Living Quarter
โดย
ทับแก้วสาม
โดยพื้นฐานแล้วมนุษย์มีความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุด
พลังงานคือสิ่งสำคัญของโลกที่มีมนุษย์อาศัยอยู่นั้นขาดไม่ได้
ไม่ว่าแหล่งพลังงานจะอยู่แห่งหนใดบนโลกใบนี้
ตราบเท่าที่มนุษย์ยังใช้พลังงานกันอย่างคุ้นชิน
ตราบเท่าที่มันยังเป็นที่ต้องการ และผู้คนยินยอมพร้อมใจจะจ่ายให้กับมัน
ด้วยพลังอำนาจแห่งเงินตรามีหรือที่จะบันดาลความทะเยอทะยานของมนุษย์จะไม่สำเร็จ
ย้อนกลับไปไม่กี่ศตวรรษก่อนมนุษย์เริ่มล่าปลาวาฬเพื่อเอาไขของพวกมันมาเป็นเชื้อเพลิง การล่าปลาวาฬถือเป็นอุตสาหกรรมยุคแรกเริ่มของการออกหาพลังงานนอกชายฝั่ง (งานมีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ออฟชอร์") หรือให้เรียกง่าย ๆ ก็ “กลางทะเล” นั่นแหละ อ่า...ใช่ มันมีหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เล่าถึงวีรกรรมของบรรดาชายผู้อยากจะสร้างชีวิตครอบครัวให้ดีด้วยการออกไปเสาะหาไขปลาวาฬ แต่เพราะความไม่ทะนงตัวต่อธรรมชาติ และท้องทะเล เรือของพวกเขาต้องอัปปางลงจากฝีมือของวาฬยักษ์ ทำให้กัปตัน และผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ต้องลอยคออยู่กลางทะเลอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร
น้ำอาจจะพอกรองกินจากเม็ดฝนได้ แต่สำหรับอาหารแล้วนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาได้ง่าย ๆ และสุดท้ายสิ่งที่ผู้รอดชีวิตเลือกที่จะกินก็คือเนื้อของมนุษย์ด้วยกันเอง ตามหนังสือบันทึกไว้ว่าผู้ใดที่เสียชีวิตจะถูกชำแหละเนื้อเพื่อเอามาเป็นอาหารทันที แต่นั่นมันแค่บันทึกซึ่งจริงเท็จเพียงใดเราก็ไม่อาจทราบ บางทีผู้ใดที่อ่อนแอกว่า ตัวเล็กกว่า บอบบางกว่า อาจจะถูกรุมฉีกทึ้งเพื่อเอามาเป็นอาหารก็ได้ ดั่งบันทึกเรื่องราวของกะลาสีหน้าใหม่ริชาร์ด ปาร์กเกอร์ ที่ต้องตกเป็นอาหารของเหล่าลูกเรือคนอื่น ๆ
เสี่ยงภัยแต่ค่าตอบแทนแสนงดงามมีหรือที่มนุษย์จะเลือกที่จะไม่เสี่ยง ผ่านมาเกินร้อยปีอุตสาหกรรมการหาพลังงานกลางทะเล และมหาสมุทรก็พัฒนา เปลี่ยนแปลง และเติบโต ไปตามกาลเวลา ไขปลาวาฬไม่ได้เป็นที่ต้องการมากเท่าแต่ก่อน สิ่งที่เข้ามาทดแทนกลับกลายเป็นมรดกทางร่างกายของบรรดาสัตว์ที่อยู่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้เมื่อหลายล้านปีก่อน บรรดาไดโนเสาร์ขนาดเขื่องจนถึงขนาดเล็กพวกล้มตายก็ทับถมกันไป ถ้าภาษาวิชาการขึ้นอีกนิดก็การทับถมกันของซากพืชซากสัตว์หมักทับกันไปมาบีบอัดด้วยความร้อนจนกลายมาเป็นน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ หลังจากที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบการนำเอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นพลังงานให้กับโลก โลกที่เราอยู่ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แสงสว่าง ยานยนต์ การขนส่ง ชีวิตที่สิ้นสลายของสัตว์โลกล้านปีคือจุดเปลี่ยนของสิ่งมีชีวิตที่ครองโลกในปัจจุบันในนามของมนุษย์
จากเรือไม้ที่ออกเดินทางกลางสมุทรกลายมาเป็นแท่นเหล็กยักษ์สูงตระหง่านปักหลักขาสี่เสา (และอีกหลาย ๆ เสา) ลงลึกถึงพื้นผิวดินท้องทะเล ผ่านการพัฒนามาอีกหลายต่อหลายปีเพื่อการเอาชนะธรรมชาติทั้งลมพายุ คลื่นมหึมา อาจจะมีการสูญเสียกันไปบ้างตามภัยธรรมชาติ แต่มนุษย์ก็พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะมัน
โครงสร้างเหล็กมหึมาสูงตระหง่านมันตั้งตรงเหนือผิวมหาสมุทรเทียบเท่ากับตึกยี่สิบชั้น จากพื้นผิวน้ำที่มีคลื่นกระทบขาเหล็กของมันเป็นจังหวะ ๆ ลึกลงไปอีกเกือบกิโลที่ขาของมันหยั่งลึกดั่งรากต้นไม้ใหญ่สู่พื้นดินเพื่อความมั่นคงไม่โอนไหวไปตามกระแสน้ำเชี่ยว หรือพายุที่พร้อมจะโหมกระหน่ำได้ทุกวันเวลา มันแบกรับเอาเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีพัก ไม่มีเบรก ไม่มีประท้วงหยุดงาน ถ้าหากมันไม่ป่วยไข้ไปเสียก่อนนะ
เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ที่บริษัทเจ้าของแท่นผลิตพลังงานแก๊ส และน้ำมัน ลงทุนลงแรงไปซื้อต่อมาจากเครื่องยนต์ติดปีกเครื่องบินที่เขาโละแล้ว แต่ด้วยยี่ห้อจากอังกฤษนามโรลส์-รอย์ แม้จะเป็นของมือสองแต่ก็ถือว่ายังมีคุณภาพมากกว่าของมือหนึ่งจากจีนเสียหลายเท่าตัว ไม่เกี่ยวแต่กับเครื่องยนต์ หลายสิ่งอย่างแม้จะเป็นมือสองแต่ของมีคุณภาพก็ยังดีกว่าของมือหนึ่งแต่คุณภาพพอไปวัดวาได้ ตัวเครื่องยนต์อัดแก๊สจากท่อหลายร้อยท่อที่ต่อรวมส่งถึงมันเพื่อสร้างกำลังส่งแก๊สไปสู่บนบกเพื่อทำการคัดแยกใช้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงโลกต่อไป
“ฟู่ววววววว...โฟ่วววววว” เสียงไฟลุกโชนจากปล่องปลายแฟร์ (ส่วนระบายก๊าซคงค้างในระบบเพื่อเอาไปเผาทิ้ง) ลูกไฟลุกสว่างทำให้บริเวณโดยรอบที่เป็นสีดำในยามค่ำคืนสว่างทันตา น้ำทะเลสีดำสนิทบัดนี้มันสะท้อนแสงไฟที่ลุกโชนนั้นอย่างชัดแจ้งดูแล้วเหมือนเปลวไฟกำลังเริงระบำทั้งบนฟ้า และในน้ำ เครื่องจักรยนต์ขนาดใหญ่นั้นมันกำลังฟ้องว่ามันไม่ไหวแล้ว มันจึงขอหยุดการทำงานขอลาตายก่อน
“พี่จอห์น! พี่จอห์น!! คอมแพรสเซอร์ตัว 2 หยุดทำงาน” ต้นกำเนิดเสียงอันตื่นตระหนกตกใจนี้มาจากอกด้านซ้ายซึ่งเป็นที่อยู่ของสุดยอดเครื่องมือสื่อสารชั้นดีแห่งยุคนั่นก็คือวิทยุสื่อสาร หรือที่ชอบเรียกกันสั้น ๆ ว่า ว. เมื่อได้ยินเสียงแล้วเขาก็เอามือไปคว้าตัววิทยุให้เข้าใกล้ปากอีกหน่อย ก่อนจะโต้ตอบกลับไปว่า “เห็นแล้ว กำลังจะไปดูให้” ชายหนุ่มในวัยปลายต้น 40 เดินแบกกล้ามเนื้ออันมหึมาข้ามสะพานเหล็กที่สามารถมองทะลุตะแกรงเห็นพื้นน้ำทะเลเบื้องล่าง
“เอาละมาดูกัน” จอห์น เดินนำเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานดูตกใจปนประหม่าเพราะตั้งแต่เข้าวงการอุตสาหกรรมกลางทะเลแบบนี้เขาไม่คิดว่าจะต้องได้พบเจอปัญหาใหญ่ตั้งแต่เข้ามาทำงานได้ไม่กี่สัปดาห์ แค่เรื่องการปรับตัวในการใช้ชีวิตบนพื้นที่ไร้แผ่นดินให้เหยียบแล้ว ยังต้องเจอปัญหาสารพัดที่พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เขาใช้ความคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกไปว่า “ความร้อนของเครื่องยนต์ ก๊าซที่เอามาเผาไหม้ไม่สะอาด และ เอ่อ...” เค หยุดกึกล้างเท้าก่อนเดินลงบันไดไปก่อนหันมาพูดเชิงตะโกนเพราะบริเวณนั้นเครื่องจักรทำงานเสียงดัง “เดี๋ยวเราไปดูปัญหากันที่หน้างาน”
“แล้วพี่จอห์นจะใช้วิธีไหนในการวิเคราะห์ปัญหาเหรอครับ” เด็กใหม่ขยับหมวกสีเขียวให้เข้าที่ถามด้วยแววตาเลื่อมใส
“เคล็ดลับของพี่คือ...” ผู้มากประสบการณ์ขยับสายรัดคางของหมวกสีขาวสูดหายใจนิดนึงก่อนจะบอก
“ต้องดูที่หน้างานอีกที” แล้วเขาก็เดินนำไปปล่อยให้เด็กใหม่ยืนงง ๆ พร้อมคำถามในใจที่ว่า “แล้วจะให้วิเคราะห์หาพระแสงง้าวอะไร” แต่ก็ต้องเดินตามไปอยู่ดี “พี่จอห์น! รอด้วย!” เด็กหนุ่มวิ่งตามต้อย ๆ
ช่างหนุ่มเดินนำหน้าผ่านเส้นทางลัดเลาะคดเคี้ยวเดี๋ยวเดินสะดวก เดี๋ยวขึ้นบันได ผ่านท่อส่งก๊าซ และน้ำมัน ที่ติดตั้งได้แบบยุ่บยั่บเหมือนถนนทางด่วนวงแหวน (แต่วุ่นวายกว่านั้น) ก็เพราะต้องประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง ความเบียดเสียดมันจึงต้องเยอะเป็นธรรมดา แค่ทางเดินบางที่ก็แคบจนต้องทำตัวลีบ ๆ เพื่อผ่านจุดนั้นไปให้ได้ เพราะถ้าไม่ผ่านไปก็ไม่ถึงต้นเหตุของเรื่องราว บางจุดที่ต้องทำตัวลีบแล็กผ่านไปเป็นอุปสรรคของผู้ใหญ่กล้ามแน่น แล้วไหนจะส่วนสูงถึง 195 เซนติเมตร นั่นอีกเล่า ถ้าหากเขาไม่ก้มหัวลงบ้าง อาจมีกรณีอุบัติเหตุพนักงานหัวแตกเพราไปชนก็ท่อเหล็กก็เป็นได้ ดูรอยขีดข่วนบนหมวกนิรภัยสีขาวของเขานั่นซิ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าเขาหัวชนมากี่ครั้งแล้ว
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งคือเครื่องอัดสร้างความดันขนาดใหญ่จอดนิ่งสนิทอยู่บริเวณโดยรอบยังมีความร้อน เพราะมันเพิ่งเลือกที่จะขอหยุดการทำงานไปหมาด ๆ โดยปกติ จอห์น เลือกที่จะถามคำถามคนที่มาทำงานใหม่ ๆ ให้ประเมินงานก่อนที่จะลงมือทำ แต่เพราะมันเป็นงานที่ต้องจัดการให้ไวที่สุดเขาจึงเลือกที่จะเริ่มบอกคร่าว ๆ แล้วลงมือชุบชีวิตเจ้าเครื่องจักรขนาดใหญ่นี้ให้ฟื้นคืนขึ้นมาก่อน
ผลผลิตไม่พอแล้วเครื่องยังมาไม่ทำงานอีกนะ
ไม่งั้นอีเด็กไฮโซชาวกรุงได้ร้องไห้โฮแน่เมื่อพบว่าห้างสรรสินค้าขนาดใหญ่ต้องไฟดับบนบกนะ
จอห์นเดินไปดูหน้าจอแสดงผลการทำงานของเครื่องจักร มันไม่ทำงาน มันดับเหมือนกับจอทีวีที่เสียแล้ว ก็ดีถ้าคงเป็นแค่กรณีตู้ควบคุมดับเท่านั้นเอง เมื่อสมองหยุดการทำงาน ร่างกายมันก็จะหยุดตาม เหมือนกับเจ้าเครื่องจักรตัวใหญ่นี่แหละ
“อึ่ง! ที่หน้าจอสถานะดูอะไรได้บ้างไหม?” จอห์นคว้าเอาวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่กับอกด้านซ้าย พูดไปยังห้องควบคุม ระหว่างรอคำตอบจากปลายสาย ก็หันไปหาเด็กใหม่แล้วบอกว่า
“ตุลย์ ไปเดินหาดูความเรียบร้อยรอบเครื่องยนต์ เจออะไรผิดปกติมาแจ้งด้วย ...แล้วก็...ระมัดระวังด้วยนะ”
เหมือนกะเวลาได้พอดี ปลายสายให้ข้อมูลกลับมา
“มันขึ้นสถานะเฟลหมดเลยนะพี่ อ่านค่าอะไรไม่ได้เลย”
“ทางนี้ตู้ควบคุมก็ดับเหมือนกัน เดี๋ยวจะเปิดตู้ดูก่อนนะ” เมื่อจบบทสนทนา เด็กใหม่ที่เพิ่งถูกส่งไปสำรวจก็กลับมาหารายงานผล
“ไม่มีอะไรผิดปกติเลยพี่จอห์น”
“ดีละ งั้นเราจะได้ลดพื้นที่การตรวจสอบลงมา ตัวร้ายน่าจะอยู่ในนี้” เมื่อพูดเสร็จเขาก็ควานหาของในกระเป๋าที่เขาสะพายใส่เอวเอาไว้ แล้วหยิบเอามิลติมิเตอร์ (อุปกรณ์วัดทางไฟฟ้า) ออกมา พร้อมกับเปิดตู้ควบคุมเหล็กนั้นออก
จอห์นทำจมูกฟุดฟิด เขาคิดว่ามันต้องใช่ ต้องใช่แน่ ๆ มีบางอย่างที่เพิ่งไหม้ไปไม่นาน
ฟิวส์อุปกรณ์...ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง เขาหยิบเอาแบบการวางระบบไฟในตู้ที่พับเก็บเป็นระเบียบอยู่ในซองเก็บออกมากางดู ก่อนจะเริ่มพึมพำกับตัวเอง
“เส้นจ่ายไฟหลัก...กรองกระแส...ผ่านการ์ด...ผ่านฟิวส์...ฟิวส์มี 1...2...3...110 หืมมมม!” จอห์น ทำเสียงตกใจใส่ตัวเองพักนึง แล้วเลิกคิ้วขึ้น เด็กใหม่ที่ยืนดูอยู่ใกล้ ๆ ก็ได้แต่ขมวดคิ้วตาม
จอห์นดูเหมือนจะรับรู้ในความฉงนของเด็กใหม่คนนี้ เขาดูเป็นคนเก่ง และมีความคิดเป็นของตัวเอง คนแบบนี้ที่บริษัทตามหา เพราะเขาต้องทุ่มเทงานให้ดีที่สุด แม้อาจจะขัดใจหัวหน้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร
“นักจิตวิทยาบอกไว้ว่าการพูดกับตัวเองหมายถึงคนนั้นเป็นอัจฉริยะ” จอห์น พูดพลางยกเอาเส้นวัดอุปกรณ์สีแดง และดำ ไล่จิ้มสล๊อตใส่ฟิวส์ทีละตัว ทุกตัวที่เขาจิ้มจะมีเสียง
ตี๊ด...ตี๊ด...ตี๊ด... จนมาถึงตัวนึงที่ไร้เสียงใด ๆ ออกมาจากอุปกรณ์วัดไฟของเขา เขากางแผนพังการเดินสายไฟออกมาอีกครั้งก่อนจะพึมพำ ๆ 32 แอมป์ แล้วก็เงยหน้าขึ้นดึงสล๊อตเจ้าปัญหานั้นออกมา แล้วเขาก็เจอปัญหาจริง ๆ ในนั้นฟิวส์ทรงกระบอกขนาดใหญ่กว่าหลอดพลาสติกใส่ยาอม แต่มันดูยับเยิน และไหม้เกรียม
“เจอตัวปัญหาแล้วละ” จอห์นพูดในระหว่างที่เอาทั้งสล๊อตที่ไหม้ และฟิวส์ที่พัง ใส่มือของเด็กใหม่ แล้วบอกให้ไปยังห้องเก็บของเพื่อเบิกของมาเปลี่ยน เด็กใหม่ทำหน้าเซ็งจิตนิดหน่อย เพราะการไปเบิกของที่สโตร์เขาจะต้องเจอกับพี่เท่ง เจ้าหน้าที่ห้องสโตร์ที่เข้มงวด
จอห์นรู้ดีว่าพี่เท่งเป็นคนเข้มงวดขนาดไหน แต่ที่อยากให้ตุลย์ไป ก็เพราะอยากให้ทำความรู้จักกันเอาไว้ เมื่อเด็กใหม่เดินลับตาออกไปแล้ว หน้าที่การสืบหาความจริงของเขายังไม่จบลง
เพราะหากได้ของใหม่มาก็จริง แต่ถ้าเกิดใส่ไปแล้วมันยังไหม้ และขาดต่อ คงจะดูไม่ดี
จอห์นวัดสายไฟฟ้าของอุปกรณ์ที่ผ่านมายังสล๊อตฟิวส์นี้ แล้วเขาก็เจอพบว่ามันมีเสียงดัง ตี๊ด... จากการตรวจสอบในแบบแล้วพบว่าสายไฟมันมาจากอุปกรณ์วัดความดันในระบบตัวนึง จอห์นเดินหาจนพบ แล้วทำการเปิดฝาครอบอุปกรณ์ออก ภายในมีการจัดเก็บสายไฟไม่ดีเลย มันถลอกจนเห็นเนื้อใน และการสั่นไหวของเครื่องจักรของเป็นเหตุให้มันแตะเข้ากับโครงเหล็กภายในอุปกรณ์ ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
โชคดีที่มีฟิวส์คอยตัดระบบ มันเลยไหม้แบบที่เห็น ก็ยังดีกว่าไหม้ทั้งตู้นะ
จอห์นหยิบเอาเทปพันสายไฟสีดำออกมา เขาดึงสายไฟเจ้าปัญหานั้นออกมาด้านนอก แล้วทำการพันเทปใส่มันจนปิดเนื้อในแทบสนิท จัดแจงเรียงสายใหม่เข้าไป ก่อนจะปิดฝา
เมื่อเขาเดินมาที่ตู้ไฟฟ้า เขาลองวัดสายไฟจากอุปกรณ์ที่ตู้ควบคุมอีกครั้ง ตอนนี้เสียง ตี๊ด...ที่บอกว่าสายไฟแตะกับโครงเหล็ก ได้หายไปแล้ว
“หูชาเลยพี่จอห์น...แฮ่ก...แฮ่ก” ตุลย์กลับมาพร้อมของใหม่ในมือ จอห์นยิ้มให้ก่อนจะคว้าเอาของใหม่ไปใส่เหมือนเดิม
“เดี๋ยวก็ชินเองแหละ เอาละได้เวลาปลุกยักษ์ให้ตื่นมาทำงานได้แล้ว”
...................................
ปล. เขียนโดยเอามุมมองต่อที่ทำงานมาเป็นส่วนผสมจินตนาการ
ปล.2 ในเนื้อเรื่องจะมีคำศัพท์เฉพาะทางปะปนกันไป แต่จะอธิบายในตอนท้ายเรื่อง แบบที่กำลังทำอยู่
ปล.3 มัลติมิเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้วัดค่าไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งกระแสตรง/สลับ/รวมไปถึงความต้านทานของอุปกรณ์ สัญญาณ และอื่น ๆ ในระบบการวัดคุม
ปล.4 สล๊อตเป็นช่องกลางที่จะให้ฟิวส์อยู่ตรงกลาง เป็นตัวกลางที่ให้สายไฟจากอุปกรณ์ไฟฟ้าเดินทางผ่านเพื่อไปหาระบบควบคุมส่วนกลางอีกที
ปล.5 ฟิวส์ เป็นอุปกรณ์ป้องกันส่วนหนึ่ง ซึ่งจะมีสเป็คแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณกระแสไฟฟ้า ถ้ามีไฟฟ้าเกินมันลวดภายในจะชิงขาดไปก่อน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะตามมา คิดถึง คัทเอาท์ ที่บ้านก็ได้ เวลาใช้ไฟฟ้าเกินกำลังมันจะตัดไฟ
ปล.6 เนื้อในนิยายที่กำลังเขียนคือชายที่ดูสมบูรณ์เพอร์เฟคที่ชื่อจอห์น พนักงานปฏิบัติงานนอกชายฝั่งบนแท่นผลิตก๊าซ และน้ำมันดิบ แต่จริง ๆ เขามีปมในอดีต
ปล.7 แล้วซอมบี้มันจะเกี่ยวกับอะไรด้วยเล่า ต้องติดตามละกันว่าจะมายังไงเมื่อไร
มีอะไรผิดพลาดไป ต้องแก้ไข บอกกันได้นะครับ