อาเธอร์ ชายผู้เป็นพ่อของเซเรน่าหรือเรเจล กะลาสีเรือผู้กล้าและภักดีต่อวินสัน พ่อค้าเศรษฐีเดินเรือที่เป็นผู้มีพระคุณต่อครอบครัวของเขา พร้อมทำงานเดินทางเป็นผู้ช่วยในการเจรจาค้าขายและเดินเรือ
ระหว่างการเดินทางโดยเรือแน่นอนการเดินทางนั่นในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ย่อมมีอุปสรรค ดังเช่น พายุ คลื่นลมแรง อย่างบ้าคลั่งราวกับปีศาจ อาเธอร์และชาวกะลาสีเรือคนอื่นๆต่างพากันต่อสู้เพื่อที่จะเอาชนะพายุในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้ไปให้ได้ จากการฉุดกระชากเชือกใบเรืออยู่นานพายุก็สงบลงหลังจากนั่นความเหนื่อยล้าก็พาพวกเขาหลับไป
เวลาผ่านไปไม่นานนักทั้งอาเธอร์ วินสัน กัปตันเมสัน และเหล่ากะลาสีลูกเรือได้ตื่นขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรอันเวิ้งว้างที่ถูกพัดพามาไกลจากเส้นทางเดินเรือกลับจากการค้าขาย พวกเขาก็ได้พบเกาะปริศนาที่ตั้งตระหง่านเชิญชวนพร่ำร้องไปสัมผัส เหล่าลูกเรือคนหนึ่งอุทานด้วยเสียงสั่นครอน
"ตำนานคือเรื่องจริงงั้นหรอ..." พร้อมกับตัวสั่นแล้วหลังจากนั่นเหล่าลูกเรือพากัน
กระซิปกระซาปฮือฮากันขึ้นระรอก ๆ
"พวกเราไม่น่าตามเจ้ามาเลย" ลูกเรืออีกคนสนับสนุนเสียงชายลูกเรือคนนั่น
"ตำนานอะไรกันก็แค่เกาะ ๆ หนึ่งเจ้าพวกขี้ขลาดตาขาว ก็เพราะพวกแกไม่ใช่หรอที่ต้องการค่าจ้างถึงตามมา" กัปตันเมสันพูดด้วยความหงุดหงิดใจ
"เอาเถอะข้าเข้าใจ เราพึ่งผ่านพายุอันโหดร้ายมาย่อมเสียขวัญเป็นธรรมดา" วินสันพ่อค้าเศรษฐีพูดปลอบใจเหล่ากะลาสีจากความวิตกกังวล
"แต่อย่างไรก็ตามตำนานเอาไว้ก่อนเถอะ!...เสบียงเราจะหมดแล้วหลังถูกพายุพัดไปส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็ค่อนข้างเสียหาย ข้าว่าเราควรขึ้นฝั่งหาเสบียงในคืนนี้เลยขืนรอเช้าคงได้ถูกพัดไปไกลนอกเส้นทางอีกแหน่ถึงพายุจะสงบลงแล้วก็ตาม หาได้เท่าที่จะได้ แค่เดินทางกลับน่าจะเพียงพอ" อาเธอร์กล่าวเสริม
"นั่นสิ! ลองดูก็แล้วกันอย่างน้อยพอเป็นเสบียงเอาแรงแต่ไม่ต้องเข้าไปลึกหาแค่ด้านหน้าพอหากไปไกลจะหลงทางเอาได้" วินสันได้กล่าวทิ้งท้าย
หลังจากนั่นพวกเขาก็พากันลงเรือเล็กพายเข้าไปยังฝั่งเกาะปริศนา
จากการค้นหาเสบียงได้สักระยะหนึ่งกะสีลูกหนึ่งได้เจอแสงบางอย่างกระทบกับแสงจันทร์ ใช่แล้วมันคือเหรียญทองที่หล่นบนหาดทราย ลูกเรือที่ตามมาคนอื่นๆต่างตกใจและเข้ามาดูด้วยอาการตื่นเต้นจากนั่นวิ่งตรงไปโดยไม่ลังเล....ในป่าอันมืดมิด....
"แปลก...แฮะพายุพึ่งผ่านไปไม่นานแถมเป็นพายุใหญ่สะด้วยกลับมีแสงจันทร์เต็มดวง...?!"