ร่างบางเกือบเปลือยของหญิงสาวขยับตัวไปมาอยู่บนเตียงใหญ่ ผ้าปูที่นอนสีน้ำเงินเข้มเรียบลื่นตัดกับสีผิวขาวเนียนของเธอยิ่งนัก เธอพยายามปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเพื่อมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองอยู่ข้างเตียง ทว่าภาพที่เห็นช่างพร่าเบลอจนมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเจนเอาเสียเลย รู้แต่ว่าเขาเป็นผู้ชายตัวโตเท่านั้นเอง สมองของเธอมึนงงศีรษะหนักอึ้ง ภายในห้องเย็นเฉียบแต่เธอกลับร้อนผ่าวไปทั่วสรรพางค์กาย
“ คะ คุณเป็นใครคะ ที่นี่ที่ไหน ” ต้องมนต์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า เธอรู้สึกคอแห้งไปหมด ขยับเรียวขาบิดกายไปมาพยายามจะยันกายลุกขึ้นจากเตียงใหญ่ ทว่ายิ่งขยับตัวยิ่งทำให้เธอรู้สึกวูบวาบไปทั่วผิวกาย ต้องการเหลือเกินต้องการบางอย่างที่เธอก็มิอาจรู้ได้ว่ามันคืออะไร
“ เป็นเจ้าของตัวเธอยังไงล่ะ ” พฤกษ์ตอบเธอด้วยน้ำเสียงเย็นชา นัยน์ตาคมกล้าสีดำสนิทจ้องมองร่างงามด้วยแววตากระหายใคร่
“ หมายความว่ายังไงคะ เป็นเจ้าของ ? หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนูมาทำงานกับเพื่อน แล้วทำไมมาอยู่บนเตียง…ว้าย! ” เธอร้องด้วยความตกใจเมื่อก้มลงมองตัวเอง เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีเพียงชุดนอนซีทรูบางเบาสีแดงเพลิงตัวสั้นที่ปกปิดเรือนกายแทบไม่ได้เลยอยู่บนร่าง มือเรียวรีบคว้าผ้าแพรสีน้ำเงินมาคลุมร่างไว้นั่งตัวสั่นเทาอยู่กลางเตียงด้วยความตื่นตระหนก
“ ก็หมายความว่าฉันจ่ายเงินซื้อเธอเพื่อเอาไว้บริการฉันบนเรือสำราญนี่ยังไงล่ะ ” ร่างสูงกำยำโน้มตัวลงไปตอบเธอใกล้ ๆ ใบหูนุ่ม สองแขนแกร่งเท้าคร่อมร่างที่นั่งตัวสั่นอยู่กลางเตียง เธอมองใบหน้าหล่อคมเข้มที่ก้มลงมาใกล้ด้วยใจที่เต้นรัวแรงราวกับจะทะลุออกไปนอกอก ริมฝีปาอวบอิ่มสั่นระริกยามกล่าวประท้วงออกไป
“ ตะ แต่ว่าหนูไม่ได้มาขายตัว หนูมาทำงานคุณถอยไปนะ ” สองมือน้อยทาบไปบนแผ่นอกกว้างของคนตรงหน้าแล้วออกแรงดันหวังให้เขาออกห่าง ทว่าแรงน้อยนิดนั้นไม่มีผลอันใด ร่างใหญ่แข็งแกร่งหาได้ขยับออกไปแม้แต่นิด และเมื่อสองมือของเธอดันอยู่บนอกเขา ผ้าแพรที่คลุมร่างก็ตกลงมากองอยู่รอบกาย พฤกษ์มองทรวงอกอวบอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจของเธอภายใต้ซีทรูตัวบางด้วยความพึงพอใจ