ราชการลับ19กับดักจารชน
0
ตอน
401
เข้าชม
10
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

 

เกศรีมองใบหุ้นในมือนึกถึงโอกาสที่จะทำประโยชน์จากมันและต้องพยายามทำให้ลูกสาวเข้าใจให้ได้ว่าผลประโยชน์มหาศาลไม่ได้มาจากดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่พิมรามีอยู่4-5ล้านหรือรอเงินปันผลจากมาร์ตินแอนด์เคนในแต่ละปีเท่านั้น แต่มันต้องเข้ามาจัดการมีสิทธิ์มีส่วนในการบริหารบริษัทให้ได้กำไรมากขึ้นในแต่ละปี

           คู่แข่งการตลาดอย่างจาวิสแอนด์ดีนแม้จะครองส่วนแบ่งสินค้าผลิตภัณฑ์นมและเครื่องสำอางบางตัวเป็นผู้นำในตลาด แต่ในสองปีหลังผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียคิมเบอร์ลี่ แอนเดอร์สันไม่ได้มาประเทศไทยเลยปล่อยให้ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดประจำประเทศไทยนายสนิท ถนอมส่วนวงศ์บริหารไปคนเดียว เกศรียอมรับว่าจาวิสฯโชคดีมากที่ได้นายสนิทมาดูแลบริษัทฯในไทย เพราะเขาขยัน มีความคิดสร้างสรรค์ใหม่อยู่เสมอและใช้มันเป็นประโยชน์ มีการตัดสินใจยอดเยี่ยมดีกว่าผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดนายฉัตรชัย สกุลรัตนชัยที่มาร์ตินแอนด์เคน

           เธอต้องสู้กับจาวิสฯให้ได้และต้องรู้จุดอ่อนว่าอยู่ที่ไหน อย่างแรกโรงงานที่ป้อนภาชนะใส่นมเปรี้ยวหรือขวดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆของจาวิสฯมาจากแหล่งไหน เมื่อรู้ที่มาแล้วมีสัญญาทำกันอย่างไร

           นอกจากนั้นเกศรียังใช้ตัวแทนชื่อนายเดชา อุทินซึ่งไปจ้างวานนายโกเฮง แซ่เฮงให้ผลิตครีมเลียนแบบครีมรกแกะที่ขายดีจากนิวซีแลนด์โดยเลียนแบบรูปลักษณ์และเครื่องหมายผลิตภัณฑ์ให้คล้ายคลึงกับของที่ผลิตจากนิวซีแลนด์และที่จาวิสแอนด์ดีนเป็นผู้จัดจำหน่าย

           โรงงานผลิตภาชนะใส่นมเปรี้ยวของจาวิสฯขณะนั้นมี2โรง โรงงานหนึ่งสั่งมาใช้เองแต่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ จึงไปจ้างอีกโรงงานหนึ่งให้ผลิตให้เพิ่มเติมมีสัญญาจะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้

           เกศรีติดต่อให้ยุติสัญญาและไม่ต่อสัญญาโรงงานผลิตภาชนะใส่นมเปรี้ยวให้จาวิสฯในปีต่อไปและขอให้โรงงานดังกล่าวทำสัญญาผูกขาด5ปีผลิตภาชนะสำหรับนมเปรี้ยวของมาร์ตินแอนด์เคนแทน

           เกศรีเห็นว่านี่เป็นเรื่องปรกติทางการแข่งขันเสรีที่ต้องได้เปรียบกันบ้างไม่มีเรื่องสกปรกและไม่ถือว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมใดๆทั้งสิ้นสนิท ถนอมส่วนวงศ์คิดแล้วคิดอีก เขาเห็นลู่ทางในการต่อสู้ แต่ก่อนจะตัดสินใจเขานำข้อมูลที่เตรียมไว้อย่างดี ขึ้นเครื่องบินไปยังสำนักงานจาวิสแอนด์ดีนที่โอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ ไม่ได้มาพบคิมเบอร์ลี่ แต่ตรงมาหาพอล อิลลิงเวิล์ธรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดเพื่อหารือและขออนุมัติแผน

พอลเข้าใจสถานการณ์ดี แต่เขากล่าวว่าเรื่องในประเทศไทยคนที่รู้ดีที่สุดและเป็นยุทธศาสตร์การตลาดมือฉมังที่สุดคือคิมเบอร์ลี่

“สนิท..คุณก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคิมเบอร์ลี่แค่ไอครั้งเดียว คู่แข่งก็ถอยไปสองก้าวแล้ว เธอจามอีกทีคู่แข่งก็หายไปจากตลาดทั้งหมด ผมว่าคุณได้คำตอบแล้วนะว่าจะปรึกษาใคร” 

สนิทเข้าเยี่ยมคิมที่บ้านพบว่าน้ำหนักเธอดีขึ้นเพราะเธอรับประทานอาหารได้ดีขึ้น หน้าตาสดใสมีรอยยิ้มให้สนิทเชื่อว่าเธอหายดีกว่าเดิม

พอเริ่มคุยเรื่องอาการไม่สบายของเธอ คิมโบกมือห้าม บอกสั้นๆ

“ฉันยังอยู่อีกนาน”

คิมถามว่าสนิทบินมาไกลน่าจะมีเรื่องสำคัญไม่เช่นนั้นคงไม่มาหาเธอ สนิทยอมรับว่าทางเมืองไทยมีคนพยายามบ่อนทำลายบริษัทฯอีกแล้ว เขาเชื่อว่าคงเป็นศัตรูรายเดิมที่ไม่ยอมเลิกรา

“สัญญาโรงงานที่ผลิตขวดใส่นมเปรี้ยวของเราสิ้นสุดปีนี้จะต่อไปอีก5ปีแต่อยู่ๆโรงงานที่ไม่เคยมีปัญหากับเราปฏิเสธไม่ต่อสัญญาอีก เราสืบได้ว่าบริษัทมาร์ตินแอนด์เคนได้ไปผูกขาดทำสัญญาล่วงหน้าไว้ก่อน5ปี ทำไว้เพียงเจ้าเดียวห้ามผลิตให้รายอื่นๆอีกด้วย

“เรื่องนี้เท่านั้นใช่ไหม?”คิมถาม

“ครับ”

“เรามีแผนสำรองไหม”

“มีครับ โรงงานอื่นก็มี แต่เขาผลิตของเขาและให้ยี่ห้ออื่น เป็นยี่ห้อในตลาดรองจากเรา

และไม่ใช่ยี่ห้อของมาร์ตินฯ”

“บริษัทที่ว่านี้ฐานะการเงินเป็นอย่างไร?”

“มีเงินทุนไม่มากหุ้นส่วนอยู่ในครอบครัวเดียวกันหมด”สนิทให้ข้อมูล เขาทำการบ้านมาดี

“นอกจากยี่ห้อนี้มียี่ห้อนมเปรี้ยวอื่นอีกไหม”คิมซักต่อไปอีก

“มีรายเล็กๆอีกสองสามรายครับใช้ทุนไม่มาก”

“คุณสนิทคุณมีข้อมูลหมดแล้วและละเอียดด้วย ฉันคิดว่าคุณจะต้องคิดเหมือนฉันแน่”

“เอาละสนิท..เรารู้ใช่ไหมว่าเราจะต้องทำอย่างไรใช่ไหม?”

คิมเบอร์ลี่แน่ใจว่าสนิทกับเธอใจตรงกัน

“ครับ..เราเข้าเท็คโอเว้อร์ 2 บริษัทนั้นจะได้ทั้งโรงงานและนมเปรี้ยวถึง 2 ยี่ห้อ เราช่วยทำตลาดควบคู่กันไปกับ แบรนด์ของเรา แค่นี้มาร์ตินฯก็แย่ เกือบทรุดแล้วครับ”

สนิทดีใจที่คิมเห็นด้วยกับแผนของเขา

“คุณกลับไปทำตามนี้ ฉันเชื่อว่ามันแก้ปัญหาได้และจะดีกับจาวิสฯด้วยเรามีทุนเหลือเฟือสำหรับงานนี้.....ขอบคุณนะสนิทที่มาเยี่ยม..อ้อฉันอยากรู้ว่าตุลย์ยังมานั่งดื่มกาแฟกับคุณที่สำนักงานหรือเปล่า”

คิมไม่ลืมตุลย์แน่นอน เธอต้องได้ข้อมูลจากสนิทอีกทางหนึ่ง

“ตุลย์มาทุกวันอังคารบ่ายๆครับ เขาพูดถึงนายเสมอ”

“อีกอย่างนะ อย่าเรียกฉันว่านายอีกเลยขอร้องละ”

“ครับนาย..โอ๊ะขอโทษครับ”

“คุณตุลย์เธอ ยังเดินไม่ได้เต็มที่ ขาซ้ายที่หักยังไม่แข็งแรงต้องใช้ไม้เท้ายันเวลาเดิน เวลานั่งก็ต้องค่อยๆชะลอย่อตัวลงมาครับ แต่หน้าตาแจ่มใส ทุกครั้งจะถามว่าเมื่อไรคุณจะมาตรวจตลาดเมืองไทยอีก เห็นว่าคุณไม่มานานแล้ว”

“ครั้งหน้าถ้าพบตุลย์ สนิทบอกไปว่า ถ้าฉันหายพอเดินทางได้ ฉันอาจไปเมืองไทยนะ”คิมพูดจริงๆด้วยความหวัง

สนิทลากลับกรุงเทพฯด้วยความเบาใจ เขาคิดเหมือนเจ้านาย เรื่องการควบรวมกิจการบริษัทเล็กๆอีกสองบริษัทมันหมายถึงจาวิสฯประเทศไทยจะมีถึง3โรงงาน มีกำลังการผลิตขวดพลาสติคเหลือเฟือและพอเพียงสำหรับนมเปรี้ยวพร้อมดื่มของจาวิสฯและยังมีนมเปรี้ยวพร้อมดื่มอีก2ยี่ห้อในตลาดรองที่จะได้รับการส่งเสริมและโฆษณายกระดับอีกด้วย

กลางปีพ.ศ.2538ตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มของจาวิสแอนด์ดีนรวมอีก2ยี่ห้อมีส่วนแบ่งในตลาด78เปอร์เซ็นต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงขึ้นเป็นรายอาทิตย์ นักการตลาดเชื่อว่าในเดือนสิงหาคมส่วนแบ่งในตลาดจะถึง80เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างต่ำ 

มาร์ตินแอนด์เคนกลายเป็นผู้มีสินค้าประเภทนมเปรี้ยวพร้อมดื่มมีส่วนแบ่งในตลาดเพียง12เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นนมเปรี้ยวพร้อมดื่มจากต่างประเภทที่มีลูกค้าเฉพาะที่มีคุณภาพสูงไม่หวังขายได้ในปริมาณมาก 

การผูกขาดโรงงานผลิตภาชนะใส่นมเปรี้ยวพร้อมดื่มแทบไม่มีความหมายเนื่องจากผลิตต่ำกว่าปริมาณความต้องการในตลาด

เกศรีไม่มีความหมายต่อบริษัทแม้แต่น้อย คำพยากรณ์เรื่องความสำเร็จในการขยายตัวของตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มที่คุยไว้ว่าเป็นโครงการใหญ่โตในบอร์ดครั้งที่แล้วนอกจากไม่เป็นจริง สถานการณ์กลับแย่ลงไปอีก

เวลานี้กรรมการในบอร์ดไม่แต่เมินเฉย แต่ไม่เชื่อในโครงการใดๆที่เธอเสนออีกเลย

แม้แต่ญาติในบอร์ดมาประชุมยังไม่ทักทายทายเธอด้วยซ้ำ

อภิรดีหลบหน้าเกศรีเมื่อเธอไปเยี่ยมฉัตรชัยในสำนักงานเพื่อชวนเขาไปรับประทานอาหารจีนใกล้ที่ทำงาน

และมันเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่นายฉัตรชัย สกุลรัตนชัยปฏิเสธบอกเธอว่าเขาไม่ว่างที่จะไปรับประทานอาหารกลางวันกับเธอได้

เกศรีเพิ่งลิ้มรสกับความโดดเดี่ยวที่มีจริงในครั้งนี้เอง 

                       .....................................................

...........าสรินนัดเปด์รามและซาเละมาพบที่โรงแรมโอเรียนเต็ลเพื่อหารือเรื่องทำแผนเพื่อจะไปดูลาดเลาบ้านอยู่อาศัยของนายสิทธิเดช บุณฑริกาผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติโดยให้สองวัจจะจัดหารถยนต์ไว้ใช้เพื่อการนี้

           ขณะเดียวกันให้หาที่พักให้เด็ก10คนที่จะออกจากประเทศไทยไปเตหะรานเพื่อเดินทางไปฝึกอาวุธที่ประเทศซีเรียหรือประเทศเลบานอนต่อไป

           เปด์รามไม่เห็นด้วยเรื่องรถสถานทูตไม่ควรเอาสิทธิการทูตมาเกี่ยวข้อง นาสรินบอกว่าแก้ปัญหาง่ายมากให้เปลี่ยนทะเบียนป้ายรถทูต เธอนึกในใจว่ากองทัพฝึกทหารได้โง่เหลือเกิน

           กว่าจะหาบ้านสิทธิเดชได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร นาสรินถามสถานทูตซึ่งติดต่อสำนักข่าวหนึ่งที่ให้ที่อยู่คลุมเคลือมา

           บ้านสิทธิเดชในสายตาของนาสรินกว้างขวางตัวบ้านอยู่ลึกเข้าไปจากสนามหน้าบ้านมีสุนัขฝรั่งตัวใหญ่วิ่งเล่นอยู่4-5ตัว

           ซาเละถ่ายรูปทั้งสนามและเสาไฟที่ติดตั้งสปอร์ตไลท์และกล้องวงจรปิดหลายตัว ขณะที่เปด์รามวาดภาพร่างตัวบ้านอย่างละเอียด มีเด็กคนใช้แอบจ้องดูอย่างสงสัยพร้อมจดข้อความลงในแผ่นกระดาษ

           หลังจากใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมง คณะจารชนจากอิหร่านก็กลับมาถึงโอเรียนเต็ลเพื่อรับประทานอาหารแล้วนาสรินก็พา2วัจจะไปหารือในห้องพักของเธอบนโรงแรม

“มีทั้งหมาและกล้องรอบบ้านแถมยังมีระบบเตือนภัยอีกต่างหาก”ซาเละรายงาน

“แน่ละคนทำงานระดับสูงในหน่วยงานข่าวกรองเขาต้องรักษาความปลอดภัยสูงสุด”นาสรินบอกไม่รู้สึกอะไร

...............เย็นวันนั้นเด็กจอมคนรับใช้จากอำเภอราษีไศลจังหวัดศรีสะเกษอยู่บ้านนี้มา8ปีแล้วชี้แจงให้คุณปิติมาทราบว่ามีผู้ชาย2คนหญิง1คนแปลกหน้าทั้งหมดมาด้อมๆมองๆถ่ายรูปและวาดรูปอยู่นอกบ้านเกือบหนึ่งชั่วโมงจนขับรถหายออกไปจากซอย

สิทธิเดชซึ่งติดประชุมและงานดื่มกาแฟหลังการประชุมกลับบ้านตอนค่ำทราบเรื่องจากภรรยาและรายละเอียดที่เด็กจดไว้ในกระดาษ เขาโทรไปบอกเอกรินทร์เพื่อขอคำปรึกษาจากคณะโคซิโอ

“ผมอยากจับตัวเป็นๆผู้บุกรุกเข้าบ้านหัวหน้าครับ” เอกรินทร์เชื่อว่าถ้าวางคนไว้ดีก็ไม่น่ามีปัญหา

“ดีเลย...ผมจะได้ปล่อยข่าวเรื่องเหรียญ”สิทธิเดชมีแผนของเขาเอง

ต่างฝ่ายต่างมีแผน ต่างมีคนและมีความสามารถ เพียงแต่จะเริ่มภารกิจเมื่อไรเท่านั้น

                                   ..........................................

           ายในห้องพักโรงแรมนาสรินถอดผ้าเหลือเพียงชุดชั้นใน เธอเริ่มออกกำลังกายด้วยการบริหารร่างกายเบาๆเพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว แกว่งแขน เตะขาสูงและวิดพื้นร้อยครั้งตามความเคยชิน ชกลมทั้งเตะและศอกในรูปแบบมวยไทยที่เคยเรียนมาในค่ายมวยแห่งหนึ่งที่ชานเมืองกรุงเทพฯ

           เมื่อเหงื่อออกเต็มตัว เธอปลดตะขอยกทรงถอดกางเกงชั้นใน ขึ้นลงไปนอนบนพื้นยกขาออกกำลังอีก20นาที หลับตาอยู่พักหนึ่งจึงลุกขึ้นไปเปิดน้ำฝักบัวทำความสะอาดตัวทุกขุมขนและเปิดน้ำร้อนผสมน้ำเย็นเพียงเล็กน้อยในอ่างน้ำร้อนจนควันขึ้น

           นาสรินเข้าไปอาบน้ำเย็นในน้ำฝักบัวอีกครั้งแล้วเดินลงไปแช่น้ำในอ่าง อุทานออกมานิดนิดหนึ่ง น้ำร้อนเกินไป แต่เธอยังพอทน เธอนอนนิ่งอยู่นานน้ำปริ่มตัวเหลือเพียงปทุมถันสองข้างที่อยู่พ้นน้ำ เธอชำระร่างกายด้วยเจลสบู่ จนร่างกายปรับตัวได้กับอุณหภูมิในอ่างน้ำหลังจากนั้นเธอลุกขึ้นเห็นร่างกายเปลือยเปล่ามีกล้ามเนื้อทรวดทรงองค์เอวเท่านั้นที่เป็นหญิงเธอเดินเข้าห้องน้ำฝักบัวเปิดน้ำเย็นจัดน้ำพุ่งแรงรดทั่วตัวเป็นเวลานาน

           นาสรินแต่งตัวและทาปากเพียงเบาบางสวมเสื้อเชิร์ตสีฟ้าลายดอกไม้สีฟ้าอ่อน กางเกงสีน้ำเงินกรมท่าทรงกระบอก กระเป๋าหนังสะพายสีน้ำตาลอ่อนกดลิฟท์ลงมาทานอาหารประเภทผักสลัดรองท้องเบาๆและดื่มน้ำผลไม้

           เธอวางแผนเข้าบ้านสิทธิเดชไว้ในหัว เชื่อว่ามันรอบคอบแล้ว

           เพื่อไม่ให้ผิดพลาด เธอจะทำงานนี้ตามลำพัง ให้สองวัจจะคอยอยู่ห่างๆนอกบ้านอยู่ในรถ

และติดเครื่องรอห่างจากตัวบ้านอยู่เกือบนอกซอยปิดไฟปิดวิทยุในรถ

เธอจะเข้าไปในบ้านก่อนตีสามเล็กน้อยเชื่อว่าทุกคนในบ้านหลับสนิท

...............................ก่อนลงมือทำงานชิ้นนี้ เธอได้รับรายงานว่าเด็ก10คนขึ้นมาจากปัตตานี พวกเขาอยู่กรุงเทพฯเรียบร้อยแล้ว แต่เปด์รามและซาเละทำให้เธอผิดหวังที่หาที่พักให้เด็กไม่ได้จนต้องไปพึ่งสถานทูตให้ไปรวมตัวกันอยู่ในห้องรับรองแขก จนกว่าจะหาที่พักเหมาะสมได้

           เด็กจะอยู่กรุงเทพฯสองอาทิตย์เพื่อเตรียมเอกสารเดินทางและได้รับการยืนยันเอกลักษณ์ตัวตนจากเตหะรานจึงเดินทางไปได้ หากไม่ได้การยืนยันเด็กอาจรอนานและอาจต้องรออยู่ในกรุงเทพฯเป็นเดือน

           นาสรินมาพบเด็ก ยอมรับว่าทุกคนกระตือรือร้นที่จะเดินทางไปปฏิบัติตามพันธะสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้า

“อาจเป็นเด็กไปหน่อย แต่ก็ดีจะได้เรียนรู้เร็ว”นาสรินบอกกับเปด์รามและซาเละทั้งสองคนเห็นด้วย

ในการเตรียมการเข้าบ้านผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ นาสรินเตรียมอุปกรณ์ต่างๆเช่นพวกอิเล็กโทรนิคและชุดไฟฟ้าที่เป็นระบบทันสมัยที่สุด

นาสรินถอดชิ้นส่วนไฟฟ้าที่หามาเพื่อศึกษาระบบไฟดูส่วนเชื่อมต่อ ทดลองใช้งานดูผลต่างๆ ส่วนที่เป็นอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคเธอศึกษาผังวงอย่างละเอียด เธอใช้แว่นขยายดูทางเดินไฟฟ้าหาทางลัดวงจรและวิธีทำให้เกิดการหยุดทำงานฯลฯ

เมื่อเรียนรู้การตัดระบบไฟฟ้าและการทำงานในผังวงจรอีเล็คโทรนิคแล้ว เธอคิดว่ามันช่วยให้งานนี้คงง่ายขึ้น

เวลาลงมือปฏิบัติการเท่านั้นที่ดูเหมือนจะยากที่สุด

เปด์รามและซาเละต้องทำหน้าที่ไปจับเวลาการซ้อมเข้าออกเข้าจากบ้านของนายผู้หญิงและนายผู้ชายตามคำสั่งของนาสรินทุกวันเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่บ้านสิทธิเดช

ได้ความว่านายผู้หญิงออกนอกบ้านอาทิตย์ละ2-3วันคงไปธุระหาเพื่อนเพราะบางครั้งเพื่อนมาหาถึงบ้าน ส่วนผู้ชายไปทำงานตั้งแต่6โมงเช้ากลับเป็นเวลาถึงบ้านไม่เกิน1ทุ่มเกือบทุกวันยกเว้นบางวันกลับ3-4ทุ่มอาจจะมีงานเลี้ยงกลางคืนเอาแน่ไม่ได้

ที่แน่นอนที่สุด ทุกคนเข้านอนอย่างช้า4ทุ่มและตื่นก่อน6โมงเช้าโดยเฉพาะนายผู้ชายตื่นตี5.30น.ทุกวันเพื่อไปทำงาน6โมงเช้า

เมื่อได้วันเวลาที่แน่นอนแล้ว นาสรินก็พร้อมที่จะเริ่มงาน สิ่งที่เธอเตรียมเพิ่มเติมคือคืออุปกรณ์ยิงลูกดอกยาสลบสำหรับสุนัข 5ดอก เครื่องปล่อยควันขนาดเล็กสำหรับใช้กับยาสลบชั่วคราว อุปกรณ์ตัดไฟระบบเบ็ดเสร็จและเครื่องทำลายวงจรอีเล็คโทรนิคที่ทันสมัย

.........................นาสรินเดินทางมาถึงหน้าบ้านสิทธิเดชตั้งแต่เวลาตีสองกว่าๆ แต่ยืนอยู่นอกบ้าน เธอแต่งชุดพรางตาสีดำทั้งตัว ใส่รองเท้ายางเก็บเสียง เป้ขนาดเล็กคาดหลังสีดำ ไฟฉายแรงสูงอันเล็กแบบพกพาสีดำสองด้าม เมื่อถึงเวลาตัดไฟปรากฏว่าไฟริมรั้วบางดวงไม่ดับ ทำให้นาสรินต้องวิ่งไปหลบบริเวณพุ่มไม้ใหญ่ใกล้สระน้ำ เธอพยายามตัดไฟอีกครั้งไม่เกิดผลเหมือนเดิม

           เธอเห็นสุนัขสองตัววิ่งดมกลิ่นเข้ามาที่ซ่อนตัวอยู่ ครู่เดียวทั้งสองตัวก็หยุดวิ่งกลิ้งตัวทรุดอยู่บนสนาม

นาสรินเก็นเครื่องมือเป่าลูกดอกยาสลบไว้ในย่าม ค่อยๆเดินตามขอบสนามไปยังเรือนคนใช้แล้วใช้เครื่องปล่อยควันรมหน้าต่างไว้ครู่ใหญ่ ใช้ไฟฉายคลำทางไปยังประตูหลังบ้านใช้เครื่องมือเปิดจนเห็นระบบผังไฟขนาดใหญ่ นาสรินใช้ระบบตัดไฟอีกครั้งคราวนี้ไฟบนเสาไฟฟ้าบางดวงที่เคยสว่างดับลงแล้ว

                             ภายในบ้านเงียบสงัด

นาสรินดูนาฬิกาข้อมือพรายน้ำบนหน้าปัดยังไม่ตีสาม เธอใช้ไฟฉายดูห้องเก็บระบบไฟฉุกเฉินดูระบบไฟฟ้าสำรองไม่พบว่ามี จึงออกมาจากห้องเดินไปดูห้องเด็กรับใช้เห็นเด็กหลับสนิทเพราะควันยังรมอยู่

เธอใช้ไฟฉายส่องลูกบิดประตูบ้านแล้วใช้อุปกรณ์ตรวจสอบสัญญานไฟเผื่อมีสัญญานกันขโมยบนลูกบิดประตู คิดในใจว่าเพราะตัดระบบใหญ่ไปหมดแล้วในบ้านไฟต้องไม่ทำงาน

นาสรินควักกุญแจเอนกประสงค์เสียบเข้าไปในลูกบิดประตูหมุนไปมาสักพักจึงถอนลูกกุญแจออกมาแล้วหยิบลูกกุญแจอีกดอกหนึ่งสวมเข้าไป ทีนี้ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย

ภายในบ้านเงียบ นาสรินใช้ไฟฉายอีกอันหนึ่งส่องดูภายในห้องเพื่อตรวจดูระบบอุลตร้าไวโอเล็ตป้องกันคนเดินผ่านเหมือนระบบที่ใช้ในพิพิทภัณฑ์หรือห้องเก็บของมีค่า แต่เธอไม่พบความผิดปรกติ

“ห้องเก็บเหรียญไม่ใช่ในห้องรับแขกแน่”เธอคิดในใจ

นาสรินมองภาพบนฝาห้องที่ถูกขยายเป็นภาพรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลโมเช แอเร็นส์กำลังมอบเหรียญกล้าหาญเดวิด เบน-กูเรียนให้สิทธิเดช บุณฑริกาที่สถานทูตอิสราเอลในประเทศไทย

เธอมองภาพนี้อยู่พักหนึ่งจึงเปิดประตูเข้ามาอีกห้องได้กลิ่นฉุน เธอไม่ทราบว่าเป็นห้องอะไรจึงปิดไว้ ทันใดนั้นโทรทัศน์ในห้องรับแขกก็เปิดสว่างขึ้นมา ไม่มีภาพในจอ มีแต่เสียงซ่าๆ นาสรินตกใจมากแต่ก็แปลกใจด้วยเพราะเธอตัดไฟฟ้ารอบบ้านหมดแล้ว เมื่อกี้นี้ก็ตรวจในห้องระบบไฟบ้านทั้งหลังไฟฟ้าไม่ทำงาน

เธอวิ่งไปพยายามปิดโทรทัศน์ มันไม่ยอมปิด เธอเอื้อมมือไปดึงปลั๊กออก ถอดทิ้ง โทรทัศน์ดับ

หัวใจเธอเต้นแรงไม่เข้าใจ ไฟฟ้าสำรองก็ไม่มี

เวลานี้ตี3.15 เธอต้องรีบทำงาน ถ้าช้าเด็กรับใช้ฟื้นขึ้นมาและเห็นสิ่งผิดปรกติอาจไหวตัวเข้ามาตรวจเช็คภายในบ้านเรื่องจะยุ่ง

เธอเดินไปเปิดประตูอีกห้องหนึ่งพบว่ามันล็อคอยู่

ใช้วิธีเดิม มันได้ผลเธอค่อยๆเปิดเข้าไปข้างใน

“นี่มันมีแต่หนังสือ...มุมห้องมีตู้อยู่ตู้หนึ่งมองไม่ชัด”นาสรินพยายามนึกว่าใช่หรือไม่ว่ามันเป็นห้องเก็บของมีค่า

ถ้าใช่เหรียญที่เตหะรานต้องการต้องอยู่ในนี้แน่

เธอค่อยๆเปิดประตูและก้าวเข้าไปในห้อง เมื่อคุ้นกับความมืดแล้วก็หาชั้นหนังสือแรก เป็นหนังสือภาษาอังกฤษประเภทโบราณคดีเก่าเก็บ อีกด้านหนึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับเครื่องเสียง ชั้นกลางมีเครื่องเสียงตั้งอยู่ เธอไม่เห็นว่ามีลำโพงอยู่ที่ไหน

ในที่สุด......นาสรินก็หาเซฟจนพบ มันเป็นเซฟที่เธอไม่รู้จักแม้จะเป็นยี่ห้อที่เธอคุ้นเคยในตลาดแต่รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นสั่งทำเป็นพิเศษไม่เหมือนรุ่นที่เธอคุ้นเคย

นาสรินค่อยๆเอามือแตะปุ่มหมุนใช้ไฟส่องหาตัวเลขบอกเบอร์เลขมันบอกชัดเจน เธอพยายามนึกถึงสูตรความเป็นไปได้ที่ฝึกฝนและทบทวนมาจากนักคณิตศาสตร์ที่สอนเธอมา

มันคงได้ผลละคราวนี้

“2 7 4 8 3 2  ใช่”คลิ๊ก เสียงเพราะเหลือเกิน นาสรินใช้มือเปิดเซฟ......และแล้ว!

ทั้งห้องสว่างพรึบมันแสบตาเธอเพราะแสงสว่างโล่งทำให้เธอต้องลุกขึ้นยืน

เธอโดนล้อมโดยคน6คน

เอกรินทร์ สหชาติ ตุลย์ ศิริเดช พิมราและแน่นอนที่สุดสิทธิเดช ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ทุกคนยืนกอดอก ยิ้มเยาะด้วยความสะใจ

“คุณถูกจับแล้วนาสริน”สิทธิเดชพูดเบาๆแต่เฉียบขาด

นาสรินสะบัดหน้าเพื่อสยายผมให้มันทิ้งตัวลงเลยบ่าของเธอ มันเป็นธรรมเนียมและสัญลักษณ์ของนักรบเพื่อปิติภูมิแห่งกองทัพอิหร่านเพื่อแสดงการยอมแพ้ 

“คุณเก่งกันทุกคน ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณทำได้อย่างไร”

..................สิทธิเดชเดินเข้ามาหยิบเหรียญขึ้นมาชูตรงหน้าให้นาสรินเห็นชัดๆ

“เธอลอบเข้ามาที่นี่เพื่อหาเหรียญนี้ใช่ไหม?”

“ใช่”นาสรินยิ้มพยักหน้าตาเป็นประกาย

“เพื่ออะไร มันมีค่านักหรือ”สิทธิเดชถามตรงไปตรงมา

“เหรียญไม่มีค่า แต่สิ่งที่อยู่ข้างในมี”นาสรินยืนเท้าสะเอวตอบ

“คุณคิดว่าข้างในเหรียญมีอะไรล่ะ คงมีคนบอกคุณบ้างละ” สิทธิเดชย้อนถาม

“ระบบอะไรสักอย่างสำหรับขีปนาวุธ”เธอตอบเท่าที่รู้

“เธอตอบเกือบถูก แต่มันเก่าแล้ว รุ่นนี้ล้าสมัยไปนานแล้ว อิสราเอลพัฒนาระบบที่ดีกว่าก้าวหน้าเกินกว่าใครจะคิดได้แม้แต่อเมริกาหรือรัสเซียยังตามไม่ทัน”

“จริงนะ คุณพูดจริงใช่ไหม?”

“ผมพูดจริง ภารกิจคุณล้มเหลว พวกเราเสียใจแทนคุณและประเทศของคุณ”ศิริเดชพูดเดินไปตบไหล่นาสริน

“คุณยอมรับผิด บอกมาตรงๆหน่วยงานไหนให้คุณมา รัฐบาลส่งคุณมาใช่ไหม”

“ฉันไม่ใช่นักโทษ ไม่ให้การใดๆกับพวกคุณทั้งนั้น ฉันรู้คุณคือโคซิโอใช่ไหม?”

“อ้อฉลาดขึ้นมาแล้วนะ พูดกันรู้เรื่องอย่างนี้ เราจะส่งเข้าเรือนจำ ติดคุกไม่ต้องสอบสวนก็ได้อยู่เมืองไทยสัก10-20ปีคงสบายดีอยู่หรอก”

“คุณทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันมีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองอยู่ อย่าบอกนะว่าพวกคุณไม่รู้”เธอว่าอย่างนั้น

“เรารู้ แต่ไม่สนใจ คุณละเมิดกฎหมายไทยเป็นจารชนมาทำจารกรรมในบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บนแผ่นดินไทยเอกสิทธิ์ทางการทูตช่วยคุณไม่ได้หรอก” สหชาติชี้แจง

“เอาเลย...จับฉันสิ อยู่ในบ้านคุณแล้วนี่”

เอกรินทร์เอากุญแจมือเตรียมเข้าคล้องมือ นาสรินคว้าข้อมือเขาจับเอกรินทร์ที่ไม่ทันตั้งตัวล้มคว่ำแต่ศิริเดชรีบเข้ารวบตัวนาสรินไว้ เธอพยายามออกแรงดิ้นใช้ศอกกระแทกซอกคอศิริเดชอย่างดังและใช้เท้ากระทืบเท้าเขาอย่างแรง ขณะเดียวกันเอกรินทร์ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สหชาติกับเอกรินทร์เข้าถึงตัวรวบแขนรวบขาอย่างทุลักทุเลจนเธอหมดท่ายอมเอามือไพล่หลังถูกสวมกุญแจมือในที่สุด

“ผู้หญิงอะไรวะพิษสงร้ายกาจชะมัด มิน่าถึงเป็นทหารในกองทัพเพื่อปิติภูมิ” ศิริเดชหัวเราะแค่นๆ

................เปด์รามและซาเละแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อเห็นนาสรินถูกนำขึ้นรถยนต์สีดำภายในบ้านที่พวกเขาเตรียมไว้จะมารับนาย

รถยนต์ที่มีนาสรินถูกจับกุมขับออกไปจากบ้านหลังนั้นเมื่อใกล้รุ่ง เวลาขณะนั้น5.45นาทีของวันใหม่ปลายเดือนพฤศจิกายน

เรื่องนี้น่าตกใจวัจจะ2คนไม่คิดเลยว่านาสรินผู้วางแผนเป็นเลิศ รัดกุมและเป็นนักรบชั้นเยี่ยมมีประสบการณ์ในพื้นที่การต่อสู้ในหลายประเทศจะถูกจับกุมง่ายๆ

สถานทูตต้องรู้และเรื่องต้องฉาวโฉ่ถึงรัฐบาลในกรุงเตหะราน มันเสียเกียรติไม่เฉพาะต่อรัฐบาลเท่านั้นมันหมิ่นศักดิ์ศรีของหน่วยนักรบเพื่อปิติภูมิอย่างยิ่ง

ในการรับรู้ของเปด์รามและซาเละต้องจัดการส่งเด็กที่ได้ทุนจากโต๊ะอิหม่ามเพื่อศึกษาศาสตร์อิสลามส่งไปเตหะรานโดยเร็วที่สุด อาจไม่ต้องหรือรอการพิสูจน์เอกลักษณ์จากเตหะราน ส่งเด็กไปก่อนให้มีการพิสูจน์โน่นเลย ผิดอย่างไรก็ส่งคืนมาประเทศไทย เปด์รามและซาเละมาถึงสถานทูตตั้งแต่สถานทูตยังไม่เปิดทำการ พบเด็ก10คนตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายบริเวณสระน้ำที่อยู่ด้านหลังสถานทูต

เด็กๆถามว่า พวกเขาจะไปเตหะรานได้เมื่อไร ซาเละเป็นคนตอบว่าให้รอจนกว่าทางนั้นมีคำสั่งพร้อมเสียก่อน คงเป็นภายใน4-5วัน ระหว่างนี้ให้อยู่เฉยๆไม่ต้องกังวลเพราะได้ไปแน่

                       เด็ก10คนมีสุขภาพแข็งแรงไม่มีใครคิดถึงบ้าน

                       พวกเขายังจะต้องเดินทางไกลอีกยาวนาน

                       เพื่อไปเป็นนักรบนิรนามของพระมะหะหมัด

                       เพื่อพระเจ้าและหลักการที่มากคัมภีร์อัล-กุรอานและหะดีษะ

                       เด็กเหล่านี้พร้อมทำงานเพื่อศาสนาจรรโลงอิสลามปราศจากข้อแม้ใดๆ

                       ผูกพันตามพันธะสัญญาต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว