จบ รักคืนเรือน
52
ตอน
29.3K
เข้าชม
61
ถูกใจ
8
ความคิดเห็น
28
เพิ่มลงคลัง

เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งที่เศร้าโศก แม้เคราครึ้มนั้นจะเริ่มยาวขึ้นจนทำให้ใบหน้าดูรกรุงรังเหมือนโจรป่า แต่เค้าความคมคายนั้นยังชัดเจน แววตาประกายวาววับนั้นมีเงาแห่งความโศกสะท้อนออกมาอย่างเจ็บปวดจนผู้พบเห็นสะท้านสะเทือนไปด้วย  

บ้านนี้เป็นความทรงจำ เป็นความรัก เป็นทั้งหมดของชีวิต พลเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง กินเหล้าเมามายเพื่อให้ตัวเองลืมความทุกข์ในใจที่ไม่อาจสลัดทิ้ง จากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ที่ทำให้เมียและลูกเล็กวัย5ขวบของเขาเสียชีวิตไปพร้อมกัน แต่พลกลับรอด เขาเฝ้าลงโทษตัวเองที่รอดชีวิตมาโดยที่ไม่อาจรักษาชีวิตลูกและเมียเอาไว้ได้ นับแต่นั้นเหล้าก็คือเพื่อน เขาไม่ออกไปไหน ไม่สังคมกับใครอีก  บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่ๆอบอวลไปด้วยความรัก และเสียงหัวเราะ กลับกลายเป็นบ้านที่เงียบเหงาประดุจบ้านร้าง นานๆจะมีเสียงขวดเหล้าหล่นกลิ้งกระทบกันออกมา บ่งบอกว่ายังมีผู้อยู่ในบ้าน  แต่หน้าต่างทุกบานนั้นปิดสนิท  

หญิงสาวหน้าตาน่ารัก ผมยาวสยายสวมหมวกปีกกว้างดูอ่อนหวาน เดินหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางพะรุงพะรังมาหยุดยืนที่หน้าประตูบ้าน น้องนุชวัย22ปี เดินทางมาจากไร่ที่เพชรบูรณ์ตามคำสั่งของบิดาที่กำลังป่วย ให้มาจัดการบ้านที่เป็นมรดกตกทอดของเธอ  ก้าวแรกที่เข้ามาในรั้วพุ่มเล็บมือนางที่ห้อยย้อยจากซุ้มประตูบ้านส่งกลิ่นหอมอบอวล เธอมองไปรอบๆบริเวณสวนดอกไม้ที่ครั้งหนึ่งเคยปลูกไม้ดอกสารพัดเอาไว้ กอมะลิพุ่มใหญ่ออกดอกบานสะพรั่งขาวโพลนส่งกลิ่นหอมระรื่น แต่หญ้าที่ขึ้นแซมเริ่มจะสูงเลยขึ้นมา บ่งบอกว่า สวนแห่งนี้ไม่มีคนดูแลนานหลายเดือนแล้ว ดอกดาวกระจายสีส้มออกดอกสะพรั่งสวยงามเป็นบริเวณกว้าง แข่งกับหญ้าที่สูงท่วมต้น แพงพวยสีขาวและม่วงขึ้นเรี่ยอยู่ริมทางเดินเล็กๆที่พาเธอเข้าไปในสวนร่มครึ้ม เธอมองเห็นตัวบ้านไม้สองชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูนเด่นแต่ไกล เมื่อเดินเข้าไปข้างใน เสียงสุนัขเห่ารับหน้าผู้มาเยือนอย่างไม่เป็นมิตร น้องนุชหยุดยืนอย่างระวังตัว หมาโกลเด้นท์ตัวใหญ่โผล่หน้ามา มันผอมและหน้าตาดูเศร้า ปรี่เข้ามา น้องนุชพยายามทำใจดีสู้และผูกมิตรกับมัน  

“สวัสดีจ้ะ คนเก่ง ฉันมาหาคุณพลนะ”  

เธอพยายามพูดกับมัน แต่เจ้าหมาก็ไม่หยุดเห่า มันเมียงมองอย่างไม่ไว้วางใจ 

น้องนุชล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายของเธอหยิบช็อคโกแลตที่ซื้อติดมา ออกมาแกะแล้วยื่นให้มันเพื่อผูกมิตร เจ้าโกลเด้นท์ทำท่าไม่วางใจ แต่จมูกมันเริ่มทำท่าฟุดฟิดๆและมันคงหิวมาก น้ำลายไหลยืดย้อยอย่างเก็บอาการไม่อยู่ และยินยอมรับเอาช็อคโกแลตจากมือเธอมานั่งแทะกินอย่างหิวโหย น้องนุชนั่งมองเจ้าโกลเด้นท์ตัวนั้นด้วยความเอ็นดู มันกินอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนไม่ได้กินอะไรมานาน แล้วมันก็มันกระดิกหางให้เธอ 

            “น่าสงสารจัง เอานี่ กินเยอะๆนะฉันมีอีกหลายแท่งเลย” เธอเอาขนมที่ติดตัวมาแกะให้โกลเด้นท์ตัวนี้กินและมองดูมันอย่างสงสารจับใจ นี่คงไม่มีใครให้อาหารมันหรืออย่างไร คุณพลไม่อยู่แล้วหรือ? มีคำถามในหัวเธอเต็มไปหมด พอเจ้าโกลเด้นท์กินขนมหมดแล้ว  เธอจึงเริ่มเดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้นโดยมีเจ้าโกลเด้นท์เดินตามเข้าไปด้วย  

เธอมองเห็นประตูปิดอยู่ แต่เสียงขวดกระทบกันกริ๊กๆดังออกมาจากชั้นบนบ่งบอกว่ามีผู้อยู่บนนั้น เธอจึงเริ่มตะโกนเรียก  

“คุณคะ คุณคะ คุณพล เปิดประตูให้ดิฉันหน่อย”  

หญิงสาวตะโกนเรียก แต่เงียบ ไม่มีเสียงขานรับใดๆ น้องนุชจึงเริ่มตะโกนอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ยังมีเพียงความเงียบ และเสียงโมบายลมที่ติดอยู่บนระเบียงบ้านชั้นบนดังกรุ๊งกริ๊งเท่านั้น น้องนุชจึงตัดสินใจเดินไปลองผลักประตูที่ปิดอยู่ มันค่อยแง้มเข้าไปข้างใน ประตูไม่ได้ใส่กุญแจไว้ ด้านในมืดสนิท หญิงสาวค่อยๆแง้มบานประตูเข้าไปอย่างระแวดระวัง เธอมองสำรวจไปรอบๆห้องรับแขก โซฟายาวสีแดงที่มีฝุ่นเกาะ แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครมาเข้าที่นี่นานแล้ว  นุชมองหาสวิทช์เปิดไฟ ความสว่างทำให้เธอได้เห็นบรรยากาศในห้องชัดขึ้น รูปครอบครัวเมื่อครั้งที่แขไข พี่สาวต่างมารดาของเธอยังมีชีวิตอยู่ ถ่ายคู่กับสามีและลูก ตั้งอยู่บนหลังตู้เย็น นุชวางข้าวของเธอลงกับพื้น และเดินไปหยุดดูรูปครอบครัวนั้น แขไข พี่สาวที่เธอไม่เคยได้พบหน้ามาก่อน เธอสวยน่ารัก รอยยิ้มเธอมีเค้ารางของบิดาอยู่ น้องนุชพินิจพิจารณาใบหน้านั้น และได้เห็นผู้ชายในรูปที่โอบกอดเธอและลูกชาย เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ดูเหมาะสมกับพี่สาวเธอทุกประการ สีหน้าแววตาดูมีความสุข และเด็กเล็กๆในอ้อมกอดเธอนั้น คงเป็นหลานชายผู้ล่วงลับ พลันก็มีเสียงวูบแหวกอากาศ  ด้วยสัญชาตญาณเธอก้มหลบ ขวดเหล้าลอยผ่านศรีษะเธอไปอย่างฉิวเฉียดแล้วลงไปแตกกระจายดังเพล้งที่ด้านหลัง หญิงสาวหวีดร้อง 

“มาทำอะไร ออกไป!”  

เสียงชายหนุ่มตะโกนไล่ ดวงตามีประกายกร้าว เขายืนมอง อยู่ตรงบันไดทางขึ้นชั้นบนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ นุชนั่งหมอบเอามือกุมหัวอยู่ เธอตกใจแต่ต่อมาก็รู้สึกโกรธ 

“นี่คุณคะ คุณเกือบจะขว้างฉันหัวแตกนะ ฉันแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายได้นะคะ”หญิงสาวตะโกนสวนด้วยความโกรธจนปากสั่น  

“ก็เอาสิ ผมก็จะแจ้งข้อหาบุกรุกเคหะสถานคุณได้เหมือนกัน” เขาตอบโต้ทันควันแม้จะมีร่องรอยของคนเมาอยู่ก็ตาม แต่เป็นคนเมาที่ฉลาดพร้อมจะเอาเรื่อง 

“คุณพลคะ ดิฉันเป็นน้องสาวพี่แข ดิฉันมารับมรดกตกทอดในสิทธิ์ของบ้านหลังนี้จากพี่แข ถ้าจะแจ้งความข้อหาบุกรุก ไม่ทราบใครกันแน่ที่จะโดนข้อหานี้” น้องนุชยืดตัวยืนขึ้น ดวงตาขึงขังจริงจัง พลมองหล่อนหัวจรดเท้า  

“โกหก เอาอะไรมาอ้างว่าเป็นน้องแขไข แขไขไม่มีน้องสาวโว้ย” เขาตะโกนลั่นใส่อย่างหาเรื่อง 

“เอ๊ะ คุณพล กรุณาพูดกับฉันดีๆได้ไหมคะ ฉันเป็นน้องสาวพี่แขไข” นุชพูดไม่ทันจบประโยค ชายหนุ่มซึ่งมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั้งตัวก็ปรี่เข้าไปหอบเอากระเป๋าสัมภาระของเธอโยนทิ้งไปนอกประตูบ้าน นุชพยายามยื้อแย่งกระเป๋าของเธอไว้แต่ก็ถูกเขาจับโยนออกไปด้วยพร้อมทั้งปิดประตูใส่หน้าเธอดังปั้ง ! น้องนุชกรี๊ดสุดเสียงด้วยความแค้น 

“อ๊ายยย อีตาบ้า คนบ้า คนประสาท ไร้มารยาทที่สุด ออกมาเดี๋ยวนี้นะ ออกมาพูดกันก่อน” 

เธอพยายามตะโกนท้าเขาสุดเสียง ถึงแม้พลจะหล่อเหลามีเสน่ห์ทำให้เธอแอบปลื้มเขาตั้งแต่แวบแรกที่เห็น  แต่เธอก็ไม่เคยพบผู้ชายอะไรที่ไร้มารยาทกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้มาก่อน การจะต้องมาทวงสิทธิ์การรับมรดกในบ้านหลังนี้ต่อจากแขไข พี่สาวต่างมารดาที่ล่วงลับไปเมื่อต้นปี ทำให้น้องนุชต้องเดินทางลำพังมาจากไร่ที่เพชรบูรณ์ เพราะการจากไปของแขไข ทำให้บ้านหลังนี้ที่เป็นมรดกตกทอดจากบิดาต้องเป็นของเธอ  เมื่อมารดาของแขไขเสียชีวิตลงพ่อของนุชก็ได้มาแต่งงานใหม่กับมารดาของเธอ น้องนุชได้ยินเรื่องราวของพี่สาวต่างมารดามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้พบกันสักครั้ง จนกระทั่งได้ข่าวว่าเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมลูกชายที่ยังเล็ก โดยทิ้งบ้านที่เป็นมรดกของพ่อเอาไว้  พ่อที่ป่วย จึงฝากฝังให้เธอกลับมาดูแลบ้านหลังนี้ บ้านที่เป็นอดีตที่พ่อกับแม่ของแขไขเคยอยู่ร่วมกัน พ่อไม่อยากสูญเสียความทรงจำที่บ้านนี้ไป 

“พ่อรักบ้านหลังนี้นะ พ่อฝากนุชดูแลบ้านหลังนี้ด้วย รักษามันให้ดี”  

พ่อเอ่ยปากกับเธอ นุชรับปากพ่อและตัดสินใจเดินทางมาที่บ้านปากช่องโดยรถทัวร์ ตามแผนที่ๆพ่อเขียนไว้ให้ เธอรู้แต่เพียงว่า พี่สาวชื่อแขไข มีสามีชื่อพล ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้และยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ใช้เป็นเรือนหอตั้งแต่แต่งงานกัน พลสูญเสียทั้งเมียและลูก เขาอยู่กับแขไขที่นี่ได้6ปีนับตั้งแต่แต่งงานและมีลูก พลรักแขไขมาก เขาคิดว่าชีวิตเขาสมบูรณ์พร้อมทุกอย่างแล้วจนกระทั่งในวันที่แขไขและลูกจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ บ้านนี้จึงเป็นความทรงจำเดียวที่เขาจะเหลือมันไว้เพื่อรำลึกถึงลูกและเมียที่เสียไป แต่วันนี้ อยู่ๆก็มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้โผล่เข้ามาบอกว่าเป็นน้องสาวแขไข และยังอ้างสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ต่อจากเธอ  เขาเสียเมียและลูกไปแล้ว ความทรงจำเดียวเกี่ยวกับทั้งสองอยู่ในบ้านหลังนี้เต็มไปหมด เขาก็จะต้องสูญเสียมันไปอีกน่ะหรือ? ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ 

น้องนุชเช็ดฝุ่นที่เปื้อนเปรอะตัวด้วยความขุ่นแค้น เธอร้องไห้น้ำตาเอ่อแต่กลั้นสะอื้นเอาไว้ เกิดมาเธอไม่เคยถูกผู้ชายที่ไหนมาทำกับเธอแบบไร้มารยาทอย่างนี้เลย แม้แต่พ่อจะตีเธอ แม่ก็มักห้าม คราวนี้มันน่าแค้นใจจริงๆ ทั้งๆที่นี่เป็นบ้านพี่สาวเธอและเธอมีสิทธิ์ในการรับมรดกแท้ๆ เธอกลับถูกหมอนั่นจับโยนออกมาเหมือนไม่ใช่คน เธอโกรธจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก แล้วก็พลันนึกขึ้นมาได้ 

“มาโนช” น้องนุชคิดถึงชื่อนี้ มาโนชเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมด้วยกัน หลังจากแยกย้ายกันไปเรียนต่อตามเส้นทางของตัวเอง ล่าสุดเธอได้ข่าวว่ามาโนชมารับราชการตำรวจเป็นผู้กองอยู่ที่ปากช่อง  

ไม่นานนัก น้องนุชก็ขึ้นมายืนอยู่หน้าโรงพัก สภ.อ.ปากช่อง ร้อยเวรมองหน้าเธอและยิ้มแย้ม 

“มาแจ้งความเรื่องอะไรครับ?”  

“ ผู้กองมาโนช อยู่ไหมคะ?” 

เมื่อเปิดประตูห้องทำงานออกมา ผู้กองหนุ่มมองเห็นหญิงสาวนั่งรออยู่ก็รีบปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ 

“นุช มายังไงนี่” เขามองดูเห็นเสื้อผ้าของเธอเปื้อนฝุ่น และตาเธอแดงๆ 

“มาโนช สบายดีนะ ดีใจจังได้เจอกันอีก” น้องนุชยิ้มระรื่นเมื่อเจอเพื่อนเก่า  

เลิกงานตอนเย็น ผู้กองมาโนชพานุชไปทานข้าวที่ร้านอาหาร และได้ฟังนุชปรับทุกข์เรื่องราวทั้งหมด เขาเสนอให้เธอพักที่รีสอร์ทคนรู้จักคืนนี้ก่อน พรุ่งนี้เขาอาสาจะพาเธอเข้าไปไกล่เกลี่ยกับนายพลที่บ้านอีกครั้ง โดยบอกว่า ครั้งนี้ถ้านายพลยังดื้อดึงคงต้องขอหมายศาลให้ออกคำสั่งขับไล่เขาออกไปจากบ้าน ซึ่งนั่นน่าจะเป็นหนทางสุดท้ายหากยังคุยกันไม่รู้เรื่อง 

“จะว่าไป นุชก็เห็นใจเขานะโนช เขาเสียพี่แขกับลูกไป บ้านนี้คงเป็นความทรงจำของเขาที่เหลืออยู่ ถ้าเราใช้หมายศาล มันจะดูไร้หัวใจไปหน่อย” เธอพูดพลางเขี่ยข้าวในจานไปมา ผู้กองหนุ่มหัวเราะหึหึ 

“ดูสภาพตัวเองก่อนสินุช โดนเข้าอย่างนี้ยังจะไปเห็นใจเขาอีก แม่พระจริงๆเลยเธอ” 

“ก็มันจริงนี่นา ฉันเห็นเขาเมาไม่เป็นผู้เป็นคน คงเสียใจมาก ฉันอดสงสารเขาไม่ได้เหมือนกัน” 

“คืนนี้นอนที่รีสอร์ทเพื่อนเราก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะมารับไปด้วยกัน” ผู้กองมาโนช จัดแจงไปส่งนุชที่รีสอร์ทใกล้ๆ เขารู้สึกว่า เพื่อนสาวคนนี้ ดูสวยน่ารักกว่าตอนเป็นนักเรียนมัธยมด้วยกันเสียอีก  

“อยู่ได้นะนุช” เขามองอย่างเป็นห่วงก่อนสตาร์ทรถ 

“ไม่มีปัญหาหรอกน่าโนช สบายมาก” นุชยิ้มและโบกมือบ๊ายบายผู้กองเพื่อนรักที่ขับรถออกไปแต่สายตาเว้าวอนนั้นทอดอาลัยเมื่อต้องจากกัน   คืนนั้น น้องนุชนอนคิดถึงแววตาเศร้าของพลที่สะเทือนใจเธอทั้งคืน ผู้ชายคนนี้ไร้มารยาทกับเธออย่างไม่น่าอภัยให้ แต่อีกใจหนึ่ง เธอกลับรู้สึกสงสารเขาจับใจอย่างยากจะอธิบาย ความรู้สึกขัดแย้งในใจตีกันวุ่นวายไปหมดจนเธอต้องเอาหมอนอุดหูและพยายามข่มตาหลับ 

“ไม่ได้ น้องนุช เธอมาทวงบ้านของเธอ ทวงบ้านของพี่สาวเธอ เธอจะรู้สึกกับอีตาพลบ้าไร้มารยาทนั่นไม่ได้ เพราะเขาเป็นพี่เขยเธอ และเขาก็ทำกับเธอไม่ดีนะ” หญิงสาวพยายามสั่งจิตตนเอง เธอรู้ดีว่าความรู้สึกในใจนั้นปั่นป่วน แค่แวบเดียวจริงๆที่สบสายตาเขา มันทำให้เธอสะท้านสะเทือนไปถึงหัวใจ ความสงสารเอ่อขึ้นมาจับขั้วหัวใจของหญิงสาว แล้วคำที่บิดาสั่งเธอไว้ก็พลันผุดขึ้นมา  

“นุช พูดกับพี่พลเขาดีๆนะลูก สงสารเห็นใจเขานะ เขาเพิ่งสูญเสียแขไขกับลูกไป เขายังทำใจไม่ได้หรอกลูก ให้เวลาเขาสักนิดนะ แล้วค่อยขอร้องให้เขาย้ายไปอยู่ที่อื่น” 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว