ธีร์ธวัช วรพัฒนาพงษ์ เดินกลับไปกลับมาในสนามบินที่วันนี้ดูคนจะหนาแน่นเป็นพิเศษ กว่าสองชั่วโมงแล้วที่ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อเชิ้ตแขนยาว ที่ตอนนี้ถูกพับขึ้นมาอยู่ที่ข้อศอก คอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก สลับกับดูนาฬิกาที่ข้อมือ สักพักก็นั่งลงที่เก้าอี้ ที่มีเสื้อนอกของเขาวางพาดไว้ แล้วก็ถอนหายใจเหมือนไม่พอใจ ที่ต้องทิ้งงานที่บริษัทมารอรับน้องสาวต่างสายเลือด ที่ถูกเรียกตัวด่วนจากต่างประเทศด้วยคำสั่งจากคุณปู่ของเขา

แล้วในที่สุด หน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างวาบขึ้น เขาคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปนั้น ที่ปลายสายกลับชิงพูดขึ้นก่อน

“คุณธีร์ ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ”

“ผมอยู่ที่สนามบิน มา...” และก่อนที่คำว่า “รอรับคุณ” จะถูกเอ่ยออกไปนั้น เสียงหญิงสาวที่ปลายสายก็พูดขึ้นอีกว่า

“คุณธีร์มัวไปทำอะไรอยู่ที่นั่นคะ พลอยมาถึงตั้งแต่เมื่อวานค่ะ ตอนนี้พลอยรออยู่ที่บ้านกับคุณปู่แล้ว เมื่อไหร่คุณธีร์จะมา” พอพูดจบเสียงหวานที่ปลายสายก็วางไปทันที

ธีร์ธวัชจ้องหน้าจอที่ดับไปแล้วอยู่หลายวินาที เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าที่เขาต้องเลื่อนเจรจาธุรกิจกับลูกค้าคนสำคัญ เพื่อมารอที่สนามบินอยู่เป็นนานสองนาน นี่กลายเป็นว่า เขาจำวันผิด!

ตั้งแต่วันที่คุณปู่หรือที่คนอื่นมักจะเรียกท่านว่าเจ้าสัวพัฒน์ วรพัฒนาพงษ์ รับอุปการะพลอยดาราตอนอายุ 14ปี หลังจากที่แม่ของเธอกับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นลูกชายคนโตของคุณปู่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต พลอยดารายังจำวันแรกที่มาถึงคฤหาสน์วรพัฒนาพงษ์ได้ดี

วันนั้นฝนตกเธอเลยต้องอยู่แต่ในตัวบ้าน ตอนนั้นเธอเห็นห้องหนังสือเปิดอยู่ เลยกะจะเดินเข้าไปหาหนังสืออ่าน แต่ไม่นึกว่าจะมีคนอยู่ก่อน เขาคือหลานชายคนเดียวของคุณปู่ที่ทุกคนในบ้านเรียกว่า “คุณธีร์” กำลังก้มหน้าก้มตาตรวจเอกสารในแฟ้มที่วางเรียงรายบนโต๊ะ

แต่แล้วคงรู้สึกตัวว่ามีคนจ้องอยู่ เขาจึงเงยหน้าขึ้น พอเห็นว่าเป็นเธอเท่านั้นแหละ จากสีหน้ายุ่งๆ ก็เปลี่ยนเป็นเฉยชา แล้วก็ถอนหายใจ ก่อนกลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าต่อ

“สวัสดีค่ะ พี่ธีร์” เธอเริ่มเอ่ยทักทายก่อน แม้จะรู้สึกกล้าๆกลัวๆ

“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่นับญาติกับเด็กกำพร้า”

ชั่วชีวิตของพลอยดาราไม่เคยมีใครพูดอย่างนี้กับเธอมาก่อน

“งั้นก็ดีค่ะ ฉันก็ไม่นับญาติกับเด็กมีปัญหาเหมือนกัน”

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งธีร์ธวัชและพลอยดาราแม้จะไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งอะไรกันแต่ก็ไม่เคยพูดจากันเกินไปกว่าการถามคำตอบคำ โชคดีที่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนธีร์ธวัชก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พอเรียนจบกลับมาเขาก็ย้ายออกไปอยู่คอนโดส่วนตัว ทำให้เธอและเขาแทบไม่เจอหน้ากันเลย จนกระทั่งวันนี้

ธีร์ธวัชสูดหายใจเข้าลึก เมื่อจอดรถที่หน้าคฤหาสน์วรพัฒนาพงษ์ที่เขาไม่ได้กลับมาเหยียบหลายปี การมาครั้งนี้เป็นคำสั่งแกมขอร้องจากคุณปู่ ส่วนท่านจะคุยด้วยเรื่องอะไรนั้นเขาไม่อยากเดา แต่คิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ถึงได้เรียกเขากลับมาพร้อมกับพลอยดารา เจ้าหญิงแห่งคฤหาสน์นี้

ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าประตูไป ร่างบางของสตรีผู้หนึ่งก็เดินสวนออกมา เขายังจำไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร จนได้เห็นกิริยาเชิดหน้าและน้ำเสียงหยิ่งๆนั่นแหละ เขาจำได้แม่นไม่ผิดตัวแน่นอน

“รีบเข้าไปเถอะค่ะคุณธีร์ คุณปู่รออยู่ที่ห้องหนังสือ ธุระของฉันเสร็จแล้ว เหลือแต่ธุระของคุณ” พลอยดาราพูดแบบไม่เว้นช่องให้เขาได้โต้ตอบ แล้วสะบัดหน้าจะเดินออกไป แต่ไม่เร็วไปกว่าที่ธีร์ธวัชกระชากเธอให้หันกลับมา

“คุยกับคุณปู่เสร็จแล้ว ผมจะกลับมาคุยธุระของเรานะคุณพลอย” หญิงสาวพยายามสะบัดให้หลุดจากการยึดเหนี่ยวของเขา และเขาก็ไม่รั้งเธอไว้ ส่งผลให้ร่างบางเซถลาไปปะทะกับผนัง ส่วนเขาก้าวยาวๆจากไปทันทีโดยไม่เหลียวมามองเธอที่ยืนเม้มปากกำมือแน่นอยู่ตรงนั้นอีกเลย

ธีร์ธวัชเดินเข้าไปในห้องหนังสือ เขายืนจ้องคุณปู่ที่ดูซูบเซียวอย่างนึกไม่ถึงอยู่นาน คุณปู่ก็เอ่ยขึ้นว่า

“หมอบอกปู่คงอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน” แม้จะพูดประโยคสั้นๆแต่ธีร์ธวัชก็รับรู้ได้ว่าน้ำเสียงที่เคยมีพลังของเจ้าสัวพัฒน์ได้เปลี่ยนเป็นอ่อนล้า แหบแห้งไปแล้ว

“คุณปู่อยากจะพูดอะไรก็พูดเถอะครับ” ชายหนุ่มรวบรัดตัดความ

“ปู่อยากให้ธีร์แต่งงานกับหนูพลอย” ชายชราพูดจบก็หอบหายใจอยู่นาน ธีร์ธวัชรู้ดีว่าเมื่อคุณปู่พูดกับเขา คุณปู่ไม่เคยพูดเล่น และไม่พูดซ้ำสอง เขาเองก็ไม่อยากให้คุณปู่เหนื่อยไปมากกว่านี้ เขาจึงตัดบทขึ้นว่า

“ผมขอคุยกับคุณพลอยดูก่อน”

เจ้าสัวพัฒน์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะรู้ดีว่าถ้าหลานชายคนนี้ปฏิเสธก็จะบอกว่า “ไม่” ทันที

“ปู่ฝากด้วยนะ หนูพลอยเขาไม่มีใครแล้วนอกจากบ้านเรา” พูดจบชายชราก็ไอไม่หยุดอยู่นาน จนพยาบาลประจำตัวต้องมาพากลับเข้าห้องไป

ธีร์ธวัชรู้ดีว่าคุณปู่เป็นห่วงพลอยดาราแค่ไหน และเขาก็ไม่อยากขัดใจท่านให้อาการทรุดหนักไปกว่านี้ และถึงยังไงเขาก็ตกลงอยู่ดี แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องได้สั่งสอนคนอวดดีนี่สักหน่อย เมื่อคิดแผนการแล้วก็สะใจล่วงหน้าอยู่คนเดียว...

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารมันช่างน่าอึดอัดเสียจริงๆ ถ้าไม่เพราะเห็นแก่คุณปู่แล้วละก็เธอคงจะไม่มีวันมานั่งทานอาหารเย็นกับธีร์ธวัชแน่นอน

“กินซะหน่อยสิคุณพลอย เดี๋ยวเราต้องคุยกันอีกยาวนะ เผลอๆอาจจะทั้งคืนก็ได้” คำพูดวรรคท้าย เธอรู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจพูดจากวนประสาทเธอแน่นอน

“ถ้าเรื่องแต่งงาน เราไม่มีอะไรต้องพูดกันหรอกค่ะ ฉันตกลง” หญิงสาวพูดตัดจบประเด็น

“ผมไม่ตกลง มันดูใจง่าย ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น” ชายหนุ่มแสร้งพูดน้ำเสียงจริงจัง

ทำไมจะไม่รู้ว่าเขาพูดเหน็บแนม ว่าเธอนั่นแหละ ใจง่าย! เขาฝังใจมาตลอดอยู่แล้ว ว่าเธอเอาใจคุณปู่เพราะหวังสมบัติ แต่ไม่ได้ เธอต้องอดทน เธอรับปากกับคุณปู่ไว้แล้วนี่นา เธอยังไม่ทันได้เอ่ยตอบอะไร เขาก็พูดขึ้นมาอีก

“เอาแต่จ้องหน้าผม กำลังวาดฝันถึงอะไรอยู่ล่ะ”เขาหรี่ตามองเธอทำท่าเหมือนรู้ทัน แล้วเขาก็พูดต่อ “บอกไว้เลยนะ ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิดหรอก”ชายหนุ่มพูดจบ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังเงียบ ก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หยิบแก้วน้ำขึ้นจิบอย่างเป็นต่อ “แล้วก็นะ…”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ พลอยดาราก็พูดขัดขึ้นอย่างหมดความอดทน “พอเถอะคุณธีร์ คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่”

“อย่าใช้น้ำเสียงอย่างนี้กับผม” เขาจ้องตาเธอแล้วพูดต่อ

“รู้อะไรไว้อย่างนะคุณพลอย ว่าเกมนี้ ผมเป็นคนคุม”ธีร์ธวัช วางแก้วน้ำลงแล้วจ้องหน้าหญิงสาวอย่างจริงจัง ก่อนจะถอนหายใจ พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“ผมคิดว่าเราควรรู้จักกันให้มากกว่านี้”

“ไ่ม่จำเป็นค่ะ เราแต่งงานกันแค่ในนาม หลังแต่งงาน เราต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิมจะดีกว่า”

ไม่เหนือความคาดหมาย ชายหนุ่มคิดไว้แล้วว่าเธอจะต้องเสนอแบบนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ

“ผมจะกลับมาอยู่บ้าน” เขาเว้นวรรคให้เธอได้ซึมซับความหมายของคำพูด ก่อนจะประสานมือใต้คาง โน้มตัวเข้าไปหาเธอ

“และคุณต้องเป็นภรรยาผมจริงๆ”

เธอจ้องหน้าเขาอย่างตกตะลึง เป็นนานกว่าที่เธอจะหาเสียงตัวเองเจอ

“ฉันเกลียดคุณ” และเธอก็เกลียดที่ตัวเองตอบเขาด้วยเสียงแหบพร่า

“พอได้อยู่ด้วยกันแล้วคุณจะรักผมเอง”แววตาเขาเป็นประกายขณะกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ

“แต่อย่างน้อยเราควรจะแยกห้องกันนอน” เธอภาวนาให้เขาเหลือทางเดินให้เธอบ้าง

“ถ้าอย่างนั้นผมก็มีสิทธิ์จะออกไปหาความสุขนอกบ้าน แต่คุณยังคงต้องเป็นภรรยาผู้ซื่อสัตย์ต่อไป” เขากล่าวอย่างได้ที

“คุณพูดเอาแต่ได้นี่ คุณควรจะรักษาเกียรติฉันด้วย ฉันไม่ยอมถูกคนอื่นหัวเราะเยาะที่ปล่อยสามีออกไปหาเศษหาเลยที่ไหนก็ได้หรอกนะ” เธอโต้กลับอย่างเหลืออด

“นี่เป็นเงื่อนไขของผม ถ้าไม่เอาก็เชิญไปได้เลย”ชายหนุ่มเอนหลังพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ด้วยท่าทางไม่แยแส

หญิงสาวรวบมือที่หน้าตักจิกตัวเองแน่น กลัวว่าจะหยิบเหยือกน้ำสาดไปที่คนตรงหน้าอย่างใจคิดขึ้นมาจริงๆ

“คุณกำลังบีบบังคับฉัน”

“เปล่าเลย คุณจะไม่ตกลงก็ได้ แต่คุณจะต้องเป็นคนรับผิดชอบถ้าคุณปู่เป็นอะไรไป” เขาหยิบจุดอ่อนของเธอขึ้นมาต่อรอง รู้ดีว่าเธอไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน

เธออยากจะลุกหนีไปดื้อๆ แต่พอนึกถึงคุณปู่แล้วเธอก็ทำใจไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นการตอบแทนพระคุณของท่านในวาระสุดท้ายเท่าที่เธอจะทำให้ได้ เธอให้สัญญากับตัวเอง สักวันเธอจะต้องให้เขาชดใช้ที่ไล่ต้อนเธอวันนี้ให้สาสม คอยดูเถอะ

“ชีวิตคุณมีความสุขมากมั้ย คุณธีร์” อย่างน้อยก็ขอให้เธอได้แดกดันเขาบ้าง

“แน่นอน เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมมีความสุขเสมอ ขอบคุณที่เป็นห่วง”เขาตอบรับหน้าตาเฉย แล้วเธอจะหวังอะไรจากผู้ชายหน้าด้านตรงหน้านี้กันล่ะ

“มีอะไรอีกมั้ยคุณธีร์”เธอตรึงสายตาไว้ที่เขา กำมือและคลายพยายามข่มความโกรธไว้ ไม่ให้เข้าไปตบคนตรงหน้าให้สาแก่ใจ

“ถ้าไม่ขัดข้องอะไรแล้ว...”เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินมาหาเธอช้าๆ ยื่นมือมาม้วนผมที่ข้างแก้มเธอเล่น ด้วยท่าทางสบายๆ รู้สึกขำที่เห็นหญิงสาวตรงหน้าพยายามข่มอารมณ์ ทั้งที่โกรธจนสั่น ทำใจดีสู้เสือถึงแม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้

เธอสะบัดหน้าหนีพร้อมปัดมือเขาออก โกรธจนเลือดขึ้นหน้า พยายามกัดฟันกรอด ลุกขึ้นจ้องตาเขา ราวกับจะเผาให้มอดไหม้

“จูบผมสิ” เขาพูดยิ้มๆ ขณะที่โน้มหน้าลงมาหา

“ไม่มีทาง” หญิงสาวส่ายหน้า

“ถ้างั้นผมจะถือว่าคุณปฏิเสธการแต่งงานของเรานะคุณพลอย”

เธอถลึงตามองเขา ก่อนจะหลับตา แข็งใจประทับริมฝีปากแนบไปที่ปากเขา

“พอใจรึยังคะ คุณธีร์” หญิงสาวลืมตาขึ้นสบกับสายตาของเขาที่มองเข้ามาในดวงตาของเธอราวกับจะค้นหาความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ

เธอยังคงรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นร้อนของเขาที่ริมฝีปากเธอ เธอลุกขึ้นหมุนตัวจะเดินจากไป จังหวะนั้นชายหนุ่มคว้าที่ข้อศอกแล้วรวบเธอเข้ามาในอ้อมกอด ลมหายใจเธอสะดุด เมื่อเขาประกบริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว เขาถอนริมฝีปากเงยหน้าขึ้น จ้องตาเธอ นิ่งนาน ให้โอกาสเธอหลบ แต่เธอไม่ได้ทำ เขาจึงก้มหน้าลงมาหาเธออีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆบรรจงแนบริมฝีปากลงไปที่เรียวของปากเธอ

กลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆเจืออยู่ในอากาศรอบตัวเธอ แล้วมือข้างหนึ่งของเขาก็ค่อยๆสอดประคองที่หลังคีรษะเธอไว้ เริ่มจากสัมผัสอย่างแผ่วเบา เพียงปัดผ่านก่อนจะเปลี่ยนเป็นจูบอย่างลึกล้ำชวนให้เคลิบเคลิ้ม เขาขบเม้มที่ริมฝีปากล่างเธอเบาๆเชิญชวนให้เผยอริมฝีปากตอบรับปลายลิ้นที่ผ่านเข้ามากระหวัดพันเกี่ยวกับปลายลิ้นของเธอ เขาครางอย่างพึงพอใจในลำคอ

เธอเริ่มจูบตอบ ค่อยๆดื่มด่ำไปอย่างช้าๆ ขบเม้มริมฝีปากของกันและกัน ริมฝีปากเบียดชิดจนแทบหายใจไม่ออก หัวใจเต้นแรง เหมือนเลือดในกายเธอเดือดพล่าน

ถ้าไม่เพราะเขาใช้มืออีกข้างหนึ่งยันกับผนัง และเธอยึดเหนี่ยวปกเสื้อของเขาไว้ เธอคงยืนไม่อยู่ เธอเอื้อมมือไปสำรวจแผ่นหลังของเขาและทุกแห่งที่เธออยากสัมผัส เธอขยับเข้าหาให้ร่างกายแนบชิดกันมากขึ้น เขาเองก็พลุ่งพล่านไปด้วยความปรารถนาไม่ต่างกัน

ชายหนุ่มไล้ฝ่ามือข้างหนึ่งลงมาตามไหล่ลาด เรื่อยลงมาจนถึงเนินอก เขาปัดนิ้วหัวแม่มือผ่านยอดอกเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะครอบครองมันด้วยทั้งหมดของฝ่ามือ ต้นขาของเขาสอดเข้ามาในระหว่างขาของเธอ หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่บดเบียดอยู่กับความอ่อนนุ่มของเธอ ความเร่าร้อนเกิดขึ้นในส่วนลี้ลับที่เริ่มบีบตัว

เขาลดมือที่ค้ำผนังลงมากระชับร่างเธอเข้าหา ส่วนมืออีกข้างนั้น ผละจากหน้าอกเธอ เลื่อนลงมาแนบลงที่ต้นขาก่อนจะเลิกชายกระโปรงให้สูงขึ้น แล้วสอดนิ้วผ่านกางเกงชั้นใน วินาทีนั้นเธอเรียกสติคืนมาก่อนที่ตัวเองจะยอมจำนนต่อความต้องการ เธอยึดข้อมือเขาแน่น พยายามจะหยุดการกระทำนั้นไว้

“คุณธีร์…”

เสียงปนหอบนั้น ปลุกเขาออกจากภวังค์ ชายหนุ่มถอนริมฝีปากขึ้นอย่างเสียดาย ก่อนเปลี่ยนเป้าหมายไปจูบตามแนวคาง พรมจูบเรื่อยไปตามซอกคอ ก่อนขบเม้มที่ใบหู กระซิบเสียงพร่า

“คุณนี่ยั่วผู้ชายเก่งเหมือนกันนะ”

เสียงฉาดดังขึ้นแทบจะทันทีที่เธอผลักเขาออกห่าง ใบหน้าชายหนุ่มหันไปอีกด้าน ตามฝ่ามือที่เหวี่ยงเข้าใส่เต็มแรง พร้อมกระแทกปลายเท้าของเขาด้วยส้นรองเท้าเพื่อความสะใจ แล้ววิ่งจากไปก่อนที่เขาจะคว้าตัวเธอได้ทัน

บรรยากาศในคฤหาสน์วรพัฒนาพงษ์วันนี้ครึกครื้นเป็นพิเศษ แม้จะเป็นการจัดงานแต่งงานแบบเรียบง่ายตามที่เจ้าสาวต้องการ ก็ยังมีแขกเหรื่อหนาตากว่าที่คาดไว้มาก

พลอยดาราและธีร์ธวัชในชุดแต่งงานสีแดงแบบจีนกำลังคุกเข่าเคียงข้างกันยกน้ำชาให้ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายและรับคำอวยพรอยู่นั้น ไม่มีใครคาดคิดว่า เจ้าสัวพัฒน์ วรพัฒนาพงษ์ ที่เพิ่งรับน้ำชาไปดื่มอย่างปลื้มปิติเมื่อสักครู่ จะวูบหมดสติกะทันหัน

ทีมแพทย์ประจำตัวของเจ้าสัวออกมาปฐมพยาบาล ไม่นานหลังจากนั้น นายแพทย์ก็แจ้งให้ทุกคนที่อยู่ในงานทราบว่า

“เจ้าสัวหัวใจวาย เสียชีวิตแล้วครับ”

ฝนยังตกไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อคืน บรรยากาศในคฤหาสน์วรพัฒนาพงษ์ เงียบเหงากว่าที่เคยเป็นมา ธีร์ธวัช ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะหนังสือ หยิบรูปถ่ายของพลอยดาราขึ้นมาดู ชายหนุ่มไม่ได้เจอกับเจ้าสาวที่ยังไม่ได้เข้าหอของเขาอีกเลย เธอบินกลับไปต่างประเทศทันทีที่เสร็จงานศพ ชายหนุ่มวางรูปถ่ายของเธอลงบนโต๊ะก่อนหันไปหาพ่อบ้านที่เข้ามารับคำสั่ง

“ลุงหวัง ดูแลที่นี่ให้เรียบร้อยนะ ถ้ามีเรื่องสำคัญอะไร โทรหาฉันก็แล้วกัน”

แล้วเขาก็เดินไปที่รถ ขับฝ่าสายฝนออกไป

“เธอหนีฉันไปได้ไม่ตลอดหรอก พลอยดารา”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว