“…พสุธาเทียบ เคียงนภา คนจรจะหยิบยื่น
เหมันต์จะรับแสง กากเดนรับการปลดปล่อย
คนง่อยจะโลดเต้น ผู้ตาบอดจะสัมผัสการเบิก…
“ เจ้าคิดว่าอีกสักเท่าใดจนกว่าเวลาเหล่านั้นจะหวนกลับคืน…สำหรับข้าแล้ว ข้าเพียงจะจดจำทั้งสามสิ่งนี้
ภายไต้ห้วงความทรงจำอันเลือนลางของตัวข้า มันคงจะเลือนหายไปพร้อมกับตัวของข้าและพวกท่าน “
“…จะอย่างไรก็ดีควรไห้ทุกๆสรรพสิ่งดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น วิบัติแก่ผู้คนช่วงอายุไขเหล่านี้
ข้าหวังเพียงว่าพวกท่านจะสรรหาได้มาซึ่ง “มนุษย์ที่แท้จริง” ทุกๆสิ่งที่ท่านกับข้าเรียนรู้และประสบมา
ยังอีกไกลซึ่งเราจะไปถึง จงฟังและจารึกมันลงไปบนแผ่นดวงใจของพวกเจ้าและทุกๆชีวิต
“ เมื่อบั้นปลายนั้นจะมาถึง ต้นไม้จะไม่ผลิดอกออกผลหรืองอกเงยอีกต่อไป แต่จะเหี่ยวเฉาจนตาย
จงรอคอยต้นกล้าและผลใหม่จะงอกเงยและเบ่งบานขึ้นอีกครั้งเป็นแน่ ”
…มันจะกลายเป็นเรื่องเล่ากล่าวขาน และกลายเป็นตำนาน จวบจนนิทานกลายเป็นเทพนิยาย
แก่ลูกหลานทุกๆเผ่าพันธุ์สืบๆไปเป็นนิตย์…
…แคสเซียส…กล่าวไว้