เรื่องเล่าของผัวเมีย #16 "ป๋าเด็จเผด็จศึก 1"

อีโรติก

เรื่องเล่าของผัวเมีย #16      "ป๋าเด็จเผด็จศึก 1"

เรื่องเล่าของผัวเมีย #16 "ป๋าเด็จเผด็จศึก 1"

เพียงชายคนนี้

อีโรติก

0
ตอน
741
เข้าชม
1
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

เรื่องเล่าของผัวเมีย #16

 

  "ป๋าเด็จเผด็จศึก 1"

 

  อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้าแล้วว่าผมกับกลอยกำลังวางแผนที่จะปลูกบ้านกัน ซึ่งเราทั้งสองก็กำลังหาดูที่ดินที่เจ้าของเขาประกาศขายเพื่อจะซื้อมาปลูกบ้าน

 

  ผมเห็นป้ายประกาศขายที่อยู่ที่หนึ่งอยู่ในตัวอำเภอ แต่ก็ค่อนข้างเปลี่ยวหน่อยเพราะเป็นเส้นทางตัดใหม่ ถนนเพิ่งลาดยางได้สักสองปี เป็นเส้นทางทางหลวงชนบทย่นระยะทางระหว่างอำเภอกับตัวจังหวัดให้ใกล้ขึ้น และเริ่มมีคนออกมาปลูกบ้านกันประปราย ทำให้ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ และอนาคตน่าจะเป็นชุมชนตามรายทางตามแนวถนนในไม่ช้า

 

  สภาพที่ดินเป็นสวนมะม่วงพื้นที่ตามป้ายที่ติดไว้ประมาณ 6 ไร่ แต่ก็มีเขียนว่าแบ่งขายด้วย ซึ่งผมก็ไม่คิดจะซื้อมากขนาดนั้นอยู่แล้ว หน้าแปลงติดถนนลาดยางยาวลึกเข้าไปประมาณ 100 เมตร ลักษณะเป็นรูป"สระ -า" โดยมีทางดินโรยหินคลุกตัดขนาบข้างเข้าไปจนถึงด้านใน

 

  ผมกับกลอยอยากมีบ้านที่สงบเงียบ มีความเป็นส่วนตัวไม่วุ่นวายตามสไตล์ของเรา ผมพาเธอไปดูที่ตรงนั้น ดูเธอก็คงจะชอบเหมือนกัน เราก็เลยตัดสินใจว่าที่ตรงนี้แหละน่าจะเหมาะกับการสร้างบ้านของเรา ผมสอบถามจากตำรวจรุ่นเก่าเจ้าของพื้นที่ว่าที่ดินผืนนั้นเป็นของใคร ได้คำตอบว่าเป็นของนาย"เผด็จ" ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานสภาเทศบาลในอำเภอที่ผมอยู่ เป็นข้ารการครูเกษียณที่ลงเล่นการเมืองท้องถิ่น ซึ่งผมก็ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน

 

  วันเสาร์วันหนึ่ง ผมกับกลอยไม่ได้เข้าเวร ก็เลยนั่งคุยกันเรื่องบ้าน ผมก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามเบอร์ที่เจ้าของปิดประกาศขายที่ เสียงผู้ชายรับสายแนะนำตัวเองว่าชื่อเผด็จ ผมจึงได้บอกจุดประสงค์ให้แกทราบ แกถามว่าอยู่ไหนถ้าสะดวกก็มาพบที่สวนได้เลย แกกำลังอยู่ที่นั่นพอดี ผมตอบตกลงว่าจะไปพบแกแล้วก็วางหู

 

  เวลาใกล้จะเที่ยง ผมจึงชวนกลอยออกไปด้วยกัน เผื่อเสร็จธุระจะได้แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านใกล้ๆ ตรงนั้นด้วย

 

  เมื่อมาถึงสวน ผมเห็นรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน ผมขับเก๋งผมไปจอดต่อท้าย ชายสูงวัยคนหนึ่งก็เดินออกมาจากในสวน

 

  ผมกับกลอยยกมือไหว้พร้อมแนะนำตัวเองและจุดประสงค์ แกยิ้มกว้างบ่งบอกด้วยท่าทางว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่ง

 

  "ป๋าเด็จ"ตามที่ผมเรียก เป็นชายวัย 63 ปี หน้าตาดูกรุ้มกริ่ม ตัวใหญ่ สูงพอๆกับผม พุงพลุ้ยตามสภาพอายุ แต่ทว่าก็ดูแข็งแรง แกเล่าให้ผมฟังว่า แกจะแบ่งที่ออกเป็น 5 แปลง โดยแปลงแรกจะติดถนนใหญ่ โดยมีราคาแพงสุด จากนั้นราคาจะลดหลั่นกันลงไป ส่วนแปลงด้านในสุดจะมีพื้นที่มากกว่าแปลงอื่นๆ แต่ราคาก็จะใกล้เคียงกัน แกถามผมว่าสนใจแปลงไหนล่ะ

 

  ป๋าเด็จถามผม แต่สายตาแกกลับจ้องมองกลอยซึ่งอยู่ในชุดเสื้อขาวรัดรูปกางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยซึ่งเดินเข้าไปหลบแดดอยู่ใต้ร่มมะม่วง แสงแดดยามเที่ยงขับผิวขาวของกลอยจนออร่าออกแสงกระทบสายตาป๋าเด็จเข้าอย่างจังเบอร์

 

  ผมบอกกับแกว่าใจจริงก็ต้องการที่ติดถนนนั่นแหละ แต่ราคาดูจะแพงไป ยังไงก็อยากจะเอาไปคิดดูก่อน แกก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วแกก็สอบถามเรื่องราวของผมแล้วก็หันไปถามกลอยว่าทำงานอยู่ที่ไหน พอกลอยบอกที่ทำงานไปแกก็ร้องว่าก็ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ทำไมไม่เคยเจอหน้ากันสักที

 

  เราสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งผมก็ขอตัวกลับ โดยที่มีสายตาของป๋าเด็จมองตามร่างของกลอยที่เดินขึ้นรถจนแทบไม่กระพริบ กลอยพูดขึ้นว่าเธอแทบจะละลายเพราะป๋าเด็จแกมองแบบไม่วางตาเลย ผมหัวเราะหึๆ บอกกับเธอไปว่านี่ขนาดใส่ขาสั้นนะเนี่ย ถ้าถอดหมดตาแกคงถลนมานอกเบ้าเป็นแน่

 

  ผมนำที่ดินแปลงต่างๆ มาเทียบเคียงราคาแล้วก็ตกลงกับกลอยว่าจะเอาแปลงในสุด แม้จะห่างจากถนนใหญ่แต่ระยะทางก็แค่ 100 เมตรเท่านั้น และราคาก็ใกล้เคียงกันแต่ว่ามีเนื้อที่มากกว่าแปลงอื่นๆ อีกทั้งราคาก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอจะรับได้

 

  ผมมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานซะจนหลงลืมเรื่องที่ดินไปเลย แล้ววันหนึ่ง เวลาประมาณทุ่มครึ่ง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากป๋าเด็จว่าผมว่างหรือไม่ ให้มากินข้าวและพูดคุยกันเรื่องซื้อขายที่ดินหน่อย ผมตอบรับและขอเวลาแกประมาณสองทุ่มกว่าๆ เดี๋ยวจะไปพบ ซึ่งผมต้องรอกลอยลงเวรมาก่อน โดยที่ผมอยากให้กลอยไปด้วยเพื่อการพูดคุยต่อรองราคาที่ดิน เนื่องเพราะเธอเป็นคนพูดเก่งและโน้มน้าวจิตใจคนอื่นได้ดีกว่าผม ราคาที่ดินอาจจะถูกลงได้บ้าง

 

  สองทุ่มกว่าๆ กลอยก็มาถึงห้องพัก ผมบอกเล่าเรื่องให้เธอทราบ เธออาบน้ำแต่งตัวใส่กางเกงยืนส์เสื้อยืดสีดำคอลึกแขนรั้งรัดรูป ดูไม่น่าเกลียดอะไรแต่ก็แอบเซ็กซี่หน่อยๆ

 

  จุดที่นัดพบเป็นร้านอาหารแห่งเดียวของอำเภอ มีเวทีสำหรับร้องเพลงสดด้วยสำหรับเอาไว้ให้แขกที่อยากจะร้องเพลง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเปิดเพลงซะมากกว่า

 

  ผมพบป๋าเด็จนั่งอยู่กับชายอีกคน ผิวดำแดงร่างผอมสูงอายุราวๆ 50 ปี แกแนะนำตัวว่าชื่อพี่"ชาติ" เป็นสมาชิกสภาเทศบาลคนหนึ่งเหมือนกับป๋าเด็จ พอผมพากลอยเดินเข้าไปแกก็ลุกให้ผมนั่งแทนที่โดยแกขยับไปนั่งทางซ้ายมือป๋าเด็จ ส่วนกลอยนั่งทางขวามือ

 

  แน่นอนครับ สายตาของชายทั้งสอง ทั้งป๋าเด็จกับพี่ชาติ จ้องมองกลอยแทบไม่กระพริบ

 

  พี่ชาติร้องสั่งเด็กเสิร์ฟขอแก้วเพิ่ม แล้วพวกเราก็เริ่มดื่มกันโดยที่ยังไม่ได้คุยธุระกันเลย แต่กลอยก็เริ่มจะคุ้นเคยกับสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือความสามารถของเธอที่เข้ากับคนได้ง่าย

 

  ยกแก้วหมดไปหลายแก้วแล้วป๋าเด็จจึงเอ่ยชวนคุยเรื่องที่ดิน ผมขอต่อรองราคาที่แกเสนอไว้ลงนิดหน่อย แต่แกก็ยังยืนกรานราคาเดิม

 

  "แหม...ป๋าก็ ลดให้หน่อยน๊า เน๊อะป๋าเน้อ..."

 

  กลอยทำเสียงอ้อนพร้อมกับนำสองมือไปเขย่าแขนป๋าเด็จ แกเอื้อมมือมากุมมือกลอยพร้อมหันมายิ้มให้กับเธอด้วยตาที่เป็นประกาย

 

  "เอ้า...ก็ได้ แค่นี้เอง จะเป็นไรไป"

 

  กลอยแสดงท่าทางดีใจที่การแสดงออกของเธอทำให้ราคาที่ดินลดลง แล้วเธอก็ชงเหล้าให้ป๋าเด็จเป็นการตอบแทน

 

  การสนทนาเริ่มออกรสชาติขึ้นตามปริมาณของแอลกอฮอล์ ผมกับกลอยยังไม่ได้กินข้าว แม้จะมีกับแกล้มอยู่เต็มโต๊ะ แต่ก็เล่นเอาตาลายเหมือนกัน กลอยยิ่งแล้วใหญ่เพราะเธอไม่ได้แตะกับแกล้มเลย ทำให้เธอเริ่มตาเยิ้มหวานและยิ้มยั่ว

 

  "มือกลอยนุ่มมากเลย ไหนให้ป๋าจับดูอีกทีซิ"

 

  ลายเจ้าชู้ของป๋าเด็จเริ่มออก แกขอจับมือกลอยแบบซึ่งๆ หน้าซึ่งกลอยก็ยื่นมือเธอไปให้แกจับตามคำขอ ป๋าเด็จทั้งลูบทั้งจับไปตลอดทั้งมือทั้งแขนพร้อมเอ่ยปากชมใหญ่เลยว่าผิวนุ่มอย่างนั้นเนียนอย่างนี้เหมือนเด็กๆ เลย

 

  "แหม...ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูแก่แล้วจะไปเทียบกับเด็กๆ ได้ไง"

 

  จริตจะก้านของกลอยเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว เมื่อยิ้มส่งตาเยิ้มๆ ไปให้กับป๋าเด็จ ก็ทำเอาแกเคลิ้มไปเหมือนกัน

 

  "ป๋าพูดจริง...จนป๋าอยากนอนลูบแขนกลอยทั้งคืนเลย"

 

  "ลูบแขนหนูอย่างเดียวหรือคะป๋า"

 

  แล้วกลอยก็ส่งตาหวานเยิ้มให้ป๋าเด็จอีกครั้ง แกหัวเราะหึหึชอบใจ บอกกับกลอยว่าเธอนี่มันร้ายมาก

 

  กลอยขอตัวเขาห้องน้ำ ป๋าเด็จโน้มตัวมาพูดกับผมเบาๆ

 

  "ป๋าชอบกลอยว่ะ"

 

  ได้ยินคนอื่นบอกชอบเมียตัวเองซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ทำเอาผมอึ้งไปสักพัก

 

  "ทำไง...ป๋าถึงจะมีวาสนาน๊า"

 

  ป๋าเด็จพูดยิ้มเปิดทาง ผมก็ยิ้มตอบเข้าในใจความหมายของแกดี

 

  "ก็อยู่ที่ป๋าล่ะครับ"

 

  ผมก็เปิดทางให้ป๋าเด็จเช่นเดียวกัน ดูสีหน้าแกท่าทางดีใจที่ผมเข้าใจจุดประสงค์ของแกและผมไม่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

 

  "ถ้าจะมีเรื่องลดราคาที่ดินลงอีก มันก็อาจจะไม่แน่นะครับป๋า"

 

  ผมชี้ช่องให้ป๋าเด็จอีกครั้ง แกพยักหน้าหงึกรับทราบ

 

  "กระซิบกระซาบอะไรกันคะ หนุ่มๆ"

 

  กลอยเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ ผมกับป๋าเด็จต้องแยกตัวกันออกห่างอย่างไว

 

  "ก็...คุยเรื่องที่ของกลอยอยู่น่ะ

 

  ป๋าเด็จเอ่ยตอบแบบเป็นนัยๆ ซึ่งกลอยเธอไม่รู้ว่าที่ของเธอคืออะไร พาลซื่อบอกป๋าเด็จว่ายังไม่ซื้อขายกันเลยที่จะเป็นของเธอได้ยังไง ทำเอาผมกับป๋าเด็จหัวเราะชอบใจ

 

  หลังจากวันนั้แล้ว ผมกับป๋าเด็จก็แทบจะโทรคุยกันทุกวัน ก็จะเป็นแกนั่นแหละที่โทรมาหาผม เดาก็น่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร แกก็เฝ้าถามว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสบ้าง ตัวผมก็บ่ายเบี่ยงไปบ้าง บอกยังไม่ได้คุยกับกลอยเลย ซึ่งความจริงแล้วผมก็ยังไม่ได้เปิดปากคุยกับเธอในเรื่องนี้เลยจริงๆ

 

  หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับกลอยพากันนอนกอดกันดูโทรทัศน์บนโชฟายาว กลอยได้เอ่ยบอกผมว่า วันนี้ป๋าเด็จโทรหาเธอตอนเลิกงานบอกว่าจะลดราคาที่ดินให้นิดหน่อยหากเธอยอมไปเที่ยวกับแกสักหนึ่งคืน

 

  "เที่ยวหรือ?"

 

  ผมตั้งคำถามกับเธอพลางไซ้ซอกคอหอมๆ ของเธอไปด้วย

 

  "แหม...คุณพี่ กลอยก็ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสานี่นะที่จะไม่รู้ว่าป๋าแกหมายถึงอะไร"

 

  กลอยเบี่ยงหน้าหันมายิ้มให้กับผม กลอยเล่าว่าเธอก็ตกใจพอสมควรที่ป๋าเด็จแกเอ่ยตรงๆ แบบนั้น แต่แกก็มีข้อเสนอด้วยการลดราคาที่ดินลงให้ด้วย เธอถามผมว่าพอใจไหมกับราคาที่แกเสนอมา

 

  ผมก็ถามกลอยกลับไปว่าแล้วจะยอมไหมล่ะ เธอทำท่าคิดแล้วพูดว่า ถ้าได้ลดในราคาขนาดนี้ มันก็น่าสนนะ เธอหันมายิ้มกับผมแบบยั่วๆ ผมเลยเล่าให้เธอฟังว่าวันนั้นป๋าเด็จแกเสนอมาแล้วแหละแต่ผมยังไม่เล่าให้เธอฟังเท่านั้น ผมยังบอกเธอเล่นตัวให้ต่อรองราคาอีกหน่อยเผื่อจะได้ส่วนลดเพิ่มอีกขึ้นอีก กลอยได้แต่หัวเราะเบาๆ

 

  วันถัดๆมา ป๋าเด็ดก็โทรศัพท์รบเร้าทั้งผมทั้งกลอยอยู่หลายครั้ง ผมกับกลอยก็ต่อรองราคาจนคิดว่าน่าจะคุ้มค่ากับการที่กลอยจะต้องเปลืองตัวไปกับงานนี้

 

....................................................................

 

  "ว่าไงน้อ...ดาบ เรื่องที่เราคุยกันไว้"

 

  วันหนึ่งผมรับสายของป๋าเด็จ คำแรกของแกก็ยิงเข้าประเด็นทันที

 

  "ตกลงครับป๋า"

 

  ผมตอบตกลงไป ฟังเสียงแกพูดมาแล้วท่าทางเหมือนแกจะตื่นเต้นน่าดูทีเดียว

 

  แต่ผมมีข้อแม้ให้กับป๋าเด็จด้วยว่า ขอเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างแกกับเราสามคน และแน่นอน เรื่องแบบนี้ผมต้องอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ผมจึงขอไปกับกลอยด้วย

 

  เรื่องเก็บให้เป็นความลับ ป๋าเด็จให้สัญญาอย่างเร็ว แต่เรื่องผมขอไปด้วยนี่แกแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ในที แต่ด้วยความดีใจของแกก็ยอมตกลงตามคำขอของผม แกรีบถามผมว่าพร้อมวันไหน ผมบอกต้องให้กลอยว่างคงจะเป็นเสาร์หรืออาทิตย์ที่เธอได้เป็นวันพัก

 

...............................................................

 

  "แกจะไม่ว่ากลอยขายหอยหรือพี่"

 

  กลอยเอ่ยกับผมในวันหนึ่ง

 

  "ไม่หรอก ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันมากกว่า แต่ถ้ากลอยไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะ ยกเลิกก็ได้"

 

  ผมเห็นแววกังวลอยู่ในตากลอยหน่อยๆ แต่เธอก็ไม่ว่าอะไรคงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้วแหละ ผมจึงต้องปลอบใจเธอด้วยการจัดไปเสียหนึ่งดอกเพื่อให้เธอคลายกังวล และบอกเธอให้สบายใจด้วยว่า เราชอบเราสนุกกับมันก็แค่นั้นอย่าไปคิดอะไรมาก และได้ค่าติดปลายนวมนิดๆ หน่อยๆ ถือว่าเป็นกำไรก็แล้วกัน กลอยยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเบาบอกว่าขอบคุณค่ะที่รักที่ยังรักเมียคนนี้ ผมจึงได้จัดให้เธออีกดอก เรียกว่านอนอ่อนแรงไปตามๆ กัน

 

  วันเสาร์ถัดมา ผมโทรนัดกับป๋าเด็จว่าขอเป็นคืนนี้ ดูน้ำเสียงแกตื่นเต้นใหญ่ แกนัดพบกันที่ร้านอาหารร้านเดิมเวลาสามทุ่ม บอกว่าอุ่นเครื่องกันก่อนไปว่างั้น

 

  สามทุ่มตรงผมกับกลอยก็ไปพบกับป๋าเด็จตามที่ตกลงกันไว้ กลอยมาชุดเสื้อกระโปรงยาวคลุมเข่าสีดำ เปิดไหล่เกาะอก ป๋าเด็จยิ้มร่าเมื่อเห็นกลอย พร้อมกับคำพูดเยินยอต่างๆ นาๆ

 

  ตลอดเวลาที่เรานั่งสนทนากันพร้อมยกแก้วเหล้าไปด้วย ผมเห็นป๋าเด็จเขยิบเข้าใกล้กลอยและเห็นมือแกซุกอยู่ใต้โต๊ะแทบจะตลอดเวลา ผมคาดว่าแกคงจะกำลังลูบคลำขาของกลอยอยู่แน่นอน แสงไฟสลัวๆ ในร้านอาหารมันบดบังสายตาจากผู้คน และโต๊ะที่พวกเรานั่งกันก็อยู่ในมุมที่ค่อนข้างอับ จึงเหมาะยิ่งนักสำหรับการกระทำของป๋าเด็จ ผมทำเป็นเข้าห้องน้ำแต่ก็แอบแลดูก็เห็นมือของแกลูบคลำต้นขาของกลอยใต้ชายกระโปรงของเธออยู่จริงๆ ซึ่งกลอยก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร คงเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่กันทั้งสองฝ่าย

 

  เราอุ่นเครื่องด้วยเหล้าหมดไปเกือบสองแบน เรียกว่ากำลังกรึ่มๆ ได้ที่ ป๋าเด็จจึงได้ชวนกัน"ไปต่อ" ผมถามแกว่าจะไปต่อที่ไหนกัน แกบอกให้ไปรีสอร์ท แต่แกจะนั่งไปกับรถผมและให้ผมติดต่อห้องพักให้เพราะแกมีคนรู้จักเยอะ กลัวว่าจะมีคนรู้ว่าแกเข้ารีสอร์ทกับสาว เดี๋ยวเป็นเรื่อง ป๋าเด็จว่าพร้อมกับหัวเราะร่วน

 

  ป๋าเด็จสั่งเช็คบิลแล้วพวกเราก็พากันขึ้นรถ ผมขับเข้ารีสอร์ทโดยที่ป๋าเด็จนั่งหลบมุมอยู่เบาะหลัง เมื่อเปิดห้องเสร็จ แกกับกลอยก็เข้าเดินห้องไปก่อน ส่วนผมสาละวนอยู่กับการหยิบเหล้าแบนที่เหลือจากร้านอาหารเพื่อจะนำเข้าไปดื่มต่อในห้องพร้อมกับล็อครถ

 

  ผมอ้อยอิ่งอยู่ข้างนอกห้องนานพอสมควรเพื่อประวิงเวลาให้ป๋าเด็ดกับกลอยได้มีอารมณ์ร่วมซึ่งกันและกัน จากนั้นแล้ว ผมก็ก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปในห้อง

 

  อะจ๊ะ...เก็บความเสียวไว้เล่าต่อตอนหน้าดีกว่า จะได้เสียวกันแบบเต็มๆไปเลย

 

  คิดเห็นประการใด ติชมกันได้ ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจในการเล่าตอนต่อๆไปด้วยครับ

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว