ปกรณัมบทใหม่ของเทวา
3
ตอน
2.69K
เข้าชม
61
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
5
เพิ่มลงคลัง

ในความมืดมิด จะหาสิ่งใดอันน่าภิรมย์นั้นไม่มี

ผู้คนมักจะหวาดกลัวความมืดมิด เพราะมืดมิดจึงหวาดกลัว

เพราะความหวาดกลัว จึงไม่สามารถหาความภิรมย์ได้

อดีตกาลในยามค่ำคืนที่มืดมิด จึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเหล่าผู้คนที่มีต่อธรรมชาติในยามราตรี เมื่อผู้คนเกิดความหวาดกลัวความมืดมิด จึงแสวงหาความสว่าง เสกสรรค์ความศิวิไลขึ้นมาด้วยพลังอันน้อยนิดและการชี้นำของเหล่าเทพเจ้า เมื่อความมืดมิดลดน้อยลง ผู้คนกลับหลงลืมความหวาดกลัวต่อธรรมชาติ ลืมจิตวิญาณที่ควรอ่อนน้อมต่อสิ่งที่หวาดกลัว ก่อเกิดความหยิ่งผยอง ถือดี จนทำให้ตนเองเป็นฝ่ายสร้างความมืดมิดยุคใหม่ขึ้น เป็นความมืดมิดที่น่าพรั่งพรึงเสียงยิ่งกว่าราตรีกาลที่ไร้ซึ่งแสงแห่งจันทรา มันค่อยๆสะสม ขยาย และทรงพลังมากขึ้นตามจิตใจของผู้คน ความละโมบ เห็นแก่ตน ความชิงดีชิงเด่น ความมืดในจิตใจผู้คนเป็นแหล่งพลังงานอันเหลือล้น หากแต่ยังไม่มีผู้ใดเลยจะรู้สึกตนกับความมืดที่คืบคลานเข้ามา

ท่ามกลางแสงจันทร์อันส่องสว่าง สายลมยามราตรีได้พัดพามวลบุปผาปลิวไสว ดอกไม้สีชมพูถูกพัดจากต้น ลอยละลิ่วหมุนรอบๆเงาสองร่างที่นั่งอยู่ท่ามกลางมวลหมู่ไม้ ร่างหนึ่งนั้นดูสูงใหญ่ กำยำเสมือนผ่านการดูแลเฉกเช่นนักรบที่ห้าวหาญ สวมกิโมโนสีดำสนิท เจ้าของร่างนั้นมีใบหน้าอันคมเข้มได้รูปแห่งชายชาตรี มีดวงตาดุดันสีแดงเข้มดุจยอดอัญมณี ซึ่งมีสีเช่นเดียวกับเส้นผมสั้นที่ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยด้วยแรงแห่งสายลม ข้างๆมีร่างอันบอบบางระหงสวมกิโมโนสีขาวบริสุทธ์ เส้นผมสีดำขับสลวยส่งให้ใบหน้าหวานรูปไข่นั้นน่าหลงใหลเช่นเดียวกับดวงจันทร์

"มนุษย์มิได้เรียนรู้สิ่งใดเลยจากอดีตกาล ทำผิดครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความหวาดกลัวให้แก่ตนเองอยู่เสมอๆ แล้วก็วิ่งโร่หาผู้ช่วยเหลือ โดยหลงลืมว่าสาเหตุมาจากตนแท้ๆ"

 

"เพราะเป็นมนุษย์เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ มีผิด มีถูก พวกเขาไม่สามารถแยกแยะกิเลสได้เช่นเรา" ดวงตาสีดำคมกริบกล่าวตอบอย่างอ่อนโยน

 

"อ่อนแอ ไร้กำลัง และเย่อหยิ่ง แล้วยังพยายามจะควบคุมทุกอย่างแม้แต่ธรรมชาติ นั่นนะหรือ "

 

"มนุษย์เป็นได้หลายๆอย่าง สุดจะคาดเดา จึงทำให้พวกเขาล้มและลุกได้เสมอ ข้าว่าเช่นนั้นน่าสนใจ" ร่างบางระหงกล่าวตอบ

 

"ข้ามิได้มีหน้าที่ชี้นำเช่นเจ้า เจ้าควรปล่อยให้พวกเขาช่วยเหลือตนเองนะ" ผู้มีสีผมอันเหมือนเปลวเพลิงกล่าวขึ้นอย่างขัดใจ

 

"เทพเจ้า เกิดจากความศรัทธาของมนุษย์ เหตุใดจะให้ละทิ้งเล่า ถึงแม้พวกเขาจะหลงลืมไปแล้ว หากแต่วันใดที่เผชิญต่อความหวาดกลัวจนยากจะต้านทาน พวกเขาจะกลับมาหาเทพเจ้าเสมอ"

 

"เจ้าคิดว่ายุคที่มนุษย์คิดว่าตัวเองเสมอเทพเจ้า คอยหาเหตุผลต่างๆนาๆกับสิ่งที่พวกเขาจับต้องได้เช่นนี้ จะกลับมาสวดอ้อนวอนเทพเจ้าอีกเช่นนั้นหรือ "

 

"เจ้าจะได้เห็นในไม่ช้า ดื่มอีกจอกกับข้า แสงจันทราจะลาลับ ข้าจะต้องเดินทางอีกครั้ง เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะเข้าใจมนุษย์มากขึ้น และค้นพบว่า พวกเขาน่าทึ่งเพียงใด นี่คงเป็นคงการพบเจอครั้งสุดท้ายที่ยังยังเป็นตัวข้า"

 

สายลมโหมกระหน่ำขึ้นได้พัดพาหอบเอากลีบแห่งบุปผาลอยละลิ่วต้องผิวสุราอันเลิศรสในจอกเหล้าสีแดง ริมฝีปากสีชมพูคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนที่ม่านแห่งซากุระจะถูกสายลมม้วนเกียวรอบร่างสง่าของผู้ที่มีเกศาสีดำขลับยาวสลลวย ให้หายไป เหลือแต่เพียงความว่างเปล่าให้ผู้เป็นสหายได้เฝ้ามอง

"ข้าไม่เข้าใจที่เจ้าพูดเช่นนั้น แต่ข้าจะรอเจ้ากลับมา เลี้ยงเหล้าพันจันทราอีกครั้ง เมื่อภาระกิจเจ้าสิ้นสุดลง"

...........................................................................................

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว