คืนในวันที่หิมะตกหนักทำให้อากาศหนาวเริ่มปกคลุมร่างกาย เสียงฝีเท้าย่ำหนักๆของหนึ่งบุรุษและหนึ่งสตรีรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยกลัวว่าหากช้ากว่านี้ผู้ที่ตนต้องปกป้องจะมีอันตรายถึงชีวิต ชายหนุ่มมองเจ้าชายตัวน้อยในมือที่ถูกทำให้หลับด้วยมนต์คาถา
"เซร่าเจ้าไหวไหม" ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มเอ่ยถามคนรักที่วิ่งตามมาติดๆ
"ไหวสิ อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงแล้ว" น้ำเสียงหวานๆของสตรีคนรักเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มบางๆให้กำลังใจ
ป่าใหญ่สูงชันปกคลุมทั่วทำให้มองไม่เห็นท้องฟ้า มีเพียงแสงไฟจากคทาในมือที่ตนเป็นคนสร้างขึ้นมา เสียงกรอบแกร็บย่ำลงบนผืนป่าทำให้หัวใจของคนสองคนเต้นระรัว ไม่อาจรู้ได้ว่าระหว่างเสียงฝีเท้ากับเสียงหัวใจที่เต้นระห่ำอันไหนมันดังกว่ากัน ใช่ไม่กี่อึดใจพวกเขาต้องจากที่นี่ไปนานแสนนาน นานจนไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกไหม แต่เพราะหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ทำให้เขาตอบรับรับภารกิจที่หวังว่าในอนาคตจะเกิดขึ้นจริงตามคำทำนาย
เมื่อสิ้นสุดเขตแดนต้องห้ามที่มีผู้รู้ทางลับนี้ไม่กี่คน ทั้งคู่จึงหันมามองหน้ากันโดยไม่มีใครคิดจะปริปากพูดอะไร นัยน์ตาสีเขียวที่เคยสดใสบัดนี้ฉายแววแห่งความเจ็บปวดแต่รวดเดียวก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาของคนห่วงหาอาทรเป็นห่วง เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่รักต้องมากังวล
"ดูแลตัวเองดีๆ นะ อาเธอร์" เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเมื่อชายตรงหน้ายังคงจ้องเธอตาไม่กระพริบและเขาไม่คิดจะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
"เจ้าก็เหมือนกันนะเซร่า หากเป็นไปได้ตัดใจจากข้าเสียเถอะ ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาทุกข์ทรมานใจก็เพราะข้า ข้าต้องไปแล้ว" เมื่อพูดจบขายาวๆก็เตรียมหันหลังพร้อมเดินจากไป แต่เสียงสะอื้นที่ตามหลังมาทำให้เขาหยุดชะงัก
"เจ้าคงเลือกสิ่งนั้นสินะ สิ่งที่ข้ากลัวมาตลอด ไอหน้าที่ของเจ้าที่เจ้าเห็นมันสำคัญกว่าความรักของข้า" เสียงหวานปนสะอื้นตัดพ้อกับชายหนุ่มตรงหน้าที่ไร้เยื่อใยกับเธอแต่คำพูดของเขามันทำให้เธอจุกจนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว
"ขอบคุณนะที่มาส่งข้า หน้าที่ของข้ามันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าชีวิตของข้าเสียอีก เจ้าคือคนที่รู้ดีที่สุด ไม่ต้องรอข้า ลืมข้าเสียเถิด" เมื่อชายหนุ่มเดินจากไปจนพ้นสายตา ร่างบางริ่มทรุดลงกับพื้นแล้วเสียงสะอื้นที่กลั้นไว้ไม่อยากให้เขาได้ยินก็พรั่งพรูออกมาพร้อมคำตัดพ้อมากมาย จนทำให้เธอผล็อยหลับไปกับต้นไม้ใหญ่ที่ใช้พักพิงใจยามนี้