วิรุณห์เวฬา (จบแล้ว)
14
ตอน
6.46K
เข้าชม
26
ถูกใจ
4
ความคิดเห็น
30
เพิ่มลงคลัง

บทนำ  

 

สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี 

แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม 

เป็นนัยนำวาที สมรแม่ มาแม 

แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอร  

 

เสียงเห่เครื่องหวานพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถูกขับโดยเด็กมัธยมที่มาออกร้านตั้งซุ้มขายขนมหวานและนำวงดนตรีไทยมาร่วมบรรเลงเพื่อสร้างบรรยากาศในงานโอทอปประจำปีของจังหวัด ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไขว่ไปมาวุ่นวาย บ้างต่อราคาเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าที่ตนถูกใจ บ้างเอ่ยขอชิมอาหารและขนมมากมายที่มาออกร้าน บ้างเอ่ยแซวแม่ค้าทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กที่พร้อมใจกันแต่งกายย้อนยุคด้วยชุดไทยโบราณหลากสีสันต์ดูงดงามสบายตา  

สาวใหญ่สาวน้อยนุ่งเกาะอกหมิ่นเหม่น่าหวาดเสียว แต่กลับดูไม่โป๊ ไม่อนาจารย์ บ้างก็ห่มสไบเฉียงพาดบ่ากับผ้าถุงที่จับจีบหน้านางอย่างบรรจง เช่นเดียวกับเจ้าของร้านวิฬาร์ ร้านขนมหวานมีชื่อของจังหวัดที่เด็กวัยรุ่นนิยมมาอุดหนุนกันเป็นจำนวนมาก เพราะเจ้าของร้านเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ที่เป็นเด็กยุคใหม่แต่มีหัวอนุรักษ์  

เวฬา เจ้าของร้านคนปัจจุบันลงทุนไปเรียนทำอาหารที่สถาบัน BHMS Culinary Academy ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แล้วกลับเปิดร้านที่จังหวัดเล็กๆ ที่บ้านเกิด ต่อยอดธุรกิจของครอบครัว แต่ด้วยความที่หญิงสาวนำขนมไทยโบราณมาปรับปรุงหน้าตา แต่ยังคงรสชาติแบบไทยแท้เอาไว้ เว้นแต่ความหวานที่ถูกปรับสูตรให้หวานน้อยเพื่อตอบโจทย์เทรนรักสุขภาพในปัจจุบัน ทำให้ขนมของร้านเธอเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก  

ขนมหวานภายใต้แบรนด์วิฬาร์มักถูกสั่งเป็นขนมสำหรับจัดเลี้ยงตามงานสัมนา งานเลี้ยงต่างๆ ตามโรงแรมหรูในจังหวัด หรือแม้แต่ถูกสั่งเป็นขนมสำหรับพิธีสำคัญๆ ต่างๆ เช่นงานแต่ง งานเปิดร้าน หรืองานบวงสรวงโบราณสถานต่างๆ ของจังหวัด  

เช่นเดียวกับงานนี้ ทางจังหวัดขอให้ร้าน วิฬาร์ มาออกร้านและเชิญให้ เวฬา เจ้าของร้านคนสวยใบหน้าแฉล้มรูปไข่ คิ้วสีน้ำตาลเข้มที่วันนี้ถูกวาดด้วยดินสอเขียนคิ้วจนได้รูปสวยรับกับใบหน้า ดวงตากลมโตถูกแต่งเติมสีสันพองามและวาดขอบตาจนคม ขนตายาวงอนถูกดัดจนโค้งอ่อนปัดมาสคาร่าบางๆ พอให้สีดูเข้มขึ้น แก้มอิ่มปัดบรัชออนจนเป็นสีชมพูระเรื่องามตา ริมฝีปากบางทาลิปสีชมพูอ่อน ตัดกับผ้าแถบมันวาวสีน้ำเงินเข้ม และโจงกระเบนลายงดงามอ่อนช้อย เมื่อดูโดยรวมแล้วประหนึ่งว่าหญิงสาวได้หลุดออกมาจากวรรณคดีสักเรื่อง เพียงแต่นางในวรรณคดีคนนี้สวมเครื่องประดับเพียงสร้อยทองเส้นเล็กพร้อมจี้ทองรูปนกฮูกตัวน้อยเพียงเส้นเดียวเท่านั้นเอง  

การสาธิตวิธีการทำขนมอาลัวที่ถูกออกแบบเป็นรูปดอกบัวหลวงบนเวทีจบลงอย่างเรียบร้อย เวฬาได้รับเสียงปรมมือและคำชื่นชมอย่างล้นหลามจากฝีมือการปั้นขนมแบบคล่องแคล่ว พานขนมอาลัวรูปดอกบัวหลวงถูกยกมาให้หญิงสาวถือให้แขกที่มาร่วมงานและช่างภาพจากสำนักข่าวต่างๆ ถ่ายภาพไว้ทำข่าว แสงแฟรชสาดส่องอย่งต่อเนื่องเข้าตาจนตาหญิงสาวเริ่มพร่า  

“ขอบคุณพี่ๆ นักข่าว และแขกทุกท่านนะครับ แต่ผมคงต้องขอตัวน้องไปก่อน พอดีมีออเดอร์เข้ามาครับ” เสียงชายหนุ่มรูปร่างสันทัด ใบหน้าละม้ายกับหญิงสาวที่ถือพานขนมเอ่ยปากขอตัวกับสื่อมวลชนทั้งหลาย ก่อนที่มือหน้าจะโอบเอวหญิงสาวพาเดินหลบนักข่าวไปที่เต้นท์ด้านหลังเวที  

“เป็นไง เหนื่อยมั๊ย” ริมฝีปากหน้าเอ่ยเย้า พร้อมขันน้ำเปล่าลอยดอกมะลิเย็นเฉียบอย่างที่หญิงสาวชื่นชอบยื่นมาตรงหน้าอย่างเอาใจ 

“ขอบใจนะรุน เมื่อแก้มจะแย่ ปั้นขนมยังไม่เหนื่อยเท่าปั้นยิ้มเลย” หญิงสาวบ่นอุบ  

เวหาพี่ชายฝาแฝดของเวฬา หัวเราะขำน้องสาวที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละเป็นคนออกไอเดียทำขนมโชว์เพื่อเรียกเรทติ้งให้ขนมของแบรนด์วิฬาร์ 

“ว่าแต่มีออเดอร์ไรเข้ามาเหรอ” จิบน้ำลอยดอกมะลิเย็นชื่นใจเรียบร้อย ก็หันไปถามพี่ชายต่อ  

“ขนมมงคล 9 อย่าง สำหรับใช้ในงานแต่งช่วงพิธีเช้าของลูกสาวคุณนายน้ำเพชร เห็นว่าลูกสาวบ่นว่าไม่อยากได้แบบเชยๆ โบราณๆ เลยให้มาสั่งที่เรา โบราณไม่ดียังไงหว่า” เวหาแจ้งรายละเอียดกับน้องสาว แต่ก็ไม่วายบ่นความเรื่องมากของว่าที่เจ้าสาวทายาทเจ้าของโรงแรมห้าดาวชื่อดังของจังหวัด 

“ระบุมาเองด้วยใช่มั๊ยว่าต้องเป็นเราทำเท่านั้น” หญิงสาวเดา  

“ช่าย แสนรู้นะเราอ่ะ” พี่ชายตอบลาดเสียงยาว เอ่ยแซวน้องสาวฝาแฝดขำๆ แต่เจ้าตัวไม่ขำด้วย  

เพี้ย!!! ฝ่ามือเรียวฟาดเข้าเต็มแรงที่แขนพี่ชาย จะไม้ให้เธอเดาถูกได้อย่างไร ในเมื่อพลอยไพลิน ลูกสาวคุณนายน้ำเพชรเป็นเพื่อนร่วมรุ่น จะเรียกว่าเพื่อนก็คงไม่ถูก ต้องเรียกว่า เจ้ากรรมนายเวร ของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ผลการเรียนโดดเด่นเสมอกัน แข่งกันเป็นที่ 1 ของห้องมาตลอด แถมรุ่นพี่ที่ยัยพลอยไพลินแอบปลื้มดันมาจีบเธอแทน ทำให้ความเกลียดชังเพิ่มขึ้นทวีคูณ มาเพลาๆ ไปบ้างก็ช่วงเข้ามหาลัยฯ ที่เวฬาเลือกไปเรียนทำอาหารที่สวิสต์ แต่พลอยไพลินไปเรียนนิเทศในมหาลัยเอกชนที่เมืองหลวงแทน จนกระทั่งเธอกลับมาสืบทอดกิจการของครอบครัว ทำให้ต้องวนกลับมาจองเวรกันอีกอีกรอบ  

“คงอยากอวดแหละ ว่าตัวหาหลัวได้แล้ว แต่เค้ายังไม่มีอ่ะดิ” เวฬาเอ่ยเซ็งๆ  

“เอ้า ก็วันๆ ขลุกอยู่แต่ในครัว ผู้ชายที่ไหนจะเข้าถึงฟระ”  

“อย่ามา ตัวทำตาเขียวใส่ผู้ชายที่เข้าใกล้เค้าทุกคน ใครมันจะกล้ามาจีบ ขนาดงานนี้ยังตามมาคุมแจ งานการไม่รู้จักทำ” เจ้าตัวบ่นไม่จริงจังนัก เอาเข้าจริงเวฬาไม่รู้สึกเดือดร้อนสักเท่าไหร่ที่ต้องอยู่บนคาน เพราะทุกวันนี้เธอมีความสุขกับการทำขนมขาย การสอนทำขนมให้คนที่ยอมจ่ายเงินและเดินทางมาเรียนทำขนมไทย หรือแม้แต่การทำกับข้าวกับปลาเลี้ยงคนในครอบครัววิฬาร์ทุกคน เมื่อไหร่อยากเที่ยวก็ได้เที่ยว อยากกินอะไรก็ได้กิน นี่ต่างหากความสุขที่แท้จริงของเธอ 

“เจ้ … เจ้เว” เสียงเด็กหนุ่มวัยรุ่นตะโกนเรียกดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งกระหืดกระหอบมาถึง  

“อะไรของเอ็งวะ ไอ้เกื้อ ตะโกนโหวกเหวกดังลั่น” เวหาเอ็ดเด็กหนุ่ม  

“รถเจ้อ่ะ ... ไปที่รถ … เจ้...ด่วนเลย” เด็กหนุ่มชื่อเกื้อพูดไปหอบไป  

“มีใคร ใครทำไรรถข้า” หญิงสาวหันขวับไปถาม  

“เมื่อกี้มีลมพัดแรงมากเจ้ กิ่งต้นโพธิ์หักลงมาบนหลังคารถ ยุบเลย ผมเลยรีบวิ่งมาบอกเนี่ย” เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปยังทิศที่เวฬาจอดรถไว้ เจ้าตัวไม่ถามต่อขายาวๆ ออกวิ่งไปยังที่จอกรถทันที  

ที่จอดรถที่ทางผู้จัดงานจัดไว้ให้เธออยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ริมแม่น้ำ เพื่อให้สะดวกต่อการเข้าออก และเธอเห็นว่าตรงนั้นร่มดี “วันนี้อากาศดี ฟ้าใสแจ๋ว ลมแรงมาจากไหน โถ... เจ้ามะนาวอย่าเป็นอะไรไปนะ” เวฬาคิดไปวิ่งไป  

สภาพที่เห็นคือ กิ่งโพธิ์กิ่งใหญ่ขนาดเท่าท่อนขาผู้ชายกำยำสักคนวางพาดอยู่บนหลังคารถที่ยุบตัวตามขนาดของกิ่งโพธิ์ ใบโพธิ์ยังเขียวสด ไม่น่าเป็นไปได้ว่าจะหักโค่นลงมาเพียงแค่ลมพัดแรง มันต้องแรงขนาดไหนกันถึงทำเอากิ่งโพธิ์ใหญ่ขนาดนี้หักลงมาได้  

“เจ้ เรียกประกันมั๊ย” เด็กหนุ่มชื่อเกื้อถาม เวฬาหันไปมองหน้าลูกน้องแบบงงๆ วิ่งตามมาตอนไหนฟระ  

“เออ เบอร์อยู่ในรถ ไปเอาก่อน” หญิงสาวเดินอ้อมไปทางฝั่งคนนั่ง หยิบรีโมทรถที่ใส่ไว้ตรงช่องกระเป๋าที่สั่งทำพิเศษตรงช่วงเอวของโจงกระเบนออกมากดเปิด สัญญาณดังให้รู้ว่าระบบไฟฟ้าของรถยังใช้ได้ดี แต่ประตูไม่สามารถเปิดได้เนื่องจากโครงสร้างบุบยุบลงมา เวฬาถอนหายใจอย่างเซ็ง หยิบโทรศัพท์ที่เหน็บเอวไว้ออกมากดปลดล็อค ตั้งใจจะค้นหาเบอร์โทรบริษัทประกันจากในเน็ตแทน  

ลมพัดมาอีกครั้ง คราวนี้กรรโชคมาวูบเดียวค่อนข้างแรงเอาการเหมือนลมบ้าหมู พัดเอากิ่งโพธิ์ที่อยู่บนหลังคารถเอียงมากระแทกหลังหญิงสาว ด้วยความที่เธอไม่ทันระวังเลยเซไปด้านหน้าตามแรงกระแทก เพียงสองสามก้าวปลายเท้าของเธอก็สัมผัสกับความว่างเปล่า ร่างบางลอยละลิ่วร่วงหล่นไปกระแทกกับพื้นที่ลาดชันแล้วกลิ้งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างต่อเนื่อง  

ตู้ม !!! เสียงร่างบางกระแทกผิวน้ำ และจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ ความเจ็บปวดรอบกายทวีคูณทำให้ไม่มีแรงที่จะขยับแขนพยุงตัวขึ้นบนผิวน้ำ เจ็บ อึดอัด ทรมาณ หายใจไม่ออก ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาก่อนที่ความรู้สึกรับรู้ทั้งมวลจะขาดหายไป   

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว