#หิ้วสตั๊ดล่าฝัน
เพราะคำว่า เด็กสร้างรุ่นแรก สู่กำลังหลักของ ทัพกิเลนผยอง พีม พัชรพล อินทนี นักฟุตบอลอาชีพ ครับ
.
พีม เด็กหนุ่มจาก จังหวัดนครปฐม ผู้หลงไหล ในกีฬาฟุตบอลในตำแหน่ง กองหลังตั้งแต่ยังเด็กครับ ที่มีความใฝ่ฝันว่า สักวันหนึ่ง จะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และ ติดทีมชาติไทยให้ได้เมื่อเติบโตขึ้น นั้นจึงเป็นจุดประกายความฝัน อันยิ่งใหญ่ให้ตัวของ เจ้าพีม
.
ได้ไต่เต้าฟูมฟักฝีเท้าด้านฟุตบอล อยู่ภายในจัง หวัดนครปฐมครับ จนศาสตร์ลูกหนังในตัวของเจ้าพีมได้ถูกปลุกขึ้นมาทันทีจากความพยายามและ ความีวินัยในการฝึกซ้อมของเจ้าพีมทีทสูงมากครับ กระทั่งเวทีในการแสดงความสามารถ ใน โอกาสครั้งยิ่งใหญ่
.
ในชีวิต ที่จะปูทางสู่นักฟุตบอลอาชีพ จะมาถึง เมื่อ สโมสรระดับตำนานในไทยลีกเปิดคัดเยาวชนอย่าง กิเลนผยอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดคัดตัวกิเลนสายเลือดใหม่เข้าสู่ทีม ในรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี นั้นจึงเป็นจุดที่ เจ้าพีม เก็บสัมภาระที่จำเป็นพร้อมหิ้วสตั๊ดคู่ใจ กับ ความฝัน อันยิ่งใหญ่ในการจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ พร้อมจุดหมายเดียว
.
คือ สนาม เอสซีจี สเตเดียม ครับ โดย ในตอนนั้น เจ้าพีม อายุได้เพียง 12 ปี เท่านั้นที่จะต้องไปลงคัดตัวกับบรรดารุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าถึง 1ปี เต็ม แต่นั้นก็ไม่อาจจะมาปิดกั้นความใจสู้มุ่งมั่นในตัวของเจ้าพีมลงได้แม้แต่นิด ที่ เจ้าพีม ลงทำการคัดตัวอย่างสุดหัวใจ ในตำแหน่งกองหลัง ที่เรียกง่ายๆ ว่า สายเลือดพันธุ์ดุอย่างแท้จริง
.
ที่ฟุตบอลผ่านเขาได้แต่ ศัตรูในสนามห้ามผ่าน จนกลายเป็นจุดเด่นในตัวของเจ้าพีมขึ้นมาในทันที จนผลสุดท้ายฟอร์มการเล่นของเจ้าพีม ก็ได้ถูกรับคัดเลือกให้เป็นเยาวชนของ สโมสร เอสซีจี เมืองทองยูไนเต็ด และ มาศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียน โพธินิมิตรวิทยาคม ตั้งแต่อายุ 12 ปี นั้นจึงเป็นจุดที่ยิ่งใหญ่ ที่สุด ที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเจ้าพีม ไปตลอดกาล โดยวันแรกที่เจ้าพีม ตบเท้าเข้ามาเก็บตัว
.
ในศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร เมืองทอง ที่ได้อยู่ร่วมรุ่นเดียวกับ เจ้า ซัลดี้ วงษ์เดอรี เจ้าอาร์ต วัฒนากร สวัสดิ์ละคร 2 นักฟุตบอลดาวรุ่งที่ได้เข้ามาอยู่ในศุนย์ฝึกของเมืองทองก่อนเจ้าพีม นั้นจึงเป็นจุดที่ฟูมฟัก ศาสตร์ลูกหนัง ของ ตัวกองหลังอย่างเจ้า พีม พัชรพล อินทนี อย่างเต็มตัว ที่ได้ฝึกซ้อมเป็นมืออาชีพ การศึกษาเล่าเรียนในโครงการช้างเผือก การใช้ชีวิต แบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อย่างมาก อีกทั้งยัง มีเบี้ยเลี้ยงเงินเดือน
.
ในแต่ละเดือนที่เจ้าพีมจะได้รับจากสโมสรในแต่ละเดือน รวมไปถึง การปรับตัวให้อยู่ร่วมกับคนเก่งภายในทีม และ อีกทั้งยังได้ซึมซับ เหล่าสตาร์ไทยลีก ในแต่ละปีอย่างมากมาย นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ เจ้าพีม จะไม่มีวันลืม ครับ กระทั่ง ความมีวินัย และ ความุ่งมั่นในตัวของ เจ้าพีม จะเฉิดฉายขึ้นมาทันที ที่เจ้าพีม ก้าวขึ้นมาเป็นหลักดูแลแนวรับ ของ ทัพกิเลนผยอง และ โรงเรียโพธินิมิตรวิทยาคม ได้เป็นอย่างดี
.
ในทุกรายการ ที่เจ้าพีม เริ่มขีดเขียนประวัติศาสตร์ด้านลูกหนัง ในแต่ละรายการที่ทางสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม ที่เจ้าพีม มีส่วนสำคัญ สร้างความสำเร็จอย่างมากมาย ทั้งในรายการ กรมพลศึกษา ประเภท ก. รายารฟุตบอล Thailand youth league ในชุดของเจ้าพีม ตอนนั้นถือว่า น่าเกรงข้ามมากที่ลงทำศึกทุกครั้งกำชัยชนะมาโดยตลอด จนเจ้าพีมสร้างชื่อเสียง ในฟุตบอลเยาวชน
.
ได้อย่างเหลือล้น สู่หนทางการโบยบินต่างประเทศในทันที เมื่อ ประตูสู่ประเทศเยอรมัน ได้เกิดขึ้นเมื่อ สโมสร บาเยิร์น มิวนิค ได้เข้ามาเฟ้นหาเพชรเม็ดงามในประเทศไทย ไปซึมซับศาสตร์ลูกหนังของ แชมป์ฟุตบอลโลกในประเทศเยอรมันนี นั้นจึงนับเป็นโอกาส ครั้งสำคัญ ที่เยาวชนเด็กไทยนับหมื่นรวมไปถึงมีเจ้าพีม รวมตัวไปกันไปคัดตัวทันที จนผลสุดท้ายเยาวชนนับหมื่นที่แห่แหนมาคัดจากทั่วประเทศ คงเหลือเพชรเม็ดงามจริงๆ
.
แค่ 5 คนเท่านั้น ที่จะได้สิทธิ์ไปซึมซับศาสตร์ลูกหนังที่ประเทศเยอรมัน หนึ่งในนั้นก็มีชื่อของ เจ้าพีม พัชรพล อินทนี นักฟุตบอลเยาวชนของสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดรวมอยู่ด้วย ที่เจ้าพีมจะได้โบยบินสู่ต่างประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยหลังจาก ที่เสร็จสิ้นภาระที่ต่างประเทศเรียบร้อย เจ้าพีม จึงเดินทางกลับมาฝึกปรือฝีเท้าต่อสู้ในระดับ เยาวชนของสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดต่อไป กระทั่ง
.
บทสรุปปิดฉากสุดท้ายในฟุตบอลนักเรียนจะเริ่มขึ้น ใน ม.6 ปี สุดท้ายที่เจ้าพีม พยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ตัวเอง และ โรงเรียนเป็นรายการสุดท้ายสุดยิ่งใหญ่ในเวทีขาสั้น นั้นก็คือ รายการฟุตบอล7คนแชมปกีฬา7 สี ที่ทางโรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม ฝ่าฟันด่านอรหันจากรอบคัดเลือกที่ต้องสู้ศึก
.
โรงเรียนน้อยใหญ่ นับ สิบโรงเรียนก่อน โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม จะคว้าสิทธิ์เข้ารอบ 10 ทีมเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ ที่จะต้องโควจรมาสู้ศึกกับโรงเรียนขาประจำในรายการนี้ ที่เป็นงานยากที่ทาง โรงเรียนโพธินิมิตร ต้องกลับไปทำการบ้านอย่างหนักกว่าเดิม เพราะจากที่เคยเล่นฟุตบอล 11 คนมาโดยตลอด
.
จะต้องเปลี่ยนมาเป็นเล่น 7 คน สู้ศึกในรายการนี้ อีกทั้งยังแบกชื่อสโมสรในระดับไทยลีกไว้ที่หน้าอกอีกด้วย นั้นจึงเป็นงานยาก ที่ทางโรงเรียน โพธินิมิตรวิทยาคม จะต่อกร โรงเรียนที่เป็นขาประจำในรายการนี้ไปได้ แต่นั้น ก็ไม่เป็นปัญหาเมื่อ เจ้าพีม และ ผองเพื่อนที่ขนประสบการณ์ผ่านการทำหนักกันมาเป็นประจำ สู้สุดหัวใจ จนฝ่าฟันมาสู่รอบชิงชนะเลิศ และ คว้าแชมป์ในรายการฟุตบอล7คนแชมป์กีฬา7สีได้สำเร็จ
.
นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์แรกของทางโรงเรียนและในชุดของเจ้าพีม พัชรพล อินทนี ที่มีส่วนสำคัญ พาโรงเรียนเป็นแชมป์ในรายการนี้ จนปิดฉากฟุตบอลนักเรียนไปอย่างสวยงาม แต่ฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของ เจ้าพีม นั้นยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ที่ เจ้าพีมยังมีส่วนสำคัญ พา สโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ Thailand youth league u19 ปี และ คว้ารองชนะเลิศอันดับ2ในรายการฟุตบอล โค๊กคัพ U19 ได้สำเร็จ
.
นั้นจึงเป็นความสำเร็จอันล่ำค่าที่ เจ้าพีม พัชรพล อินทนี จะไม่มีวันลืม จนโอกาสสู่นักฟุตบอลอาชีพ ได้เปิดขึ้นทันที ที่เจ้าพีม ก้าวข้ามจากเยาวชนสู่นักฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว ที่ทางสโมสร เอสซีจีมเมืองทอง ยูไนเต็ด ส่งเจ้าพีม พร้อมผองเพื่อน ไปฟูมฟักฝีเท้าในไทยลีก 2 อย่าง ยักษ์แสด สโมสร อุดรธานี เอฟซี แบบยืมตัว ในปี 2017
.
ที่แห่งนี้ทำให้เจ้าพีม ได้พัฒนาฟอร์มการเล่นไปอีกขั้น ที่เป็นแหล่งขัดเกลาให้เจ้าพีม ได้เล่นตำแหน่งที่ไม่เคนเล่นมาทั้งชีวิต อย่าง แบ็คขวา ที่ก่อนหน้านี้ เจ้าพีมเล่นตำแหน่ง เซ็นเตอร์ มาโดยตลอด นั้นจึงเป็นความท้าทายอย่างมากที่เจ้าพีมต้องทุ่มเทในการเรียนรู้ที่จะเล่นตำแหน่งนี้ให้ได้ จนถึงขนาดมาฝึกซ้อมในการเล่นตำแหน่งแบ็คขวาก่อนเวลาที่ทางสโมสรนัดทุกครั้ง และออกจากสนามเป็นคนสุดท้ายในทุกครั้ง เพื่อขักเกราฝีเท้า
.
และให้เข้าใจในการเล่นตำแหน่งนี้อย่างแท้จริง นั้นจึงทำให้ในเวลาไม่นานฟอร์มการเล่นของเจ้าพีม พัฒนาอย่างก้าวกระโดด จนมายึด ตำแหน่งกาบขวา ของยักษ์แสด ได้สำเร็จ นั้นจึงทำให้เป็นผลงานสำคัญที่ทำให้ ชื่อของ เจ้าพีม พัชรพล อินทนี ไปประดับทีมชาติไทย ในรุ่นอายุ 21 ปี ในปี 2018 ได้สำเร็จ และ หลังจากนั้นไม่นานด้วยผลงาน
.
ขนาดนี้ นั้นจึงทำให้ต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง สโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดันเข้าสู่ชุดใหญ่ของสโมสรในช่วงก่อเปิดฤดูกาล 2018 ในทันที ที่เจ้าพีม ต้องพัฒนาเองขึ้นไปอีกขั้นกับตำแหน่งใหม่ ในสีเสื้อรั้วกิเลนผยอง นั้นก็คือ ตำแหน่ง กองกลาง ครับ ที่เจ้าพีท เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่นาน และยังเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
.
“ตั้งแต่เด็กๆ ผมฝันที่จะขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่มาตลอดครับ แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะก็มีอีกหลายคน ที่อยากได้โอกาสแบบนี้ ตอนนั้นที่สตาฟฟ์โค้ชแจ้งว่าให้ผมขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ส่วนตัวยอมรับว่า นอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เพราะตื่นเต้นมาก แต่ก็บอกกับตัวเองว่า ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดครับ”
ระหว่างนั้น ไม่นาน เจ้าพีม ตั้งใจฝึกซ้อม และ แสดงให้สตาฟฟ์โค้ชเห็นถึงความมุ่งมั่นมาโดยตลอด กระทั่งเข้าสู่นัดที่ 9 ของฤดูกาล หนึ่งในวันที่ ‘พีม’ จดจำไม่ลืมก็มาถึง เมื่อได้รับโอกาสลงสนามนัดแรก ในฐานะตัวสำรอง ช่วง 15 นาทีสุดท้าย แทนที่ นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ ในเกมที่เปิดบ้านชนะ ราชนาวี เอฟซี 4-0 และ นัดถัดมา เจ้าตัว ก็ได้รับโอกาสต่อเนื่องทันที แต่ครานี้ คือการลงสนาม ในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทีมชุดใหญ่ครั้งแรก และ อยู่ในสนามครบ 90 นาที ในเกมที่เปิดบ้านเสมอ สุพรรณบุรี เอฟซี 2-2 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2018
.
ก่อนในปีถัดมา โอกาส ในระดับทีมชาติไทยจะเปิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ เจ้าพีม มีรายชื่อติดทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในปี 2019 ในยุคของ อเล็กซานเดร กาม่า ได้สำเร็จ ไปสู้ศึก ในรายการฟุตบอลซีเกมส์และ ชิงแชมป์เอเชีย 2020รอบสุดท้ายที่เจ้าพีม มีส่วนสำคัญ ในการมาเป็นตัวหลักในระดับชาติทันที ทำให้ กราฟชีวิตของ เจ้าพีม กำลังไปได้สวยในสีเสื้อนักฟุตบอลรั้วกิเลนและทีมชาติไทย กระทั่งสิ่งที่นักฟุตบอลกลัวที่สุด
.
นั้นก็คือ อาการบาดเจ็บ ที่มีผลต่อชีวิตนักฟุตบอลทุกคน รวมไปถึง เจ้าพีมเช่นกัน ที่หลังจากขึ้นมาสู้ศึกในไทยลีก ได้ไม่นานก็มีอาการบาดเจ็บคอบกวนใจมาตลอด จึงทำให้ร่างไม่เต็ม100%มากนัก ทำให้ในฤดูกาล 2020 ที่ผ่านไม่นานเจ้าพีมก็ห่างหายจากหน้าจอทีวี ที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยเพราะมีอาการบาดเจ็บ จึงทำให้เจ้าพีม ต้องสู้สุดหัวใจในการรักษาอาการบาดเจ็บให้หายโดยเร็ว ครับ จนความพยายามและความมุ่งมั่นในตัวของ เจ้าพีม จะส่งผลให้เจ้าตัวห่างหายจากอาการบาดเจ็บและกลับมาช่วยต้นสังกัด เอสซีจี เมืองทอง ที่เปิดบ้านเสมอกับ ชลบุรี เอฟซี 2-2 ในศึก Big 5
.
ที่มีทีมอย่าง การท่าเรือ เอฟซี , ทรู แบงค็อก และ บีจี ปทุม ร่วมแข่งขันด้วย ก่อนเจ้าพีม จะให้สัมผาสว่า “ผมดีใจมากที่ได้กลับมาเล่นครบ 90 นาที อีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้มีอาการบาดเจ็บรบกวนมาตลอด หวังว่าจากนี้ไปจะทำผลงานให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องของการแข่งขัน ทุกคนในทีมต่างก็กระหายที่จะได้ลงสนาม เราอยากจะแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขันฤดูกาล 2020-21
.
ผลสุดท้ายแล้ว อนาคต ข้างหน้าเราไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรารู้ได้เลยว่า เจ้าพีม พัชรพล อินทนี ได้ทำตามความฝัน ของเขาสำเร็จแล้ว ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และ ติดทีมชาติไทย ผ่านความมุ่งมั่นและไม่เคยยอมแพ้ทำให้ เจ้าพีท เป็นเจ้าพีท พัชรพล อินทนีทดั่งในปัจจุบัน
.
.
พัชรพล อินทนี นักฟุตบอลอาชีพ
.
.
เขียนโดย สตั๊ดฟุตบอล (ผู้เขียน)