บุรุษร่างสูงนั่งสง่าบนหลังอาชาสีทมิฬตัวใหญ่ ใบหน้ากร้านแดดทอดสายตามองไปยังเบื้องหน้าในมือถือทวนอันใหญ่ยกสูงขึ้นเหนือหัว
“ฆ่า!” สิ้นเสียงตะโกนกึกก้อง เหล่าทหารกล้าต่างตะบึงเร่งฝีเท้าม้าออกไปโจมจันโรมรันกับศัตรู ทั่วทุ่งหญ้าเขียวขจีเต็มไปด้วยหยาดโลหิต
ใบหน้าเย็นชาเผยให้เห็นความดุดันโหดเหี้ยมมากมายในดวงตาคู่นี้ หากมีผู้ใดมาเห็นต้องยำเกรงเป็นแน่
เสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วบริเวณผู้คนเข่นฆ่ากันเป็นว่าเล่น ร่วงหล่นโรยราราวกับใบไม้ร่วง.....
.
.
.
สมญานามบุรุษเลือดเย็นมิเกินจริง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเกราะเหล็กของทหารเดินทางเข้าเฝ้าฝ่าบาทตามรับสั่งของพระองค์
สงครามในชายแดนทั้ง 4 ถูกจัดการลงด้วยฝีมือของแม่ทัพ ‘เฟิ่งจิ่น’ ชื่อเสียงเรียงนามดังไกลไปทั่วหล้า มิมีผู้ใดไม่รู้จักเขา
“ถวายบังคมฝ่าบาทขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพเฟิ่งจิ่นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ตนและผู้ติดตามอีก 4 คนได้คุกเข่าทำความเคารพบุรุษบนบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว
“ลุกขึ้นเถิด” ฝ่าบาทรับสั่ง คนทั้ง 5 จึงลุกขึ้นจากพื้นยืนหลังตรงอยู่เบื้องหน้าผู้ยิ่งใหญ่เหนือผู้ใดในแผ่นดิน
“ความดีความชอบของเจ้าเจิ่นได้รับรู้แล้ว จิ่วกงกงเปิดราชโองการของเรา” ตรัสกับชายหนุ่มแล้วจึงหันไปตรัสกับกงกงคนสนิทของตนต่อ
“พ่ะย่ะค่ะ” จิ่วกงกงตอบรับก่อนจะเดินออกมายืนอยู่ด้านหน้าของแม่ทัพหนุ่มและเปิดราชโองการตามรับสั่งของฝ่าบาท
“จากผลงานทั้งหมดทั้งปวงของแม่ทัพเฟิ่งจิ่นที่ได้กระทำมานั้น ขอแต่งตั้งให้แม่ทัพเฟิ่งจิ่นขึ้นรับตำแหน่งแม่ทัพ.......”
พรึบ!
ดวงตาคู่สวยเปิดลืมขึ้นด้วยความตกใจเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงข้างขมับ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงกวาดตามองไปรอบๆก็พบว่าเวลานี้ตนนั้นยังนอนอยู่ในห้องสีครีมของตนอยู่
แน่นอนว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายยังคงเป็นของตกแต่งบ้านตามยุคสมัยใหม่ไม่ใช่ของโบราณอย่างที่ตนนั้นฝันถึง
ครืนนนน ครืนนนนน
ในจังหวะที่เจ้าตัวจะนอนต่อนั้นเสียงมือถือของเขาก็สั่นขึ้น
ชายหนุ่มเอือมมือไปหยิบมือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมองรายชื่อหน้าจอก็พบว่าเป็นเจ้านายของเขาเอง
“ครับท่าน” ชายหนุ่มกรอกเสียงลงไปยังสายนั้นก่อนจะรอฟังสิ่งที่อีกคนต้องการบอกในเวลาตีสองนี้
[มีงานด่วนเข้ามา ตามลูกทีมของคุณด้วย ตูดดดดด] กล่าวจบสายก็ตัดไป ทำเอา ‘เฟิ่งจิ่น’ ถึงกับนึกหัวเสีย
เดิมทีเขาก็มีเวลาพักผ่อนน้อยอยู่แล้ว นี่ก็พึ่งลาหยุดได้เพียง 1 วันเท่านั้น แต่กับมีงานด่วนเข้ามาเสียอย่างนั้น พักร้อนที่ลาไปก็คงจะถูกยกเลิกอีกตามเคย เฮ้อ.....
.......................
ช่วงเวลตี 4 ครึ่งคนทั้ง 7 คนก็มาถึงห้องประชุมใหญ่ โดยมีเฟิ่งจิ่นเป็นหัวหน้าทีมเดินนำคนอื่นๆเข้ามาด้านใน
การประชุมเริ่มต้นขึ้นทันทีที่ทุกฝ่ายมาถึง หน่วยข่าวกรองรายงานถึงความเป็นไปของเป้าหมาย ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง การประชุมอันตรึงเครียดก็จบลง
ผลสรุปคือให้ทีมของเจ้าตัวออกทำภารกิจช่วยเหลือตัวประกัน ภารกิจจะเริ่มในอีก 1 ชั่วโมงหลังจากนี้ พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจใดๆมากนักก็ถูกสั่งให้ไปทำภารกิจเสียแล้ว
พักร้อนที่คาดว่าจะได้ใช้กลายเป็นหมันไปแล้ว หมดกันการนอนนิ่งๆบนเตียงนุ่มๆที่เจ้าตัวใฝ่ฝันถึง เฮ้อ......
“รายงานสถานการณ์” เฟิ่งจิ่นเอ่ยถามหน่วยข่าวที่ประจำการรออยู่ที่นี่
“ตัวประกันทั้งหมด 15 คนครับ นอกจากนี้พวกมันมีคนทั้งหมด 30 คนอาวุธครบมือ.......” การรายงานเป็นไปอย่างตรึงเครียด จวบจนคนจากข่าวกรองพูดจบทีมของเฟิ่งจิ่นถึงได้มีเวลาวางแผนหาทางเข้าไปช่วยตัวประกันด้านใน
หลังวางแผนงานจบแล้วทุกคนจึงได้แยกย้ายกันไปทำตามแผนที่วางไว้ ทางเฟิ่งจิ่นจะเป็นผู้เข้าไปช่วยตัวประกันเอง ส่วนคนอื่นๆจะเป็นคนดึงความสนใจจากพวกมันแทน
ฝีเท้าของพวกเขาเงียบเชียบราวกับสายลม แม้จะมีอาวุธหนักถือไปด้วยแต่ก็ไม่อาจทำให้ความสามารถย่องเบาของพวกเขาด่อยลงไปได้
ปังๆๆๆๆๆ
เสียงปะทะกันของกองโจรและคนของเขากำลังเริ่มขึ้น ช่างดึงความสนใจได้ดีจริงๆ
เฟิ่งจิ่นค่อยๆก้าวเท้าตรงไปทางที่ตัวประกันถูกขังเอาไว้อย่างช้าๆ สายตาสอดส่องลอบมองคนของกลุ่มโจรไปด้วย
ไม่นานเจ้าตัวก็มาถึง ทั้งชายและหญิงถูกจับมัดขังรวมกันเอาไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง
“ชู่ววว” เฟิ่งเจิ่งยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นการบอกพวกเขาให้เงียบ ซึ่งทุกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย
เฟิ่งจิ่นกวาดตามองไปรอบๆอีกครั้งอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนของกองโจรอยู่จริง เมื่อมั่นใจแล้วเจ้าตัวจึงเดินไปช่วยคนอื่นๆแก้มัด
แกร่ก!
ทว่าความเย็นของปลายกระบอกปืนกับจ่อลงที่หัวของเขา เฟิ่งจิ่นยกมือทั้งสองขึ้นเหนือหัวเป็นการบอกกลายๆว่าเขาไม่มีอาวุธในมือ ก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปเผชิญกับคนทางด้านหลัง
“กู่หลง!” เสียงเอ่ยทักอย่างตกใจบวกกับความไม่เข้าใจทำให้เฟิ่งจิ่นขมวดคิ้วมองอีกคนอย่างสับสน
“ไงหัวหน้า” เสียงของกู่หลงพูดขึ้น พร้อมกับร้อยยิ้มของเจ้าตัว เฟิ่งจิ่นเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวของเขาอย่างไม่อย่างจะเชื่อ
“ทำไม?” เฟิ่งจิ่นเอ่ยถาม ทว่าอีกคนกลับทำเพียงยกยิ้มขึ้นสูงเท่านั้น
“เพราะหวัหน้าน่ารำคาญเอามากๆเลยครับ บางทีคนเราดีเกินไปก็เป็นภัยนะครับ หัวหน้า” กู่หลงเอ่ย ก่อนจะมองเลยเฟิ่งจิ่นไปด้านหลัง ทำให้เฟิ่งจิ่นหันกลับไปมองตา
จึก!
“อัก!”
หญิงสาวคนหนึ่งเสียบมีดปลายแหลมเข้าหน้าท้องของเขาในจุดที่ชุดกันกระสุนไปไม่ถึง เลือดสีแดงสดไหลแอบมือเรียวของเธอ
หญิงสาวน้อตาคลอก่อนจะร้องไห้อย่างหนักปากก็พร่ำบอกว่า
“ขอโทษ! ฉันขอโทษ!” ไม่หยุด
เฟิ่งจิ่นล้มลงบนพื้นพลางกอบกุมบาดแผลที่ถูกหญิงสาวทำร้าย มีดนั้นถูกเธอดึงออกไปนานแล้ว และเพราะแบบนั้นมันจึงทำให้เลือดของเขาไหลไม่หยุดแบบนั้น
“หึ! เป็นไงพ่อคนดี ถูกคนที่ตัวเองช่วยเหลือฆ่าตายเนี่ย รู้สึกดีใช่ไหม?” กู่หลงพูดขึ้นพลางเดินอ้อมมาหาเขาที่นั่งกุมท้องของตนอยู่บนพื้น
“อยากเป็นคนดี แต่ก็ต้องตายเพราะคนดี มันน่าสมเพชวะ” กู่หลงจับปลายคางของเฟิ่งจิ่นให้อีกคนมองหน้าตนอย่างไม่ละไปไหน
“มีอะไรอยากพูดเป็นครั้งสุดท้ายไหม? หัวหน้า”
“ถุย!” เฟิ่งจิ่นถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้าอีกคน
เพลี้ย!
กู่หลงฟาดฝ่ามือใส่หน้าของเฟิ่งจิ่นจนเลือดกลบปาก เจ้าตัวล้มตัวไปตามแรงตบของอีกคน ทางกู่หลงเองก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง คล้ายจะเดินหนีทว่า กลับหันกลับมาเตะเสยเข้าที่หน้าของเฟิ่งจิ่นจนแทบสิ้นสติ
ผลัก!
“มึงนี่นะ! หาเรื่องตาย” กู่หลงพูดขึ้นพลางเล็งปืนไปที่หัวของเฟิ่งจิ่น
“ในเมื่อไม่มีอะไรจะพูด งั้นก็ตายไปซะ!”
ปัง!
.
.
.