'มยุรี' หญิงสาวที่สวยสง่าสมชื่อของเธอ...
เขาว่าเวลานกยูงตัวผู้รำแพนหางก็เพื่อแสดงให้ตัวเมียเห็นถึงความสวยงามของขนมัน เพื่อให้ตัวเมียติดกับความงดงามนั้น
แล้วเธอล่ะ?...สำหรับเธอความงดงามของเธอมีไว้เพื่ออะไร
'เรวิยา' ผิดด้วยรึที่เธอจะรักกับใครสักคน ทำไมเธอต้องยอมสละความรักของตนเพื่อคนอื่นด้วย ในเมื่อเขารักเธอ...เธอรักตอบ มันก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่รึ...แล้วจะมาโทษว่าหล่อนทรยศได้อย่างไร!
'พัทธกร' ครั้งหนึ่ง...เขาเคยทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่เขาเรียกว่าเพื่อน...คนที่คุยได้ทุกเรื่อง...เขาเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นคนที่ร้ายกาจ ไม่สนใจว่าคนบนโลกนี้จะดีกับเธอมากแค่ไหน...เขาผิดที่มิอาจรับรักเธอได้
'วิษณุสรรค์' เขาชอบเล่นกับไฟ ยิ่งไฟที่มาจากความเกลียด...ความทะเยอยาน สิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันให้คนๆ หนึ่งทำในสิ่งที่เขาต้องการได้ แต่ไฟดวงนี้กลับช่างหอมหวานและเย้ายวนจนเขาต้องกระโจนลงไปในกองเพลิง...เพลิงที่เธอเป็นคนจุดขึ้นมา
รัก...
แค้น...
สองสิ่งที่มักมาคู่กัน...
หากริรักจงพึงเตรียมรับความเจ็บปวด...
หากเจ็บปวด...จงเปลี่ยนมันเป็นความแค้น ให้พลังความแค้นตอบสนองคนที่มันทำเราเจ็บ!
......................................................................................................................................
“อะไรที่มันพลาดไปในอดีตฉันไม่ยอมให้มันซ้ำรอยเดิมหรอก มยุรีคนใหม่ก็ต้องวิธีใหม่ๆ สิจ้ะ”
“แกหมายความว่าไง?”
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อย แสงไฟหน้ารถที่สวนทางมาทำให้ใบหน้าเฉี่ยวคมดูมีอำนาจอย่างหน้าประหลาด มัสลินรู้สึกคิดผิดที่ไปปลุกแม่เสือที่จำศีลให้ตื่นจากการหลับใหล สาบานได้ว่าถึงคอนโดจะรีบโทรเฉ่งแฝดสาวที่เอาเรื่องของอดีตเพื่อนรักมากระตุ้นต่อมด้านมืดของเพื่อนให้เผยออกมา
“ไม่ต้องห่วง ถ้าแม่นั่นไม่ยุ่งกับฉัน ฉันก็ไม่ทำอะไร” รอยยิ้มแบบนางมารร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีแดงสด ตอนนี้มยุรีดูไม่ต่างจากนางร้ายในละครที่กำลังคิดแผนการบางอย่างออก
“แต่ถ้าแม่นั้นล้ำเส้นฉันอีก...มันจะได้ลิ้มรสความเสียใจแบบที่ฉันเคยรู้สึกแน่!”
...................................................................................................................................