ณ ดินแดนที่ไร้สุญญากาศแห่งนี้ เหมือนนพตน์จะเคยมีตัวตนอยู่มาก่อน
ประวัติศาสตร์ในโลกนี้ มีเขียนเกี่ยวกับเขาไว้หมดทุกอย่าง ทั้งเรื่องราว ทั้งวีรกรรมและวีรบุรุษสำหรับโลกใบนี้ ชื่อของเขาคือ นพตน์
รายงานล่าสุดเกี่ยวกับเขาได้รับการยกย่องและกล่าวอย่างเกินจริงไว้มากมาย และทางเดียวที่เราจะรู้คำตอบ
คือ
'มาคอยร่วมเดินทางและติดตามเรื่องราวไปพร้อมกันกับนพตน์'
(ทั้งนักอ่านและนักเขียนคือผู้ที่ไม่เคยได้รู้เรื่องราวของนพตน์มาก่อน จึงต้องเรียนรู้ไปพร้อมกัน และลุ้นช่วยกันว่า เขาจะจะเป็นอย่างไรต่อไป)
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัวละคร
นพตน์ (อ่านว่า นะ-พต) เป็นชายหนุ่มอายุ ยี่สิบห้าปี มีอาชีพเป็นหนุ่มออฟฟิศช่างฝัน มีรูปร่างที่ผอมโซแต่ก็ไม่ถึงกับทรงตัวไม่ได้ เขาสูง 176 เซนติเมตร น้ำหนัก 56 กิโลกรัม สวมแว่นตาสีดำกรอบหนาๆ ผิวสีขาวแวววับ ไว้ทรงผมทรงอปป้าทั่วไป ทรงสีดำ
กานดา เป็นหญิงสาวอายุ ยี่สิบปี มีอาชีพเป็นนักศึกษาที่เข้ามาฝึกงานคู่กับนพตน์ที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับเธอ รูปร่างเรียวสวย ทรงผมดกดำเงางามยาวสลวยและหน้าม้าอันเป็นเอกลักษณ์ มีแตกปลายบ้างประปรายแต่ก็ยังคงสวย ใบหน้าผุดผ่องไร้สิ่ว ฝ่าและกะ ผิวสีขาวมีน้ำมีนวล หน้าอกขนาดพอดีให้ชายหลายคนพอเลี่ยวมอง น้ำหนัก 44 กิโลกรัม ส่วนสูง 170 เซนติเมตร
กอหญ้า เป็นเด็กผู้หญิงวัยแปดขวบ กำลังตัวเล็กตัวใสและชอบให้นพตน์ทำทรงผมอามวยมันจุกสองข้างให้ มีรูปร่างที่ท้วมเล็กน้อยพอจั่มม่ำ ส่วนสูง 145 เซนติเมตร น้ำหนัก 45 กิโลกรัม
(ตัวละครอื่นๆอาจจะมีมาแทรกในนวนิยายนะครับ หลักๆมีแค่นี้ก่อนนะครับ)
........................
..........
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนะครับ
ตำราอราหมั่น เป็นตำราเพื่อเปิดประตูข้ามมิติไปยังพิภพหนึ่งในดินแดน Re-Earth(รี-เอิร์ธ) ที่จะทำให้พระเอกได้กลับไปเริ่มต้นใหม่ในเหตุการณ์บางอย่างที่เคยได้ทำไว้ครับ
อาวุธโบราณทั้งสิบสองชนิด ประกอบไปด้วย ดาบแดง หอกประกายเพชร ทวนชนะสิบทิศ กระบี่นางรำ แส้ร้อยหวาย ค้อนมณีเขียว ขวานของจอมทัพ ไม้เท้าของนักร่ายมนต์ พัตรของนักปราชญ์ ง้าวบุษรา ธนูของนักรบสิบทิศ โล่ของทุ่ยโงะ
แผนที่เมืองรีเอิร์ธ เป็นแผนที่แสดงภูมิภาคของโลกเป็นสิบแหล่ง อันประกอบด้วย ทิศที่หนึ่งอยู่ตรงมุมขวามือสุดคือ เมืองแดง ถัดมาติดกันเป็นเมืองที่มีสนามเป็นหมู่เกาะประกายเพชร และถัดมามีสภาพเป็นป่าชุกและมีลานกว้างอยู่ตรงกลางต่อจากเกาะประกายคือ เมืองนางร่ายรำ และมีตัวหมู่บ้านเมืองเห็นได้ชัดเจนคือเมืองร้อยหวาย เลื่อนลงมาจากเมืองแดงคือ มีสภาพเป็นเมืองๆเป็นย่านๆชัดเจนคือ เมืองมณี ถัดมามีสภาพเป็นหมู่เกาะย่อมๆ แต่ละเกามีชื่อเมืองที่ชัดเจน เมืองหนึ่งชื่อจอมทัพ เมืองมนต์ตรา เมืองปราชญ์พักรบ และเมืองทุ่ยโงะที่เป็นเกาะห่างไกลจากพื้นที่อื่นและมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาและโขนหินมีเนินบ้างประปรายแต่เต็มไปด้วยการเพาะปลูกหมด
(ข้อมูลอื่นๆขอเอาไว้ในส่วนของนวนิยายนะครับ)
****หมายเหตุ ข้อมูลและเนื้อหาภายในเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนนะครับ ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงนะครับ แต่งขึ้นมาจากจินตนาการและความบันเทิงนะครับ****
ฝากบทประพันธ์นิดหน่อยนะครับ
เกลียวกลายคลายสิ้น ร้องร้น ดีดดิ้น ดิ้นรน เยี่ยงอดยาก ข้าวทุกบาท หยาดสารทุกเม็ด กระจาดจายอยู่บนพสุธาที่เปื้อนฝุ่น สิ้นค่าไร้ราคาจับต้อง ก่อเกิด ปากท้องต้อง ส่งเสียงร้องบิดเกลียวเป็นปวดมวนไม่จางหาย ความดีดดิ้นทุรันทุกรายของชาวรีเอิร์ธจะต้องจบ สงครามที่ค้างคาต้องถึงคร่าดับสิ้น
คำสาปส่ง สวดส่งลงนรก ของเหล่ามวลมารเริ่มขับคลานส่งเสียงกึกก้องกังดาล สั่นสะท้านน่าเกรงกลัวไปทั่วบนแดนรีเอิร์ธ ร่างชายคราผู้มาจากต่างภพ จักต้องพบชะตากรรมของตัวเขาเอง แลต้องคิด ต้องจับอายุธ ร่างร่ายลีลากายลุกสู้กับมวลเหล่ามาร ปีศาจที่ส่งเสียงเรียกร้องด้วยคำสบถจากดินแดนอเวจี
ชายผู้นั้นเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่จักกอบกู้ ดินแดนอันสงบสุขให้กลับมาร่มเย็นเป็นดั่งเดิม มิมีใครจะเทียบเทียมกับองค์จักรพรรดิ นพตน์ที่เลืองชื่อลือนาม มาเป็นนับล้านคร่าข้ายังไม่ได้พรจุติกายาจากมวลดิน เร่งสร้างอารัมย์จากมวลพายุ ไหลเวียนความสมดุลดั่งสายน้ำ ปลุกเสกมนต์เพลิงจากกองเท่าถ่านอันดำทุลี ตามตำนาน ชายผู้นั้นได้ชื่อว่า ‘จัดการกับปีศาจนับหลายล้านตนได้สำเร็จ’ แต่ไม่มีใครใคร่รู้ว่า ‘มันคือสัญญาการต่อรองการมีชีวิตอยู่ของเขา’ นับตั้งแต่การสิ้นพระชนของชายผู้นั้น ดินแดนรีเอิร์ธก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ดินแดนทั้งเก้าอันสงบสุข ก็ต่างลุกขึ้นมาสู้รบรา เข่นฆ่ากันเองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย บ้างก็พูดถึงข่าวลือที่ชวนให้น่าเชื่อถือตามไม่ได้ มีทั้งมวลความจริงและไม่จริงสลับกันไป
บัดนี้เมื่อเวลามาถึง เวทย์มนต์จักผสาน พิธีกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ การส่งตัวพาชายนพตน์กลับมายังดินแดนรีเอิร์ธก็มาถึง และท่านผู้นั้นจักพานางไร้นามที่รู้จักมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ฉงนใจและประหลาดใจ ทั้งที่ไม่เหมือนกับอมรที่อยู่บนสุราลัย
ข้าทำได้เพียงออดอ้อน อ้อนวอนต่อสิ่งที่อยู่บนฝากฟ้าช่วยชี้นำทางให้ชายผู้นั้นพาเรารอดสงครามคร่าที่เราต้องรบกันเองด้วย
บทประพันธ์หญิงม้าย เมืองแดง