บทนำ ทวิวิญญาณชะตาบัดซบ
บนโลกทั้งใบที่ทุกคนบนพื้นภิภพยังเข้าใจว่าโลกใบนี้แบนราบ
ผืนดิน ท้องน้ำ ป่าเขา หนองห้วยลำธาร ล้วนราบเรียบ......แต่ข้าไม่คิดแบบนั้น
ข้าหยุดร่างล่องลอยจากฟากฟ้า นุ่มนวลบนใบบัวหิมะ
ซึ่งเป็นดอกบัวที่สามารถพบเห็นได้ดาดดื่นในดินแดน
วินซีเรียแห่งนี้
ดินแดนวินซีเรีย ตั้งอยู่ทางใต้สุดของทวีปมารครองฟ้า มีภูมิประเทศเป็นหน้าผาหุบเหวอันตราย
มีน้ำแข็งหิมะปกคลุมตลอดปี
มีบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติผุดขึ้นราวดอกเห็ด ทำให้ธุรกิจโรงเตี๊ยมน้ำพุร้อนของดินแดนใต้
มีชื่อเสียงขจรไกลทั่วแผ่นดิน
สายลมเย็นหอบฝอยหิมะเล็กละเอียดพัดพาไปกับเส้นผมของข้า.......มือขาวสะอาดยกขึ้นพร้อมโคจรพลังลมปราณ
ขอบเขตขั้นวิญญาณออกมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนพร้อมกดผนึกลงไปสู่ตราประทับ
ใจกลางสระบัวหิมะที่ซึ่งข้าหยุดร่างตนอยู่เหนือยอดคลื่นหิมะพริ้วไสว
กระแสพลังยุทธสะบัดชุดคลุมไยบัวหิมะพลิ้วกระพือไปด้วยไอร้อนจากขุมลมปราณ
ที่ส่งผ่านจุดชีพจรจากข้อมือทั้งสอง
ลำแขนใต้ชุดไหม กระแสพลังไหลเวียนจากจุดศูนย์ลมปราณทั้งสามจุด หว่างคิ้วเปร่งแสงสีทองจางๆ กระแสลมปราณยกระดับความเข้มแข็งขึ้นจนสร้างม่านพลังยุทธไร้ลักษณ์หมุนวน
เข้าโอบล้อมตัวข้าและตราผนึกเทวะ....
สีทองสะอาดที่กำลังดิ้นรนจะสลัดหลุดจากกำลังยุทธของข้าที่กดและผลักฝ่ามือทุ่มเทลมปราณสุดชีวิตลงสู่ผนึกแห่งเทวะ เผ่าพันธุ์หายนะแห่งทวีปมารครองฟ้า.....
บูมมม!
ในหูได้รับคลื่นเสียงคำรามของอัสนีสวรรค์ซึ่งเป็นลมปราณประจำเผ่าพันธุ์แห่งเทวะ
เคยเอาชนะราชันย์มารครองฟ้ามาแล้วในการต่อสู้ฟาดฟันกันหลายยุคหลายสมัยในอดีต
เลือดสายเล็กไหลหลั่งจากมุมปากจมูกและดวงตาพร่าเลือนลง
“ฮึ่มม!” เสียงคำรามของตัวข้าฉุดรั้งสติที่กำลังกระเจิตกระเจิงให้กลับมา
อยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมทุ่มเทวิชาผนึกซึ่งสืบทอดมาจากบรรพชนแห่งสำนักปราณวินซีเรียอัดพลังยุทธ์ทั้งสรรพางค์เข้าเติมเชื้อพลังจากผนึกบุพกาล
จนในที่สุด ผืนน้ำรอบข้างระเบิดออกเป็นม่านหิมะพลิ้วสยายเป็นโดมแสงสีทองกระจ่างจ้า
หอบร่างข้าให้ลอยขึ้นและถูกกำลังลมประหลาดจากบึงบัวหิมะพัดลอยมาตกไกลจากที่เดิม
หลายลี้ หลังจากเท้าติดแนบกับผืนแผ่นดินยอดเขาข้าซุดตัวทิ้งลงกับโขดหินระเกะระกะ
ของยอดภูผาแล้วได้แต่หายใจหอบเหนื่อยโรยรินเหงื่อการหลั่งไหลชะโลมร่างและผ้าไหมเย็นบนร่างจนแม้แต่ใบหน้าของข้ายังซีดเผือด
ปราดสายตามองมือทั้งสองข้างที่ยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุดยั้ง ในหูยังคงแว่วเสียงคำรามของ
วิชายุทธอัสนีสวรรค์อันลือลั่นแล้วข้าก็ได้แต่เปิดปากแหงนหน้ามองฟ้าแล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นทั้งผืนฟ้าดั่งราวคนวิปลาส
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆ~”
…
“คารวะท่านเจ้าสำนักครับ/คารวะท่านเจ้าสำนักค่ะ” เสียงแซ่ซ้องร้องคารวะดังกังวานไปทั้งหุบเขาเต่าหิมะ
เมื่อตัวข้าเหินร่างลงจากฟากฟ้าราวเทพเซียนจุติ
“อย่าได้มากพิธีไป พวกเจ้ามีอันใดก็ไปทำ” ข้าปิดปากหาวและสะบัดมือไล่อย่างไม่ใส่ใจ
ร่างสูงสง่างามของข้าก้าวตรงสู่ปากหุบเขาซึ่งหมอบตระหง่านด้วยร่างเต่ายักษ์ขนาดสูง
เกือบห้าลี้
การเข้าสู่สำนักปราณวินซีเรียนั้นง่ายดายเป็นอย่างยิ่ง
ซันกุ้ยเซียน ผู้มีฉายานามอันอื้อฉาวมากมายหลายหลากตบเท้ากับพื้นศิลามรกตพร้อมร่าง
ซึ่งพุ่งทะยานขึ้นดุจวิหกฟ้า
โบยบินทะยานเหยียบไปตามซี่ฟันเรียงรายของเต่ายักษ์ก่อนจะพลิกตัวทะยานไล้ลื่นร่างกายไปตามลิ้นยาวที่ทอดหายเป็นอุโมงค์เข้าสู่หุบเขาเต่าหิมะ ซึ่งสองศิษย์อารักษ์ขายังคงเบิกตาค้าง
จ้องมองข้าดั่งวันแรกที่พวกนางเจอข้าไม่มีผิด
“ท่านเจ้าสำนัก…ว้ายย…กรี๊ดด~”
ระหว่างร่างของข้าร่วงหล่นแตะเท้ากับพื้นหญ้าเขียวขจีของหุบเขาเต่าหิมะ มือแห่งเจ้าสำนัก
ทั้งสองข้างก็แยกย้ายเข้าโอบไหล่แบบบางอันงดงามของสองสาวน้อยผู้เฝ้าเส้นทางเข้า
สู่สำนักปราณวินซีเรีย
พร้อมส่งเสียงหัวเราะฮาๆ
แล้วเคลื่อนร่างวูบวาบผ่านสองสาวไป
“ฮ่าๆ พวกเจ้านี่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน…….นมยังไม่โตเลยน้ะ”
ชื่อเสียงอันอื้อฉาวขาวสะอาดของข้าในเรื่องอิสตรีอันดีงามที่ต้องสูญเสียความเอียงอาย
และคาวราคีที่แปดเปื้อนไปกับพวกนางนั้นทำให้ข้ากลายเป็นที่รังเกียจของสตรีทั่วทั้งดินแดน
วินซีเรีย
แม้กระทั่งคนในสำนักปราณของข้าเองข้าก็ไม่มีละเว้นแก่พวกนาง....
เหล่าสตรีมองข้าด้วยความหวาดหวั่นสั่นกลัว.....เหล่าบุรุษต่างมองข้าด้วยความอิจฉาเลื่อมสัย
และพร้อมใจมาคุกเข่าโขกคำนับฟ้าดินขอให้ข้ารับพวกมันเป็นศิษย์
“ท่านเจ้าสำนัก โปรดหยุดเท้าก่อน” ผู้อาวุโสในชุดขาวหมวกปีกกว้างสีขาว
และหนวดเคราขาวสดใสลอยเข้ามาหาข้าจากอีกฟากหนึ่งของสวนสมุนไพรอันกว้างใหญ่
“มีอันใดท่านไป่เพ่ยจื่อ?” ข้าเอ่ยถามกับผู้ควบคุมสวนสมุนไพรแห่งนี้ด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
กวนอวัยวะเบื้องล่าง
“มิกล้าๆ ข้าเห็นท่านเจ้าสำนักพึ่งกลับจากการเข้าร่วมงานสัมมนาชาวยุทธวินซีเรียมาเหนื่อยๆ ข้าจึงคิดจะนำเสนอน้ำสมุนไพรใหม่ล่าสุดให้ท่านได้ลิ้มชิมเป็นอย่างไร?”
ข้าค่อยส่งยิ้มให้ชายชราผู้ก้มศีรษะราวบัณฑิตคงแก่เรียน
“โฮ่ๆ หน้าตาข้าแจ่มใสถึงเพียงนี้ ท่านเห็นว่าข้าเหนื่อยล้างั้นรึ?” ท่านไป่เพ่ยจื่อหน้าแข็งค้าง
แม้รอยยิ้มยังคงห้อยแขวนแต่กลับแลดูแห้งเหี่ยวเหลือฝืน
“อ่า.......ท่านเจ้าสำนัก!”
ข้าเอียงใบหน้าเข้าใกล้แล้วกระซิบเสียงเบา แต่กลับดังกลอกหูชายชราตรงหน้า
จนเส้นเคราขาวโพลนลุกชี้ชันราวปีศาจศุกรจุติเยือนใต้หล้า
“ข้านั้นแจ่มใสเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกี้ข้ามีวาสนาได้ลิ้มชิมรสน้ำนมของหลานสาวฝาแฝดท่านแล้ว โฮ่ๆ ขอบคุณๆ ที่ท่านปู่อย่างท่านกรุณา!!!”
ข้าไม่รู้ว่าท่านไป่เพ่ยจื่อจะร้องคร่ำครวญมิกล้ามิกล้าอีกหรือไม่แต่ข้านั้นรีบสาวเท้า
เผ่นทะยานพุ่งหายเข้าสู่ตึกส่วนกลางของเจ้าสำนัก พอถึงสถานที่ส่วนตัวข้ารีบตรงดิ่งเข้าไป
ที่เตียงแล้วกระอักเลือดกองโตออกมาแปดเปื้อนชะโลมผืนที่นอนจนแดงฉาน
สายตาข้าเริ่มพร่าพรายจนเห็นโลกหกคะเมนตีลังกาทุกสารทิศ
“อ๊อก บัดซบ ข้าธาตุไฟเข้าแทรก!” ร่างกายข้าไร้เรี่ยวแรงจนซุดคว่ำลงกับพื้น
พลังลมปราณทั่วร่างระเหยไออัสนีสวรรค์
สีทองออกมาฟาดผ่ากับชีพจรที่กรีดร้องจนถูกฉีกกระชากปลดปล่อยลำโลหิตสายยักษ์พุ่งพลวดออกจากหูตาจมูกปาก
รวมไปถึงรูขุมขนทั่วร่างกายที่สะเหมือนมีเข็มแหลมร้อนลวกไฟกำลังทิ่มแทงข้าอย่างไม่ปรานี
ชุดไหมผ้าเย็นอันดับหนึ่งแห่งทวีปมารครองฟ้าเริ่มติดไฟปราณสีขาวครามเผาไหม้ตัวเองและผู้เป็นนายที่กัดฟันจนสัมผัสถึงคาวเค็มของรถเลือด
ข้าฝืนชักพากำลังภายในทะยานเข้ากระแทกกับจุดสำคัญที่จะทะลวงข้าให้เก้าผ่านเข้าสู่ขอบเขตเทวดา.....
“ฮึก!” ลมปราณตีกลับกระแทกทำลายตันเถียนศูนย์ทะเลลมปราณจนถูกฉีกกระชากแหล่งกักเก็บลมปราณจนขาดกระจุยเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนปลิวไปกับลิ่มเลือดที่พุ่งทะยาน
ออกจากริมฝีปากข้ากระแทกกับศิลาหยกเทวะจนแผ่ขยายรอยร้าวออกไปรอบทิศทาง
ราวไยแมงมุม
เจ้าสำนักลมปราณวินซีเรียกลอกตามองบนแล้วกรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจเพียงเท่านั้น
…
พุทธศักราช 2643
โลกเกิดความล้ำหน้ากว่าร้อยปีที่ผ่านมามากจนแทบเปรียบเทียบกันไม่ได้
วิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีของมนุษย์นั้นสามารถพัฒนาได้รวดเร็วอย่างน่ากลัว
ตึกระฟ้าและเครื่องยนต์สัญจรภาคพื้นอากาศบินว่อนเต็มทั่วมหานคร
ในยุคปัจจุบันเป็นยุคโลกไร้พรมแดนอย่างแท้จริงทั้งในเรื่องของกฎหมาย การเดินทาง รวมไปถึงการอยู่อาศัย
ครอบคลุมถึงเรื่องเชื้อชาติซึ่งกลมกลืนอย่างถึงที่สุด
บริษัท world haunt online จำกัดมหาชน
บริษัทเกมส์ออนไลน์และอาวุธสงครามแนวหน้าของประเทศไทยและทวีปเอเชีย
ในปัจจุบัน
บนชั้นที่เจ็ดสิบสอง
ในส่วนนี้ถูกจัดตกแต่งอย่างเลิศหรูแต่แลดูเรียบๆ อาจเป็นเพราะผู้อยู่อาศัย
หลายสิบตำแหน่งนั้นเป็นผู้มีอายุเลยเลขหก
กันมามากแล้ว
รวมไปถึงชายชราร่างสูงใหญ่ทะลุร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรซึ่งยังคงจดจ้องกับกองเอกสารหนาปึ้ก
ราวกับหนังสือประวัติศาสตร์สากลหลายพันปี
ดวงตาฟ่าฟางสีเดียวกับชุดสูตรกวาดจ้องผ่านไปกับตัวหนังสือ แต่ในใจกำลังหาวเป็นดาวเดือน
แล้วน้ำลายยืดเป็นเกษียณสมุทรไหลบ่าเข้าท่วมท้นโต๊ะทำงานอย่างที่ชายชราผู้นี้ยังคงยิ้มระรื่น แต่จริงๆ เขากลับหลับในไปนานแล้ว…..
วูบ!
ชายชรารู้สึกเหมือนในหัวลั่นวิ้งพร้อมสายรุ้งเจ็ดสีเรืองรองราวภาพฝันหมุนวน
ผ่านสายตาคู่ฟ่ามัว
จนถึงขั้นที่ผู้บริหารคนอื่นได้แต่สั่งให้ตัดแว่นตาเรียงบนโต๊ะราวภูเขาสองขาอันดารดาด
“เย้ย!” แม้จะแหกปากร้องด้วยความเสียสติ แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้น้ำลายแทบไหลย้อยมาฟูมปากชายชรา
ที่กำลังตกใจช็อคกับภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้าด้วยสายตามึนงงสงสัย
“บัดซบ นี่ข้าเป็นอะไร!?”
“บัดซบนี่ข้าอยู่ที่ไหน?!!!” ชายเจ้าของดวงวิญญาณในชุดยูกาตะลอยละล่องร้องตะโกน
จนคลื่นเสียงก้องสะท้อนดังไปรอบบริเวณ
ชายชราเพียงผู้เดียวก็แหกปากร้องราวพายุหมุนแถบชายฝั่ง
ด้วยเสียงเป็ดนรกมาเกิดของสองชายต่างวัยทำให้พวกเขาต่างยกมือปิดหูแล้วตะโกนแข่งกัน
จนเสียงดังลั่นตีกันมั่วไปหมด
“แฮ็กๆ หยุดก่อนข้าแก่แล้ว!!!” เจ้าสัวเจริญ ชำนาญสรรพกิจแหกปากร้องโหยหวนอย่างไม่เป็นภาษาก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้าสองขาชี้ฟ้าโด่เด่
“บ้านข้าไม่ได้เลี้ยงแมว เจ้าอย่าเอ่ยวาจาอันบัดซบเช่นนี้!!!” ซันกุ้ยเซียนยิ้มอย่างไม่นำพาปรารมภ์แล้วตะโกนโต้ตอบ
ชายชราในร่างโปร่งแสงเช่นเดียวกับเขา......หืม.....ชายหนุ่มกวาดจ้องตัวเองและชายชรา
แล้วหัวเราะเสียงดังลั่น
ราวเป็นคนเสียสติอีกครั้ง
“ฮ่าๆ แม้ข้าจะต้องไปปรภพ ยังคงลากคนแก่ไปพูดคุยระหว่างทางได้คนหนึ่งฮ่าๆ!”
‘คนแก่’
เพื่อนพูดคุยระหว่างทางไปปรภพทำตาเหลือกแล้วชี้นิ้วสั่นเทาเข้าหาคนตรงหน้าซึ่งสะเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูน
จอมคาถามหาบรรลัยสักเรื่อง
“อ๊ากก ข้าไม่ไปนรกกับแกโว้ย!!” ยอดยุทธซันยังคงอ้าปากหัวเราะแล้วลงไปชักดิ้นชักงอเหมือนเพลงคลาสสิกในยุคนี้
สักเพลงหนึ่งแล้วแหกปากร้องเพลงอย่างรื่นรมภ์อุรา
“ข้า.....โป้งๆๆ เป็นยอดยุทธผู้ท่องไปทั่วหล้า....ฮ่าๆๆ.....ไถ่ถามคุณธรรมแทนฟ้าได้ทั้งสิ้นฮึกอ้า.....” พร้อมออกลีลา
วาดลวดลายสะบัดสะโพกพริ้วไปตามสายลม
เจ้าสัววัยไม้ใกล้ฝั่งเข่าอ่อนลงกับพื้นแล้วน้ำตาไหลพราก......
”อ๊าก สวรรค์ ข้ามาเจอไอ้วิญญาณปัญญาอ่อนจากที่ไหน?!”
“โฮ่ โฮ่ มนุษย์ผู้หน้ารักหน้าชังทั้งสอง ถึงเวลาแล้วล่ะ.......ที่พวกเจ้าจะต้องเข้าสู่นิยายของข้า~”
บรรยากาศโลกวิญญาณนิ่งอึ้งตลึงงันไปชั่ววูบหนึ่ง ออร่าแสงสว่างสีทองอร่ามราวถังอุจจาระรั่วระเบิดเจิตจ้าพร้อมชายในชุดยาว
สีแดงและรองเท้าแตะอันเป็นเอกลักษณ์ บนศีรษะประดับด้วยหน้ากากผีหิมะหน้าขาว
แลดูสยดสยองล่องลอยลงจากฟากฟ้า(ฝ้าเพดานห้องทำงานของอาคารยักษ์)
“เจ้าเป็นใครรึ?/เอ็งต้องการอะไร??!”
สองเสียงร่วมทางนรกยังคงเอ่ยถามสอดประสานกันเป็นเสต็บได้อย่างน่าประหลาดใจ
“โฮะๆ เราก็คือผู้ยิ่งใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมค้ำจุนใต้หล้า อะแฮ่ม อย่าได้ใช้สายตาเทิศทูนบูชา ข้าไม่ค่อยชินหรอก” หลังจากหยุดกระแอมแล้วก็กล่าวต่อราวว่าเรื่องที่พูดโต้งๆ นั้น
มันเป็นเรื่องธรรมดา เช่นคืนนี้ที่ไหนดีลูกเพ่~
“ชตาฟ้ากำหนด ชีวิตของทวิวิญญาณทั้งสองจะเริ่มใหม่ พวกเจ้าต้องก้าวเดินไป
ในเส้นทางแห่งจอม.........”หลังจากทำเสียงแทมแท้มแล้วก็ปรากฏเอฟเฟล็กพุดอกไม้ไฟ
สว่างไสวไปทั้งพื้นที่มืดๆ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด ที่ห้องทำงานสุดหรูของท่านประธานบริษัทเกมส์สยองขวัญสะท้านโลกออนไลน์กลายเป็นพื้นที่มืดๆ รายล้อมด้วยออร่าแห่งดอกไม้ไฟสีแสบแปล๊ดอยู่รายรอบกาย
เจ้าหมอนั่น
“ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเจ้าจะทวงคืนในสิ่งที่พวกเจ้าเสียหายไป จำคำพูดข้าไว้
อย่าได้เป็นวีรบุรุษเพราะสงครามจะติดตามมา
อย่าเป็นจอมมารร้ายเพราะจะนำมาซึ่งสงคราม
จงใช้ชีวิตอย่างที่พวกเจ้าหวังและข้าขอประทานนามทวิภาคแห่งสองดวงวิญญาณผู้ต้องสลับร่างกันว่า
ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค เกิดใหม่ในร่างชายวัยหกสิบเก้า……….
และ
ทวิวิญญาณสลับร่างสร้างฮาเร็มในต่างโลก ภาค จักรยานเย้ยภิภพ…………….
สองหนุ่มต่างวัยหันมองสบตากันเป็นเวลาสามวินาทีแล้วได้แต่อุทานด้วยเสียงโหยหวน
“ม่ายย สตรีของข้าทั้งดินแดนนนน!!!”
“ธุรกิจของฉันนนน.....โท่ชีวิตคนแก่!!!”
สองสายตาสบประสานพร้อมประกาศศึกด้วยสายตา จนก่อเกิดคลื่นความโหดปะทะกัน
แต่สุดท้าย....ทั้งคู่ก็ทำได้เพียงกรีดร้องราววิญญาณบาปกำลังตกสู่หม้อซุบยมทูตที่หัวเราะ
ดังกึกก้อง……………….
เสริมความรู้เชิดชูสองสหายต่างวัย
(ระดับขั้นลมปราณในต่างโลก
มนุษย์ ลมปราณ หนึ่งปีถึงสิบปี
วิญญาณ ลมปราณสิบปีถึงร้อยปี
เทวดา ลมปราณร้อยปีถึงพันปี
ธรรมชาติ ลมปราณพันปีถึงหมื่นปี
เจ้ายุทธ์ ลมปราณหมื่นปีถึงแสนปี)
(1 ลี้ประมาณ 500เมตร)
ขอต้อนรับเข้าสู่นิยายของผีหิมะ(Ghostsnow)
กราบเรียนนักอ่านที่รักทุกท่าน เข้ามาอ่านแล้วเป็นอย่างไร ติชมให้ขนมกันได้ (55) ไม่ว่ากัน
ป.ล. 1 ใครหวังนิยายระเบิดภูเขาเผาสำนัก ข้าน้อยต้องขอแสดงความใสเจียด้วย
เพราะเรื่องนี้เน้น ฮาสบายๆ
ป.ล. 2 เรื่องนี้ฮาเร็มจัด สาระไม่ค่อยมี
ล้างแค้นก็ไม่มา (555) ต้องขออภัย
ป.ล. 3 เรื่องนี้เน้นความอบอุ่นใจ
ฉากรบก็สยบใต้หล้า
ฉากรักก็สะท้านดินฟ้า
โปรดขึ้นรถแล้วตามมา ท่องจักรวาลผีหิมะกันเลยจ้า!
…………….***