ในอดีตมีแผ่นดินแห่งหนึ่งได้มีสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ลงมาจากสวรรค์ลงมาจุติเป็นมนุษย์ ณ แผ่นดินแห่งหนึ่ง...ในพงศาวดารได้เรียกขานพวกเขาว่าสี่เทพศักสิทดิ์ ทั้งสี่เป็นผู้ที่คอยดูแลความสงบและความสมดุลของโลก...
คนหนึ่งได้ถือกำเนิดจ ณ ภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวชอุ่ม อากาศอันแสนบริสุทธิ์และแสงจากดวงตะวันที่ได้มอบความอบอุ่นพร้อมกับพลังแห่งมังกรสีเขียวมรกต
อีกคนได้ถือกำเนิดดินแดนทางเหนือเต็มไปด้วยหิมะแสนสวยอันขาวบริสุทธิ์และลมพายุอันหนาวเหน็บพร้อมกับพลังแห่งวิหคสีฟ้า
ส่วนอีกคนได้ถือกำเนิด ณ ใต้มหาสมุทรสีครามอันกว้างใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงและให้กำเนิดชีวิตนับล้านพร้อมกับพลังแห่งพยัคฆ์สีแดง
และคนสุดท้ายนั้นได้ถือกำเนิด ณ ดินแดนที่มีแต่ท้องฟ้าสีดำ ผืนดินที่มีแต่ความแห้งแล้งและเสียงสายฟ้าที่คอยคำราม ดินแดนที่มีแต่ความสิ้นหวังพร้อมกับพลังแห่งเต่าอสรพิษสีทมิฬ
เวลาผ่านไป...โลกที่เริ่มสร้างสิ่งมีชีวิตมากมายขึ้น อาทิเช่น มนุษย์ สิงห์สาราสัตว์มากมาย มารและปีศาจ ทั้งสี่ได้คอยดูแลและรักษาสมดุลแห่งธรรมชาติเอาไว้ จนวันนหนึ่งผู้ครอบครองพลังแห่งเต่าอสรพิษสีทมิฬก็ได้ทำลายสมดุลแห่งธรรมชาติลงและแปรเปลี่ยนสมดุลจนก่อให้เกิดความมืดขึ้นมาพร้อมกับนำทัพมารและปีศาจเข้าทำลายทุกสรรพสิ่ง เทพศักสิทธิ์ทั้งสามที่เห็นดังนั้นจึงได้เข้าต่อสู้พร้อมกับเหล่ามนุษย์จนเกิดเป็นสงครามที่กินเวลาไปหลายร้อยปี...จนกระทั่งศึกสุดท้าย...เทพศักศิทธิ์ทั้งสามก็ได้ตัดสินได้กลืนกินความมืดเข้าไปและเข้าห้ำหั่นกับผู้ครอบครองพลังแห่งเต่าอสรพิษ ท้ายที่สุดเมื่อทั้งสี่ก็ได้ระเบิดพลังของตนเองออกมาทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง...แต่ระเบิดครั้งใหญ่ที่ทั้งสี่นั้นกลับกลายเป็นการสร้างระบบของโลกขึ้นมาใหม่
เหล่ามนุษย์ ปีศาจ มารและสรรพสัตว์ทั้งหลายได้ซึมซับพลังของเทพศักสิทธิ์เหล่านั้นเข้าไปแทน เหล่าสรรพสัตว์ที่ได้ซึมซับพลังเหล่านั้นก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ที่มีรูปลักษณ์และพลังที่แสนพิศวง แต่สัญชาตญาณดุร้ายขึ้นมากกว่าเดิม พวกมันจึงถูกกล่าวขานชื่อที่มนุษย์ตั้งขึ้นใหม่ว่า...สัตว์อสูร
ส่วนเหล่ามนุษย์ มารและปีศาจที่ได้ซึมซับก็ได้กลายเป็นผู้มีพลังและเมื่อพวกเขาสามารถฆ่าสัตว์อสูรได้ พวกเขาก็สามารถดูดซึมพลังของสัตว์อสูรเหล่านั้นได้และพวกเขาได้ขนานนามตัวเองว่า...นักรบอสูรและนักเวทย์
และเมื่อเวลาผ่านหลายล้านๆ ปีไป...มนุษย์ มารและปีศาจ ต่างก็ได้พาทำสงครามสร้างอารธรรมของตัวเองขึ้นมาจนกลายเป็นยุคแห่งความขัดแย้งและเรื่องราวตำนานแห่งผู้กล้าที่จะขจัดความขัดแย้งก็ได้เริ่มขึ้น ณ ทวีปจงหยวน
ลำดับขั้นการฝึกฝนนักรบอสูรทั้ง 9 ระดับ
พลทหารอสูรขั้น 1-9
หัวหมู่อสูรขั้น 1-9 (กรณีเมื่อผู้ฝึกนักรบอสูรมาถึงขั้นนี้ จะสามารถเริ่มดูดซับพลังจากสัตว์อสูรได้)
นายกองอสูรขั้น 1-9 (เมื่อผู้ฝึกนักรบอสูรมาถึงขั้นนี้ จะสามารถใช้พลังหรือท่าโจมตีของสัตว์อสูรและประสานวิญญาณของตนเข้ากับสัตว์อสูรเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างอสูรในการต่อสู่ได้)
นายพันอสูรขั้น 1-9 (จะสามารถดูดซึมซับพลังของสัตว์อสูรตัวที่สองและสามารถอัญเชิญออกมาช่วยในการต่อสู้ได้)
ขุนพลอสูรขั้น 1-9 (จะสามารถประสานพลังของสัตว์อสูรเข้ากับอาวุธหรือเข้ากับชุดเกราะหรือประสานเข้ากับร่างของตนเป็นร่างต่อสู้ร่างที่สองก็ได้ แต่กรณนี้จะเลือกได้แค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
ขุนศึกอสูรขั้น 1-9 (จะสามารถดูดซึมซับพลังของสัตว์อสูรตัวที่สามเข้ามาได้ และความสามารถของผู้ฝึกมาถึงขั้นนี้จะไม่ต่างกับขั้นก่อน แต่จะสามารถใช้ได้พร้อมกัน แต่ผู้ที่ฝึกมาถึงขั้นนี้จะมีโอกาศที่ร่างของตัวเองจะเริ่มไม่ปกติ)
อสูรสงครามขั้น 1-9 (ความเปลี่ยนแปลงจะเริ่มชัดเจนขึ้น)
ราชันย์อสูรสงครามขั้น 1-9
เทพอสูรสงครามขั้น 1-9 (เมื่อผู้ฝึกมาถึงระดับนี้ จะมิอาจกลับเป็นคนธรรมดาได้อีก จะกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าเทพเจ้าก็ย่อมได้)
ลำดับขั้นการฝึกของนักเวทย์ทั้ง 9 ระดับ (จะไม่ต่างกับขั้นการฝึกของนักรบ...แต่วิธีเพิ่มระดับจะง่ายกว่า)
ผู้สัมผัสเวทย์ธาตุขั้น 1-9
นักเวทย์ธาตุฝึกหัดขั้น 1-9
นักเวทย์ชำนาญธาตุขั้น 1-9
ผู้ชำนาญเวทย์ธาตุขั้น 1-9
ผู้ชำนาญธาตุมนตราขั้น 1-9 (ความต่างของนักเวทย์ขั้นนี้คือจะสามารถประสานท่าโจมตีกับนักรบอสูรที่อยู่ระดับเดียวกันได้)
เซียนมนตราขั้น 1-9 (จะสามารถประสานร่างของสัตว์อสูรสองตัวให้กลายเป็นตัวใหม่ๆ ขึ้นมาได้เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตนและสามารถอัญเชิญออกมาสู้ได้ แต่ความสามารถนี้จะเฉพาะคนเท่านั้น)
เซียนธาตุมนตราขั้น 1-9 (จะดูดซับมีสัตว์อสูรตัวที่สามถึงสี่ได้และความสามารถจะคล้ายกับตอนอยู่ระดับเซียนมนตรา แต่ความสามารถก็ยังคงเฉพาะคน)
ราชันย์ธาตุมนตราขั้น 1-9
เทพเซียนธาตุมนตราขั้น 1-9
ระดับสัตอสูร (หน่วยความแข็งแกร่งคือ หน่วย , สิบ , ร้อย , พัน , หมื่น , แสน , ล้าน)
5-10 ปี (ห้าถึงสิบปี = ระดับต่ำ)
10-100 ปี (สิบถึงหนึ่งร้อยปี =ระดับกลาง)
100-1,000 ปี (หนึ่งร้อยถึงหนึ่งพันปี = ระดับสูง)
1,000-10,000 ปี (หนึ่งพันถึงหมื่นปี = ระดับสูงสุด)
10,000-100,000 ปี (หนึ่งหมื่นปีถึงหนึ่งแสงปี = ระดับโบราณ)
100,000-1,000000 ปี (หนึ่งแสนถึงหนึ่งล้านปี = ระดับเทวะ)
ระดับยุทธภัณฑ์ อาวุธ เกราะและอุปกรณ์เวทย์
ธรรมดา (ต่ำ) , กลาง , สูง , สูงสุด , โบราณ , เทวะ
.
ความแตกต่างของ มนุษย์ มารและปีศาจ
ทั้งสามเผ่านั้นจะมีความเหมือนตรงขั้นการฝึก แต่มนุษย์นั้นอายุสั้นและอ่อนแอกว่ากว่ามารและปีศาจที่มีพละกำลังและพลังเวทย์ตั้งแต่เกิด มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นอย่างมากก็สามารถไปถึงแค่ขั้นพลทหารอสูรเท่านั้น ส่วนลำดับขึ้นต่อไปนั้นจะค่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ จนมีมนุษย์น้อยคนนักที่จะไปถึง ส่วนมารคือเหล่ามนุษย์ที่สามารถปรับสภาพตัวเองได้ดีกว่ามนุษย์ อาทิเช่น หากเกิดในที่ๆ หนาวเย็นตั้งแต่เกิด ก็จะสามารถอยู่ได้โดยไม่ต่างกับอยู่ที่อุ่นๆ ส่วนปีศาจนั้นจะเกิดจากสายเหลือของมนุษย์และสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาได้มีลูกกันและจะได้รับพลังของสัตว์อสูรมาเกิด
.
.
.
.
.
(อะแฮ่ม...อะนี้เป็นนิยายที่กระผมได้สร้างขึ้นเพื่อความบังเทิงเท่านั้น ส่วนชื่อตัวละครต่างๆจะอิงชื่อจากวรรณกรรมสามก๊ก และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเสริมแต่งตัวละครที่สร้างเองเข้าไป ส่วนสถานที่ต่างๆ เพศหรืออุปนิสัยตัวละครจะเป็นการจินตนาการของผมเองนะครับ ใครที่เป็นแฟนสามก๊กแบบประวัติศาสตร์จ๋า แนะนำให้ถอดสมองทิ้ง ถ้าไม่ชอบก็ไม่ห้ามนะครับ แต่ไม่ดราม่ากันนะ และผมถ้าว่างก็จะแวะมาอัพนะครับ พอดีผมมีงานนิยายในเว็บ Dek-D อยู่แล้ว ส่วนข้อมูลอันนี้ขอตัวไป่านนิยายแนวจีโบราณกับพวกแนวแบบบ่มเพาะพลังก่อนนะครับ เสร็จแล้วจะมาอัพข้อมูลให้ และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะผมเป็นนักเขียนมือใหม่ สอง...อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ อย่าคาดหวังหาเหตุผลนะครับ)