล่นพล่านขึ้นสู่สมอง หวังกระตุกท่อนแขนให้หลุดพ้นจากฝ่ามือเล็กที่กำลังจับโลหะแผ่นบางราวกับปีกแมลงปอกดลงไปบนกล้ามเนื้อต้นแขน
กระทั่งเลือดไหลทะลักออกมาเปรอะเปื้อนถุงมือแพทย์สีครีมที่เธอสวมใส่ เรียกความสนใจของผมให้มองตามการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วเรียวยามจับมีดหมอที่ถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงเข้มอย่างคล่องแคล่ว ในขณะที่กำลังกรีดเอาชิ้นเนื้อขาดวิ่นออกไปเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ผมหลุดเสียงสั่นเครือแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดให้ได้ยิน พยายามที่จะไม่เหล่ตามองมือเล็กคู่นั้น “หมอช่วยเบามือหน่อย เจ็บ!”
กลับได้ยินน้ำเสียงกระด้างโต้ตอบทันควัน “จะให้ฉันต้องเบามือขนาดไหนเนี่ย! ในเมื่อหนังของคุณมันหนาขนาดนี้”
ผมขมวดคิ้วมุ่นหลับตาลงข่มความเจ็บร้าวไปทั้งร่าง เมื่อเธอเผลอออกแรงกดใบมีดลงลึกมากขึ้นกว่าเดิมจนกล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัว กำมือหนาเข้าหากันรองรับความรู้สึกเจ็บปวดที่กำลังตามมา ลมร้อนค่อย ๆ พ่นออกทางปาก ฟันกรามบดขบเข้าหากันจนแทบแตกละเอียดเพื่อระบายอาการปวดหนึบที่บาดแผล
ในขณะที่เสียงหวานพร่ำบ่นงึมงำไม่ขาดตอน มือของเธอก็ยังขยับหยุกหยิกที่ต้นแขนไม่หยุดหย่อน “อืม...น่าจะยอมให้ฉีดยาสลบจะได้ทำแผลเสร็จเร็วมากกว่านี้”
ผมสะกดความเจ็บร้าวกลั้นใจพูดตอบเธอกลับไปอย่างอ่อนแรง ทั้งที่ยังหลับตา “ไม่ได้หรอก ถ้าผมไม่มีสติรับรู้มันจะอันตรายเกินไปสำหรับหมอ”
เกิดเป็นความเงียบขึ้นมาเฉียบพลัน จนกระทั่งผมปรือตาขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลใสคับคล้ายใครบางคน คนที่เป็นความสุขใจเพียงหนึ่งเดียวที่ตัวผมเองพยายามเก็บซ่อนไว้จนหลุดคลี่ยิ้มออกมา
“เมริษา คุณกลับมาหาผมตั้งแต่เมื่อไร”
แววตาของเธอวูบไหวชั่วพริบตาในขณะที่มือเล็กชะงัก พูดเสียงเบาให้ได้ยิน “นัยน์ตาของคุณสวยจังเลยค่ะ”
เธอทำให้ผมเกิดอาการมึนงงขึ้นฉับพลัน ก่อนที่จะถูกทำลายลงด้วยเสียงเคาะประตูขัดจังหวะคำพูดของผม
เสียงแหบห้าวดังก้องไปทั้งห้อง เจือปนความร้อนรนในน้ำเสียง “ทำแผลเสร็จหรือยังหมอ”
หญิงสาวเริ่มขยับฝ่ามืออีกครั้ง ก่อนตอบเสียงเรียบออกไปโดยที่ไม่ได้หันไปมองเจ้าของเสียง “ขอเวลาเย็บแผลอีกสามสิบนาทีค่ะ”
“เร่งมือหน่อยละกัน ผมต้องรีบพาเจ้านายกลับ...”
“ค่ะ!”
เธอกระแทกเสียงแข็งรับคำ ในขณะที่ผมเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวอยู่เงียบ ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนก่อนที่จะมีเสียงถอนหายใจพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มสีชมพูอ่อนอย่างโล่งใจ
ขณะเดียวกันความรู้สึกร้าวระบมก็เริ่มทวีกดทับเปลือกตามากขึ้นเรื่อย ๆ สติของผมกำลังเลือนรางเสมือนถูกหมอกควันหนาทึบปกคลุมเป็นเวลายาวนาน
จนกระทั่งปลายนิ้วของเธอหยุดขยับเขยื้อน พูดน้ำเสียงเฉียบขาดออกมา “เสร็จซะที ฉันหวังว่าพวกเราจะไม่ต้องมาพบเจอกันอีกนะ หวานใจ”
สติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ถูกกระตุ้นแจ่มชัดขึ้นมาเล็กน้อย อ้าปากขยับพูดเสียงแผ่วเบา “ไม่เมย์ อย่าไป”
ความทุรนทุรายประหนึ่งปลาขาดน้ำถูกระเบิดออกมาด้วยลมหายใจร้อนผ่าวและเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย ไร้ซึ่งกำลังที่จะเอื้อมมือไปไขว่คว้าเธอไว้ในฝ่ามือ
ก่อนที่สติจะดับวูบหายไป พร้อมกับเสียงปิดประตู...