สายหมอกในหน้าหนาว
0
ตอน
1.56K
เข้าชม
65
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
6
เพิ่มลงคลัง

สายหมอกในหน้าหนาว

เด็กหญิงร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเพื่อให้ถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยสรีระที่เล็กกว่าคนอื่นจึงอาจทำให้ดูเกะกะไปบ้าง ระหว่างทางยังมีคนป่วยและพยาบาลเดินกันขวักไขว่ เด็กหญิงวิ่งจนกระทั่งถึงหน้าห้องปลายทาง มืออวบอูมเปิดเข้าไปอย่างไม่รีรอ

“น้องหนาว...มาแล้วเหรอ” เสียงพูดตะกุกตะกักจากเด็กชายวัยสิบขวบที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้เอ่ยทักเมื่อเห็นเด็กหญิงผู้อ่อนเยาว์กว่าสองปีเดินเข้ามาหา มือนั้นเกาะที่ขอบเตียงก่อนจะโผเข้ากอดเด็กชายอย่างผูกพันกันลึกซึ้งเกินกว่าที่เด็กประถมจะอธิบายเป็นคำพูดได้ ผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร เนื่องจากเห็นว่าทั้งคู่ยังคงเป็นเด็ก ไม่ประสีประสาเรื่องความเหมาะสมมากนัก

“พี่หมอก...เป็นยังไงบ้างคะ” เด็กหญิงเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใยคนบนเตียง เธอจำได้ว่ามาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ครั้งแรกตอนเป็นไข้หนักเมื่อสองปีก่อน เธอก็เจอหมอกอยู่ที่นี่มาก่อนแล้ว ทุกคืนหมอกจะอ่านนิทานให้เธอฟังจนหลับเสมอ ช่วงเช้าหมอกก็จะไปเด็ดดอกไม้ด้านล่างโรงพยาบาลมาให้เธอจนโดนหมอดุทุกวัน และเขาก็ชอบออกไปวิ่งเล่น เสมือนว่าที่แห่งนี้เป็นบ้านของเขา หนาวเคยคิดอยู่เสมอ...ว่าหมอกไม่เหมือนเด็กป่วยเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เธอเป็นไข้หนักกว่า วิ่งเล่นก็เหนื่อยง่าย แต่กลับได้ออกจากโรงพยาบาลก่อนเขา และจากวันนั้นมา หมอกก็ยังคงอยู่ที่นี่ ที่เตียงเดิม และหนาวก็มาเยี่ยมหมอกทุกอาทิตย์ ทุกครั้งที่มาเด็กหญิงตัวน้อยจะต้องมีของเล่นแปลกๆ มาให้ ‘พี่หมอก’ ของเธอเสมอ

ทว่าวันนี้...สีหน้าของเด็กชายดูอิดโรยกว่าที่เคยเป็น จนหนาวใจหาย แต่เขากลับส่ายหน้าช้าๆ

“พี่ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ไม่สบายนิดหน่อยเอง” ถึงแม้จะลำบากในทุกคำที่พูด แต่เขาก็อยากตอบให้เด็กหญิงสบายใจ เขานึกไปถึงวันแรกที่ต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลนี้อย่างไม่เคยเข้าใจว่าเพราะอะไร พ่อกับแม่ก็นานๆ ถึงจะมาหาที หมอกเคยคิดอยากจะหนีออกจากโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง แต่สิ่งที่ยังเหนี่ยวรั้งให้ต้องอยู่...ก็เพราะเด็กหญิงผมม้าที่ป่วยจนต้องมานอนที่เตียงข้างๆ เขาเมื่อสองปีก่อน จนเธอออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ก็ยังคงมาเยี่ยมเขาอยู่ เสมือนว่าเขาต้องรอวันอาทิตย์ของแต่ละสัปดาห์เพื่อเพิ่มกำลังใจให้ตัวเอง จากใบหน้าของเด็กน้อยคนนี้

“พี่หมอก...เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” เสียงใสๆ นั้นเอ่ยถามอีกครั้ง พร้อมด้วยก้อนสะอื้นที่มาจุกอยู่ที่ลำคอ จนเด็กชายขำเบาๆ

“ยายเด็กขี้แง จะร้องไห้ทำไมกันนะ” เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก อยากจะเอื้อมมือไปปาดน้ำตาให้เด็กหญิงคนนี้เหลือเกิน แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะอวัยวะทุกส่วนในยามนี้มันช่างหนัก...เกินกว่าจะทำตามความรู้สึก

“ก็หนาวคิดว่าพี่หมอกเจ็บ...” มืออวบอูมนั้นปาดน้ำตาออกด้วยตนเอง ริมฝีปากที่แย้มบานของเธอ ไม่สามารถกลบแววตาหม่นหมองนั้นได้

“พี่หมอกไม่เจ็บหรอกจ้ะ แต่ถ้าน้องหนาวยังร้องไห้อยู่ พี่หมอกก็จะเจ็บ” เขาใช้คำพูดไม้ตาย แบบที่เคยหยุดน้ำตาเด็กหญิงได้เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เสียงสะอึกสะอื้นหายไปอย่างรวดเร็ว เธอหยุดร้อง...เพราะกลัวว่า ‘พี่หมอก’ ของเธอจะเจ็บ

“ขอโทษนะคะ ให้คนไข้พักผ่อนได้ไหมคะ วันนี้คนไข้ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ” พยาบาลสาวเข้ามาเอ่ยอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะรู้ดีว่าเด็กหญิงคนนี้ร้องไห้เก่งเป็นที่สุด

“แต่หนาวยังพูดกับพี่หมอกไม่จบ...” เด็กหญิงผมม้าเอ่ยเถียงพยาบาลสาวอย่างเอาแต่ใจ กลับถูกผู้เป็นแม่ห้ามปรามแบบดุๆ

“ไม่เอาสิลูก พูดจาแบบนั้นดูไม่ดีนะ ให้พี่หมอกพักผ่อนก่อนดีกว่าจ้ะ พี่หมอกจะได้หายเร็วๆ มาคราวหน้าก็ลุกขึ้นวิ่งเล่นได้เลยไง” หนาวไม่ได้เถียงอะไรอีก แต่ดวงตามองไปยังเด็กชายอย่างอาลัยอาวรณ์ เขามองกลับแล้วยิ้มร่า

“กลับไปก่อนเถอะ ไว้มาคราวหน้า พี่หมอกหายไข้แน่นอน” เด็กชายเอ่ยสมทบ และหนาวก็ทำตามอย่างไร้ข้อสงสัย

“สัญญาแล้วนะว่ามาคราวหน้าต้องหายแน่ๆ” หมอกพยักหน้าตอบคำถามของเด็กหญิง เธอเดินไกลออกไปเรื่อยๆ แต่สายตายังไม่ละจาก ‘พี่หมอก’ ที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงหน้าขาวซีดของเขาก็มองไปที่เธอจนลับตาเช่นกัน

ในอีกสัปดาห์ต่อมา เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างช่ำชองเพื่อให้ไปถึงห้องคนไข้ไวๆ มืออวบอูมผลักประตูอย่างเร่งรีบ แต่กลับไม่พบเด็กชายอยู่ในนั้น ภายในห้องมีเพียงเด็กผู้หญิงกับคนแก่อยู่แค่ไม่กี่เตียง หนาววิ่งเข้าไปก้มมองใต้เตียง ชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่าง มองทุกที่ ที่เธอคิดว่าพี่หมอกของเล่นจะไปเล่นซ่อนหาอยู่

“พี่หมอกไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้วจ้ะ พี่หมอกอยู่ไอซียู” พยาบาลสาวคนเดิมเดินเข้ามาบอกตรงๆ เพราะอดสงสารในการกระทำของเด็กหญิงไม่ได้

“ไอซียูคืออะไรคะ แล้วอยู่ที่ไหน” เด็กหญิงถามต่อ อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร แต่เลี่ยงเดินนำออกไป จนถึงหน้าห้องหนึ่ง ซึ่งกระจกสูงเกินกว่าที่เด็กแปดขวบจะมองเห็น

“อุ้มหน่อยๆ” หนาวชูมือขึ้นเหนือหัว พยาบาลสาวก็ยอมทำตามแต่โดยดี

ดวงตากลมโตมองเข้าไปในห้องนั้น มีเตียงคนไข้อยู่ไม่มาก พี่หมอกของเธอนอนอยู่ที่เตียงแรก มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด

“ทำอย่างนั้น...พี่หมอกก็เจ็บแย่สิคะ” เสียงเด็กหญิงเริ่มสั่น ถ้าพี่หมอกของเธอเจ็บ เธอก็คงเจ็บไม่แพ้กัน “ไหนพี่หมอกบอกว่าถ้าหนาวมาคราวหน้า จะมาเล่นกับหนาวได้แล้วไง ทำไมพี่หมอกต้องโกหก” เสียงนั้นปนเข้ากับเสียงสะอื้น จนคนที่อุ้มอยู่ก็อดสงสารไม่ได้อีก

“พี่หมอกไม่ได้โกหกหรอกจ้ะ ถ้าน้องหนาวมาคราวหน้าอีก พี่หมอกจะกลับมาเล่นด้วยได้แน่” หญิงสาวตอบยิ้มแย้ม ค่อนข้างมั่นใจว่าหลังการผ่าตัดคืนนี้ เด็กชายจะอาการดีขึ้น

“เราจะย้ายบ้านกันค่ะ” ผู้เป็นแม่ของหนาวเดินเข้ามาสมทบ “คราวหน้าคงอีกนานมากเลย”

“ย้ายบ้านคืออะไรคะคุณแม่” เด็กหญิงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ ผู้เป็นแม่ไม่ตอบคำถาม แต่อุ้มลูกสาวออกจากอกพยาบาลแล้วพาเดินไปยังโรงรถ หนาวมองเลิ่กลั่กไปตลอดทาง ทั้งกัดทั้งหยิกเพราะอยากจะกลับเข้าไปดูอาการพี่หมอก แต่แม่เธอดูไม่สะทกสะท้านอะไร

รถคันเล็กขับเคลื่อนออกจากจังหวัดเชียงใหม่เข้าสู่ตัวเมืองกรุงเทพ ในระหว่างทางนั้น เด็กหญิงที่นั่งเบาะหลังก็ร้องไห้งอแงไม่หยุด ผู้เป็นแม่รู้ดีว่าไม่มีใครทำเสียงนี้หยุดได้นอกจากพี่หมอกของน้องหนาว แต่ถ้าเธอปล่อยให้เด็กสองคนนี้อยู่ด้วยกันไป ชีวิตของลูกสาวเธอจะไม่มีการพัฒนา หนาวจะต้องจมอยู่กับชายขี้โรคคนนี้ไปตลอด

“แม่สัญญาว่าถ้าหนาวจบ ป.6 เมื่อไหร่ แม่จะพามาหาพี่หมอก หนาวก็รีบๆ โตซะสิลูก” เธอพูดปลอบใจเด็กหญิงเพียงเท่านี้ แต่นั่นก็ทำให้หนาวชะงัก นั่งนับนิ้วตัวเองอยู่สักพัก

“อีกตั้งสามปี...แต่ไม่เป็นไร หนาวจะรอค่ะ คุณแม่สัญญาแล้วนะคะ” เด็กหญิงพูดอย่างตั้งมั่น ดวงตาเป็นประกาย อีกไม่นานเธอก็จะได้พบกับพี่หมอกอีกครั้ง

แต่เมื่อเวลาผ่านนานไป คนที่เป็นฝ่ายลืมกลับเป็นหนาวเสียเอง เธออยู่ในเมืองหลวง มีเพื่อนมากมายจนทำให้ลืมเลือนคนสำคัญบางคนในความทรงจำไป จากเด็กหญิง ป.3 กลายเป็นเด็กสาวน่ารักอยู่ ม.3 ที่มีชีวิตสดใสตามวัย อย่างที่แม่เธออยากจะให้เป็น คงเป็นเพราะอย่างนี้ ผู้ใหญ่เขาถึงกล่าวกันว่า ‘เด็กน่ะ...ลืมง่าย’ เธอผ่านช่วงวัย ป.6 มา โดยที่ไม่ได้หวนนึกถึงคำสัญญาที่แม่เธอให้ไว้เลยสักนิด

จนกระทั่งเธอเรียนจบ ม.3 พ่อของเธอถูกโยกย้ายให้ไปบริหารบริษัทสาขาย่อยที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นถิ่นที่เธอจากมา ทุกคนในครอบครัว จึงต้องย้ายกลับไปกันหมด ทำให้ผู้เป็นแม่เธอนั้น เกิดความระแวงขึ้นมาอีก เธออุตส่าห์แยกหนาวออกมาจากหมอกได้ถึง 6 ปี แต่ก็ต้องมีเหตุทำให้เธอต้องพาหนาวกลับไปอีกจนได้

หนาวได้กลับมาสูดอากาศของเชียงใหม่อีกครั้ง ที่นี่ยังมีกลิ่นธรรมชาติที่เธอชอบ ไม่จางหายไปเลย ร่างเล็กปราดเปรียวคว้าจักรยานคู่ใจปั่นออกสำรวจตัวเมืองซึ่งเธอคิดถึงมากเหลือเกิน บรรยากาศทั้งสองข้างทางกลับมาคุ้นตาอีกครั้ง ทุกสถานที่ที่ผ่านไป เธอจะนึกบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่ได้เป็นฉากๆ แต่เหมือนว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในความคิด ยังไม่มีสิ่งกระตุ้นให้เธอนึกถึง จนกระทั่งเธอปั่นผ่านหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไป และมีบางอย่างแวบขึ้นมาจนเธอต้องปั่นย้อนกลับไปตรงนั้น โดยไม่ทันสังเกตว่ามีรถคันหนึ่งกำลังพุ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น กว่าที่เด็กสาวจะหันไปมอง ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ปิ๊น....โครม!

นี่เป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยินชัด หลังจากนั้นก็เป็นเสียงผู้คนเอ่ยถ้อยคำที่เธอฟังไม่รู้เรื่อง ก่อนสติเธอจะดับลงไป

หนาวลืมตาขึ้นได้อีกครั้งในห้องพักของโรงพยาบาล ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ใจเต้นอย่างประหลาด บรรยากาศเก่าๆ กลับมาในความคิดทั้งหมด ห้องแบบนี้เธอเคยอยู่ แต่ทุกครั้งที่เธอเข้ามาในห้องนี้ จะต้องมีเด็กชายคนหนึ่งทำท่าตลกให้เธอดู และมักจะแอบไปเด็ดดอกไม้มาให้เธอจนโดนดุ สัญชาติ-ญาณบางอย่างสั่งให้เธอรีบหันมองรอบตัว และก็เป็นจริงอย่างที่คิด ใบหน้าของชายคนหนึ่งจ้องมองเธออย่างเป็นสุขอยู่ด้านข้าง เธอรีบสปริงตัวลุกขึ้นจนเจ็บแผล

“โอ๊ย!” หนาวอุทานขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบไปทั่วตัว มีบาดแผลอยู่ทั่วไปหมด แต่ไม่ใช่แผลฉกรรจ์ และที่ศีรษะเธอก็มีผ้าพันรอบ น่าจะเกิดจากแรงกระแทก

“น้องหนาว...น้องหนาวของพี่หมอก” ริมฝีปากแห้งผากของชายหนุ่มเอื้อนเอ่ยช้าๆ สายตามองมาที่เธออย่างยินดียิ่ง เขากุมมือเธอไว้แน่น “พี่หมอกนึกว่าน้องหนาวจะไม่มาแล้วซะอีก”

หมอกพูดไปเรื่อยตามประสาคนที่รอคอยมาตลอด เด็กสาวมองเขาอย่างชั่งใจ ถ้าเขาคือพี่หมอก...คือคนที่อยู่ในความทรงจำของเธอ เขาก็โตขึ้นมากทีเดียว

“พี่หมอก...” เธอพึมพำช้าๆ มองไปรอบห้อง “พี่หมอกของหนาวจริงๆ ด้วย พี่ยังไม่ออกจากโรงพยาบาลอีกเหรอคะ แล้วทำไมเราได้มาอยู่ห้องเดียวกันอีกล่ะ”

“ออกไปแล้วล่ะ แต่ไม่สบายขึ้นมาอีกน่ะ หมอเลยให้เข้ามานอนดูอาการ โชคดีจัง บังเอิญได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว” เด็กสาวนั่งฟังไปก็ยิ้มไป พี่หมอกของเธอดูพูดเก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว

ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในโรงพยาบาลอีกหลายวัน พ่อและแม่ของหนาวโดนลูกสาวบ่นอยู่หลายตลบเรื่องที่ผิดสัญญา ไม่พากลับมาเชียงใหม่ตอน ป.6 แต่หมอกก็มักจะคอยห้ามเธอเสมอ เพราะถึงอย่างไรก็ได้เจอกันแล้ว

หนาวและหมอกอยู่กันคนละโรงเรียน หนาวอยู่โรงเรียนรวม แต่หมอกอยู่โรงเรียนชายล้วน สองโรงเรียนนี้ไม่ห่างจากกันมากนัก หมอกจึงมารับมาส่งหนาวได้ทุกเช้าเย็น และสามารถเข้าออกบ้านเธอได้โดยที่ไม่โดนใครขัดขวาง พ่อและแม่ของหนาวก็ชักเห็นดีเห็นงามด้วย เมื่อเด็กชายอ่อนแอขี้โรคในวันนั้น ได้กลายเป็นเด็กหนุ่มกำยำ สามารถปกป้องลูกสาวเธอได้ เด็กในโรงเรียนหนาวทุกคนจะพูดต่อๆ กันไปเรื่อย เมื่อเห็นหมอกมารอที่หน้าโรงเรียนทุกวัน จนกลายเป็นที่รู้กันว่า ‘คนนั้นไง แฟนหนาว’

จักรยานคันเก่งของเด็กสาว วันนี้คนปั่นกลับเป็นชายหนุ่มที่เริ่มโตเต็มวัย หนาวซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังยังคงชี้นกชี้ไม้ไปเรื่อยราวกับเป็นเด็กแปดขวบเมื่อวันวาน

“ทำไมพี่หมอกถึงได้อยากเข้าคณะแพทย์ล่ะ” เธอเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่หมอกเคยบอกเธอไว้

“คนอ่อนแอแบบพี่มีเยอะ พี่อยากเรียนจบและไปรักษาพวกเขาได้”

นั่นเป็นคำพูดที่เขาตอบอย่างจริงจัง และเขาก็สามารถทำได้สำเร็จจริงๆ ในระหว่างการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น เขาก็ได้สละเวลามาติวสอบให้กับน้องหนาวจอมยุ่งของเขาด้วย เมื่อเขาได้เป็นนักศึกษาแพทย์อย่างที่ตั้งใจ ทำให้เขามีเวลาให้เจ้าตัวยุ่งน้อยลงไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน

จนกระทั่งถึงวันที่ทั้งคู่จบมหาวิทยาลัย หมอกจบคณะแพทย์ศาสตร์ หนาวจบคณะบัญชี ด้วยความแตกต่างด้านระยะเวลาเรียนของแต่ละคณะจึงทำให้ทั้งคู่จบพร้อมกัน และในวันนั้นคือวันที่หมอกคิดจะเผยความในใจที่มีอยู่ตลอดมา จึงหาเวลาอยู่กันตามลำพัง

“พี่หมอกรักน้องหนาวนะ” เขาพูดสั้นๆ อย่างขัดเขิน หญิงสาวยิ้มร่ารับคำนั้นด้วยพวงแก้มสีชมพูสดใส

“หนาวก็รักพี่หมอกค่ะ” เธอโผเข้ากอดเขาด้วยหัวใจที่อิ่มเอม ความรู้สึกรักของเธอชัดมากตั้งแต่วันที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในโรงพยาบาลแห่งนั้น และจะยังคงรู้สึกแบบนี้ตลอดไป

_____________________________________________________________________________________________________

ชายวัยกลางคนยืนมองภาพที่ดูมีความสุขนั้นด้วยความรู้สึกหดหู่ เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างหญิงคนหนึ่งซึ่งกอดตุ๊กตาไว้แน่น พึมพำบางอย่างที่พอจะจับใจความได้

“หนาวก็รักพี่หมอกค่ะ”

ชายคนเดิมยืนฟังคำพูดซ้ำๆ อยู่สามสี่ครั้ง หญิงสาวคนนี้มาอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชกว่า 20 ปีแล้ว เธอมีอาการเหม่อลอย และชอบพูดคนเดียว ในมือเธอจะถือตุ๊กตาหมีอยู่หนึ่งตัว และเธอเรียกมันว่า ‘พี่หมอก’

“คุณหมอคะ มีผลสรุปกับคุณหนาวว่ายังไงบ้างคะ” พยาบาลสาวคนสนิทเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าเขายืนมองภาพนั้นอยู่นาน

“ผมคิดว่ากรณีนี้ผมไม่สามารถสรุปอะไรได้ บางที...จากในอุบัติเหตุเมื่อ 20 ปีก่อน อาจจะทำให้เธอกลายเป็นอย่างนี้เพราะเธอสูญเสียทั้งพ่อและแม่ในคราวเดียวกัน พี่หมอกที่เธอเอ่ยถึงนั้นเคยมีตัวตนจริงๆ ในชีวิตเธอหรือเปล่าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มตอบพลางปิดประวัติคนไข้วัย 34 ปีคนนี้ ครอบครัวของเธอที่กำลังเดินทางกลับบ้านเกิดเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาประสบอุบัติเหตุและทำให้พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อยากรับรู้เรื่องราวในโลกของความจริงอีกต่อไป

“งั้นควรจะทำยังไงต่อดีคะ”

“ปล่อย...ให้เธอคิดไปแบบนี้แหละ ถึงเราจะไม่รู้ว่าพี่หมอกนั้นเคยมีอยู่จริงๆ หรือไม่ แต่เธอคงจะมีความสุขในโลกของเธอแล้วล่ะ อย่าไปขัดเธอเลยดีกว่า ยังไงก็ตาม...สายหมอก มันก็ต้องคู่กับหน้าหนาวอยู่แล้วนี่” หมอวัยกลางคนมองกลับไปที่หญิงสาวคนเดิม

หญิงสาวซึ่งนั่งยิ้มอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ อ้อมแขนกอดกระชับตุ๊กตาสีน้ำตาลตัวนั้นแน่นขึ้น ถึงแม้มันจะดูเก่าและสกปรก แต่เธอก็ไม่มีที่ท่ารังเกียจสักนิด ริมฝีปากแห้งผากขยับเอื้อนเอ่ยซ้ำๆ เป็นคำเดิม

“หนาวก็รักพี่หมอกค่ะ”

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว