“พี่ผิดหวังจริงๆ เลยที่รับเราเข้าทำงาน เพราะพี่คิดว่าเราฉลาด”
ไอยวริญท์บอสใหญ่ของบริษัทควบคู่ตำแหน่งคนรักของฉันได้พูดกับฉันโกรธอย่างเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่
สมควรที่พี่ไอซ์ของเธอจะโมโหมากมายอยู่หรอก ก็ฉันดันทำผิดพลาดร้ายแรงระหว่างการเจรจาเซ็นสัญญาระหว่างคู่ค้ารายใหญ่กับบริษัท ทำให้คู่ค้าของเราไม่พอใจมาก ถึงกับยกเลิกคำสั่งซื้อไปหลายแสน ซึ่งทำให้ยอดขายของเราลดฮวบไปพอสมควรของยอดขายทั้งหมดในไตรมาสที่1ของปีนี้
“คุณเองก็น่าจะรู้นิคะว่า คู่ค้ารายนี้สำคัญมากแค่ไหน ทำงานที่นี่ก็หลายเดือนแล้ว น่าจะพอมีจิตสำนึกทางด้านธุรกิจบ้างแล้วนะคะว่าอะไรคือหัวใจหลักของการทำงานเป็นผู้ช่วยของพี่”
ฉันได้แต่นิ่งเงียบ เหงื่อตก แต่สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ใคร่สู้ดีนัก
แต่ฉันไม่แม้แต่จะโต้แย้งอะไรออกไป เพราะเป็นเรื่องจริงที่ฉันทำผิดพลาดไปโดยไม่ทันระวัง แน่นอนว่า ความผิดครั้งนี้ ฉันจะจำไว้ชั่วชีวิต และหากเลือกอาชีพได้ใหม่อีกครั้ง จะไม่ขอเป็นเลขานุการอีกเป็นอันขาด
“ในฐานะประธาน พี่ขอสั่งพักงานคุณ 3 เดือน เป็นการชดใช้ค่าเสียหายโดยไม่ได้รับเงินเดือน ถ้าเป็นที่อื่นนี่ไล่ออกสถานเดียวนะ ถือว่าพี่เมตตาเราสุดๆ ละนะ ตอนนี้พี่ไม่อยากคุยกับเรา จะไปไหนก็ไป”
ฉันน้ำตาไหลพราก เอ่ย ค่ะ คำหนึ่งมันช่างยากเย็นนักในเวลาที่หัวใจกำลังอ่อนแอสุดๆ รีบก้าวออกบริษัทไป และปิดเครื่องมือการสื่อสารของตนทันที
...........
"เฮ้อ..."
น้ำเสียงทอดหายใจของฉันเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่าตนนั้นพยายามทำอะไรก็ไม่ได้ความไปเสียทุกที
ในใจฉันกำลังสับสนอย่างหนัก ว่าตอนนี้อยู่ในสภาพเหมือนคนตกงาน ควรจะทำอะไรต่อไปในชีวิตดี ที่ทั้งถนัดและรายได้พอเลี้ยงประทังชีพตนเอง
บี๋ หรือ จริญญาทุกวันนี้ที่พออยู่รอดในแต่ละวันเพราะคนรักของเธอที่เป็นถึงผู้บริหารสูงสุดของบริษัทหรอกนะที่เลี้ยงดูปูเสื่อตนเป็นอย่างดีในทุกๆ วัน จะไม่ให้เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร ก็ในเมื่อคนพี่ทราบว่าฐานะการเงินที่บ้านบี๋ค่อนข้างลำบาก และความที่อยากอยู่ใกล้คนที่ไอยวริญท์รัก จึงจัดการให้คนอายุอ่อนกว่าย้ายมาอยู่กับไอยวรินท์เป็นที่เรียบร้อย แลกด้วยให้ตนทำงานเป็นผู้ช่วยของคนรัก
แต่ด้วยความใสซื่อ อ่อนต่อโลก อ่อนไหวง่ายคุณสมบัติเหล่านี้ไม่เหมาะที่อยู่ในวงแวดธุรกิจเสียเท่าไหร่นัก หากแต่แฟนสาวของบี๋พยายามถ่ายทอดวิชาให้ด้วยความอดทน เพราะรู้ดีว่าฉันไม่ใช่คนเก่งทางด้านนี้
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไอยวริญท์ไม่เคยที่จะกล่าวตำหนิใดๆ ต่อคนเป็นน้องสักครั้ง ในเมื่อเธอยังใหม่ต่อด้านนี้มาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คนรักของตนขึ้นเสียงตวาดใส่อย่างเหลืออด
....ผิดที่เป็นคนไม่เอาไหน.....
....อยากอยู่เหงาๆ คนเดียวจัง.....
ระหว่างที่เดินเรื่อยเปื่อย คิดอยู่ว่าจะไปไหนดีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้เป็นที่พักใจชั่วคราว
....ไปในที่ๆ อยากจะไป....
....ไปในที่ๆ ไม่มีคนรู้จัก....
"ไหนๆ ก็ไม่ต้องไปทำงาน3เดือน แอ่วเหนือสักระยะดีกว่า" ดีที่พอมีเงินเก็บไว้บ้าง เมื่อคิดได้ จึงรีบเช็คเวลา จองตั๋ว กลับห้องไปเก็บของ แล้วออกเดินทางทันที
.
.
.
รถออก 3 ทุ่ม ขณะนี้ฉันอยู่บนรถทัวร์ที่จะไปเชียงใหม่เรียบร้อยแล้ว
ทำไมฉันถึงเลือกนั่งรถทัวร์น่ะหรอ ก็เพราะอยากใช้เวลานั่งรถคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะสิ ไม่อยากรีบร้อนให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ช่วงที่นั่งรถหลายชั่วโมงเป็นช่วงที่ฉันมีอิสระในตัวเองมากที่สุด อยากจะคิดอะไรก็คิด อยากจะอ่านอะไรก็อ่าน อยากจะฟังเพลงนานเท่าไรก็แล้วแต่ตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเข้ามาห้ามหรือขัดจังหวะ
เหลืออีก10นาที จะได้เวลารถออก ฉันที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ดีๆ นั้น ผู้โดยสารคนสวยคนหนึ่งก้าวขึ้นบันรถมานั่งข้างๆ ด้วย พร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาให้
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อแพรนะ พี่เห็นเรานั่งเงียบๆ คนเดียวอยู่ เลยอยากเข้ามาคุยเล่นด้วยนะคะ”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อบี๋ค่ะ ยินดีค่ะพี่แพร” ฉันยิ้มตอบ พลางสำรวจใบหน้าสวยของคนที่นั่งติดกัน
หน้าขาวเล็กหวาน ตาตี่ๆ จมูกหน่อย เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส เมื่อดูได้สักพักกลับรู้สึกว่าทำไมเหมือนเคยเจอคนๆ นี้ที่ไหนมาก่อนนะ รู้สึกมีความคุ้นเคยกันอย่างบอกไม่ถูก
“ชื่อน่ารักดีนะเรา ว่าแต่ไปเที่ยวคนเดียวหรอ มีที่พักหรือยัง จะไปเที่ยวยังไง"
"หนูยังไม่ได้วางแผนอะไรเลยพี่ พอดีว่าตัดสินใจเดินทางกะทัน เลยตั้งใจจะมาหาที่พักและการเดินทางบนรถอะค่ะ กว่าจะถึงที่หมายก็อีกทั้งคืน"
"ทำไมมาคนเดียวละ ผู้หญิงตัวคนเดียวเดินทางอันตรายนะ ยิ่งไปต่างถิ่นด้วยแล้ว แล้วมีคนรู้จักอยู่ที่นั่นมั้ย" แพรถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่มีค่ะ หนูแค่อยากไปเที่ยวพักใจคนเดียวแค่นั้นเองคะ" ฉันเอ่ยเสียงเบา ก้มหน้าหลุบตาคนข้างๆ
"เล่าให้พี่ฟังได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนู" แพรรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก เห็นท่าทางที่หงอยๆ ของน้องจึงอยากให้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง
ฉันลังเลไปชั่วขณะว่าจะเล่าให้ฟังดีมั้ย แต่ความรู้สึกบ่งบอกว่าคนนี้ใช้ได้พอควร ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พี่แพรฟัง
"อืมมม... ก็น่าเห็นใจเรานะ ถ้าเป็นพี่พี่ก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน เอางี้มั้ย ไปพักกับพี่ก่อน พี่มีที่พักอยู่ที่นี่ แล้วเรื่องอื่นๆ ไปถึงแล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้เราน่าจะเหนื่อยแล้วละ ถ้าให้ต้องหาที่พักอะไรอีกคืนนี้คงหลับไม่สบายแน่ๆ " แพรเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย
"เรื่องแฟนไม่ต้องห่วงหรอก ปล่อยเค้าไปก่อนสักพัก เดี๋ยวนางก็ทนไม่ไหวออกมาตามหาเองแหละ ตอนนี้เอาใจเราให้โล่งก่อน เที่ยวให้สนุกก่อนนะ ที่เหลือจะเป็นยังไงค่อยว่ากันไป"
ทั้งสองพูดคุยกันอีกสักพักก็เริ่มง่วงและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียในที่สุด
..........
7โมงเช้า รถแล่นมาจอด ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารเชียงใหม่ พี่แพรโทรเรียกคนขับรถให้มารับและพาฉันติดรถไปด้วย
...ตื่นเต้นจัง...
...เป็นครั้งแรกที่ห่างจากพี่ไอซ์ไกลขนาดนี้...
ผ่านไป20นาที รถแล่นมาจอดหน้ารีสอร์ทพักพิงใจ ซึ่งระหว่างนั่งรถพี่แพรเล่าให้ฟังว่า เธอกำลังทำกิจการรีสอร์ทกับร้านอาหาร ซึ่งสาวหน้าสวยมีร้านอาหารอยู่ที่กทมอยู่แล้ว แต่ต้องการขยายสาขาที่เชียงใหม่เพราะนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเชียงใหม่นับวันคนยิ่งเยอะขึ้น ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเพิ่มยอดขายให้กับกิจการของตน
หลังจากเข้าที่พักจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายพี่แพรพาฉันออกไปเที่ยวพระธาตุดอยสุเทพ แม่กำปอง ตบท้ายด้วยพาไปเดินถนนคนเดินท่าแพ
ยอมรับว่าคิดไม่ผิดจริงๆ ที่มาถึงนี่ ระหว่างเที่ยวใช้เวลาไปกับการถ่ายรูปกับการเดินเป็นส่วนใหญ่ทำให้ลืมเรื่องหมองหม่นไปได้ชั่วคราว
"ขอบคุณพี่แพรมากๆ นะคะที่อุตส่าพาหนูเที่ยว พาเที่ยวทั้งวันแบบนี้รบกวนเวลาพี่แพรมากไป หนูรู้สึกเกรงใจจัง พรุ่งนี้หนูไปเที่ยวเองก็ได้ค่ะ" ฉันเอ่ยขอบคุณด้วยความเกรงใจ
ที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากไปกับตนด้วย
"พี่เต็มใจค่ะ เพราะพี่กลับมาครั้งนี้ไม่ได้มีธุระอะไรด้วย พี่เองก็เบื่อกทมอยากจะพักเที่ยวเล่นเหมือนกับหนูแหละจ้า อย่าไปคิดมาก " เธอเต็มใจพาน้องไปเที่ยวอย่างที่พูดจริงๆ เพราะเธอเองก็อยากจะหาคำตอบเหมือนกันว่าทำไมถึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคยกับน้องคนนี้อย่างน่าประหลาด
"เหนื่อยแย่เลยคะ ที่ต้องขับรถตลอดเลย" ฉันก็ยังแอบรู้สึกผิดที่รบกวนอีกฝ่ายมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ
"บอกแล้วไงคะว่าอย่าคิดมาก พี่เอ็นดูเราตั้งแต่ที่เจอกันบนรถทัวร์แล้วละค่ะทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงน้องสาวแท้ๆ ของพี่ หน้าหนูคล้ายกับน้องพี่มากนะ "
แล้วแพรก็เล่าเรื่องให้ฉันฟังว่า เธอมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง อายุห่างกับเธอ 5 ปี แต่ตอนที่เธออายุ15ขวบ คุณป้าก็มาขอพี่แพรไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกับน้องสาวแท้ๆ ของเธออีกเลย
ฉันดูสีหน้าที่หม่นหมองลงไปด้วยความเห็นใจ และกุมมือพี่เขาเป็นเชิงปลอบใจแทนคำพูด
“หนูก็เคยมีพี่สาว แต่เสียไปนานแล้วละค่ะ พ่อแม่หนูก็ไปหมดแล้ว เหลือหนูไว้บนโลกนี้คนเดียว เคยแอบคิดเหมือนกันนะว่าทำไมเบื้องบนถึงต้องพรากคนที่หนูรักไปทั้งหมด ทำไมไม่เอาหนูไปแทน “ฉันพูดเรื่องของฉันขึ้นมาบ้างเพื่อไม่ให้พี่แพรเศร้าเพียงฝ่ายเดียว
พ่อแม่ของฉันท่านจากไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นเด็กน้อยอย่างฉันยังเหลือพี่สาวคนเดียวที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับฉัน แต่ไม่นานพี่สาวฉันก็หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุมาหลายปีจนฉันคิดไปเองว่าบางทีพี่สาวฉันอาจจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้
ตั้งแต่นั้นมา ฉันต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ทำงานพวกใช้แรงงานเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ พ่อแม่ฉันเสียชีวิตขณะที่ฉันเพิ่งจบม.3 เรื่องเรียนต่อก็อย่าไปฝันถึงเลย ลำพังเอาตัวรอดแต่ละวันก็นับว่าสาหัสสากรรจ์แล้ว
จนกระทั่งมาพบไอยวรินท์คนรักปัจจุบันของฉัน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถเล่าให้หมดในนี้ได้ ถ้าไม่เจอพี่ไอซ์บางทีฉันอาจจะต้องอยู่อย่างเดียวดาย ตายอย่างไร้ค่าไปแล้วก็ได้
หลังจากที่คุยกับพี่แพรเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เข้าห้องพักทันที ด้วยอารมณ์เหงา ฉันจึงออกไปร้องเพลงระบายอารมณ์ในระเบียงห้องพัก ระหว่างที่ฉันร้องก็มีใครบางคนบังเอิญเดินผ่านมาได้ยินเข้า……..
.................
(ไอยวริญท์)
........หลังจากที่ฉันไล่บี๋ออกจากห้องไปได้สักพัก อารมณ์เดือดเป็นฟืนเป็นไฟเริ่มเย็นลง หัวสมองเริ่มกลับมาคิดทบทวนถึงท่าทางคำพูดฟังมันรุนแรงกว่าทุกครั้งที่ฉันในฐานะเจ้านายตำหนิลูกน้อง แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ของบี๋ ไม่สามารถปล่อยปละละเลยไปได้ จึงต้องสั่งพักงานและงดรับเงินเดือน 3 เดือนตามกฏของบริษัท
แม้บี๋จะถูกสั่งพักงานที่บริษัท ไม่ได้หมายความว่าไอยวรินท์จะรักคนน้องน้อยลง กลับจะรักมากขึ้นไปทุกวันด้วยซ้ำ แต่ไม่สามารถแสดงออกอย่างประเจิดประเจ้อได้ เพราะฉะนั้น เมื่อคนเด็กกว่าไม่สามารถกลับมาทำงานได้ในช่วง 3 เดือนนี้ตามคำสั่งไอยวรินท์ ตนวางแผนไว้แล้วว่าจะให้แฟนสาวไปทำอะไร
ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกัน คงจะไม่มีวันยอมเห็นคนรักตัวเองไปตกระกำลำบากที่ไหน ต่อให้ด้วยหน้าที่การงานจะบังคับให้เกิดอะไรขึ้นแบบนี้ก็ตามที
ถึงบี้จะยังอ่อนหัดมากนักในวงการธุรกิจ แต่เรื่องการดูแลเอาใจใส่อาหารการกิน หรือจะเป็นเรื่องสุขภาพ แม้กระทั่งการนอนให้ฉันทุกคืนที่ใช้เวลาร่วมกัน กลับทำได้ดีจนฉันรู้สึกเหมือนบี๋เป็นสิ่งเสพติดที่ขาดไปไม่ได้แล้วในชีวิตนี้ ไม่ว่าบี๋จะเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นคนที่ไอยวรินท์รักหมดใจ
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกังวลว่าบี๋จะทำอะไรโง่ๆ หรือไม่
....เด็กน้อยของพี่ยิ่งขี้น้อยใจอยู่ด้วย...
....ท่าจะต้องง้อเด็กน้อยซะแล้วละ ..
คืนนั้นหลังจากเคลียร์งานเสร็จ กว่าจะถึงห้องก็เที่ยงคืนไปแล้ว ฉันคิดว่าเด็กน้อยคงจะหลับไปนานแล้วละ แต่ฉันคิดผิด เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป เจอแต่ความมืด ไม่พบแฟนสาวของเธอที่เวลานี้แล้วควรนอนอยู่บนเตียง
“หายไปไหนของบี๋วะเนี่ย” ฉันพึมพำอย่างหัวเสียไม่น้อยที่ถูกทิ้งให้ต้องนอนคนเดียว
ฉันโทรไป ส่งข้อความไปหา ก็ไม่มีการตอบรับ ฉันเริ่มกระวนกระวาย ลองโทรหาเพื่อนของบี๋แต่ละคนก็ไม่มีใครทราบว่าบี๋ไปไหน (เพื่อนของน้องเป็นพวกวันหยุดทีไรโต้รุ่งทุกที ฉันจึงไม่ต้องกังวลที่จะต้องโทรไปหาในเวลานี้)
ปกติบี๋เองไม่เคยหายไปแบบไม่ได้บอกกล่าวไว้ก่อนแบบนี้ ทำให้ฉันค่อนข้างร้อนใจกับการหายตัวของสาวหน้าหมวย เพราะผ่านมาสองสามชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววที่จะติดต่อได้เลยจนเวลาผ่านมาถึงตีสามแล้ว ฉันคิดอะไรไม่ออกว่าจะตามหาบี๋ได้ที่ไหน ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงจัดการตัวเองอาบน้ำนอนก่อน
ฉันพยายามหลับตานอน แต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยจนแสงสว่างสาดส่องเข้ามาถึงจะได้หลับไปบ้าง
..... ไม่มีหมอนข้างตัวเป็นๆ ให้กอดข้างกาย ไม่มีคนจูบราตรีสวัสดิ์ ไม่มีคนคอยลูบหัวฉันก่อนนอน เป็นอะไรที่ทรมานใจชะมัด ...
...แสบนักนะไอ้เด็กบ้า ทำพี่นอนไม่หลับ กลับมาจับปล้ำซะให้เข็ด.....
ใน2-3วันนี้ ฉันไม่เป็นอันทำงาน ในหัวคิดแต่จะตามตัวบี๋ให้เจอได้อย่างไร
เนื่องจากความที่หวงคนรักมากของไอยวริญท์ ปกติในวันหยุดหากอยากไปไหน คนเป็นพี่จึงมักจะพาน้องไปเสมอ ไม่ปล่อยให้ไปคนเดียวด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ใครมามองแฟนของตน เพราะหน้าตาที่สวยหวานค่อนไปทางหมวยนิดๆ ของน้อง และรูปร่างสมส่วน อกใหญ่เกินตัว ขาเรียวขาว มักจะดึงดูดสายตาหนุ่มๆ หรือแม้กระทั่งเพศเดียวกันไอยวริญท์ก็ไม่ไว้ใจที่จะให้บี๋ไปไหนมาไหนเพียงลำพัง
เสียงมือถือดังขึ้น
“ฮัลโหล มีไร”
“แกเห็นรูปในเฟสฉันหรือยังคะ ยัยไอซ์ “
“หึ ฉันยังไม่มีอารมณ์จะเข้าเฟสว่ะ กำลังหาทางตามแฟนกลับมาอยู่ “
“ไม่เปิดแล้วจะรู้ได้ไง สิ่งที่อยากจะรู้คำตอบ บางทีอาจจะอยู่ตรงหน้าแกแล้วก็ได้นะเฮ้ย”
คำพูดเป็นนัยของเพื่อนสนิท ทำเอาฉันรีบเปิดดูทันที ฉันตาเบิกกว้างเมื่อพบเจอใครบางคนที่ฉันกำลังตามหาอยู่
“ขอบใจมากคุณเพื่อน ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ ฝากดูแลด้วย” พูดจบฉันรีบตัดสายไปเพื่อไปทำอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจฉันพองโตขึ้นมาทันที
ฉันรู้แล้วว่าฉันทำหัวใจตกหล่นไว้ที่ไหน
...........
(บี๋)
คืนที่สองของการพักที่นี่ พี่แพรที่เป็นเจ้าของร้านอาหารและให้ที่พักฉันอยู่นั้น หลังจากที่เมื่อวานแอบได้ยินฉันร้องเพลงในสวนหลังที่พัก มาขอร้องให้ช่วยร้องเพลงสร้างบรรยากาศให้ลูกค้าในวันแห่งความรักนี้ แลกกับค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันได้ติดตัวไว้ เป็นเรื่องดีที่ช่วยให้ฉันไม่ต่องพึ่งเงินเก็บให้มากนักระหว่างที่ฉันถูกพักงาน ซึ่งฉันตั้งใจว่าจะช่วยพี่แพรให้ถึงที่สุดเพื่อเป็นการตอบแทนที่ให้ฉันพักที่นี่โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท
ฉันแอบเอะใจเล็กน้อย พวกเราไม่เคยรู้จักกัน แต่กลับให้ฉันพักฟรีและดูแลอย่างดีเทียบเท่าแขกวีไอพี
แต่ไม่มีเวลาคิดอะไรนอกเหนือไปจากเตรียมร้องเพลงสำหรับคืนนี้ เพราะพี่แพรจะให้ฉันเป็นตัวเด่นของงานนี้ในการร้องเพลง เพียงคนเดียว เพราะพี่แพรเชื่อว่ามีแต่ฉันคนเดียวที่สามารถดึงบรรยากาศโรแมนติกและความรู้สึกของคนฟังออกมาได้อย่างแท้จริง ด้วยพรสวรรค์การร้องเพลงของฉันที่ไม่มีใครรู้นอกจากพี่แพร แม้กระทั่งคนรักฉันเองก็ยังไม่เคยมีโอกาสฟังฉันร้องเพลงเลย
แน่นอนที่นั่งในร้านต่างถูกจับจองไว้ล่วงหน้าเต็มแล้วจากบรรดาคู่รักทั้งหลายที่เลือกสถานที่ดินเนอร์ ณ ที่แห่งนี้
คืนนี้ลูกค้าที่จองที่นั่งไว้มาเยอะเป็นพิเศษ บรรยากาศในร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรัก ฉันเห็นแต่ละคู่กำลังสวีทกัน พาลคิดไปถึงใครบางคนที่เป็นเจ้านายพ่วงตำแหน่งคนของหัวใจของตนที่น่าจะกำลังหักโหมเรื่องงานอยู่ เพราะไม่มีวี่แววว่าจะติดต่อตามหากันเลย คิดแล้วก็อดน้อยใจเล็กๆ ไม่ได้
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปนะ คนกันเองทั้งนั้น ชิวๆ เข้าไว้นะ” พี่แพรตบบ่าให้กำลังใจฉัน ฉันยิ้มบอกขอบคุณ
“ให้คิดซะว่าร้องเพลงให้แฟนก็แล้วกัน” พี่แพรเอ่ยเย้า..ให้เขินอายกันไป
“หนูหนีมาพักใจ ไม่ได้บอกแฟนไว้ เธอคงจะรู้หรอกว่าหนูอยู่ไหน” ฉันพูดลอยๆ ให้พี่แพร
พี่แพรฟังแล้วยิ้มให้ฉันบอกว่า “บี๋เชื่อในปาฏิหาริย์มั้ย ต่อให้อยู่ไกลกันแค่ไหน ปาฏิหาริย์แห่งรักจะช่วยดึงคนแปลกหน้าสองคนให้เข้าใกล้กัน ต่อให้โกรธกันทะเลาะกัน ปาฏิหาริย์แห่งรักจะช่วยให้เราสองคนมีความผูกพันทางใจกันมากขึ้น เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งคิดมากไป อะไรที่ยังไม่เกิดไม่ใช่ว่ามันจะไม่มี แต่ละคนมีจังหวะไม่เหมือนกัน พี่เชื่ออย่างนี้นะ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้นจริงเถอะค่ะพี่แพร”
ฉันยิ้มแล้วเตรียมตัวร้องเพลงในอีก10นาทีข้างหน้านี้แล้ว
....ตื่นเต้นจัง ยิ่งไม่มีใครคนนั้นอยู่ข้างกายคอยปลอบใจเวลาแบบนี้ด้วย....
เพราะแบบนี้
ฉันเลยเลือกร้อง when I fall in love เพราะเป็นเพลงที่ฉันชอบและคิดว่าสามารถดึงดูดอารมณ์ของฉันได้มากที่สุด
It’ s the coldest night
People passing by
You will be the one
That light up my life
มันคือค่ำคืนอันแสนเหน็บหนาว
ผู้คนเดินผ่านไป
เธอจะเป็นเพียงคนเดียว
ที่เติมแสงสว่างให้ชีวิตฉันได้
When you’ re close to me
Make me feel alive
Like never before
When my whole world had died
ยามที่เธออยู่ใกล้ชิดฉัน
ทำให้ฉันมีชีวิตชีวา
อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ในตอนที่โลกของฉันพังทลายไปหมดแล้ว
Painful memories lonely places
I had been there a long time
Now I found you where I belong
My whole life will never be the same
ความทรงจำอันแสนเจ็บปวด สถานที่อันโดดเดี่ยว
ฉันอยู่ที่นั่นมานานแสนนาน
แต่ตอนนี้ฉันได้พบกับเธอแล้ว ที่ที่ฉันคู่ควร
ชีวิตของฉันจะไม่มีวันเป็นเช่นเดิมอีกแล้ว
When I fall in love with you
Anything is out of the blue
In the dark night there’ ll be sunlight
And you’ ll be the destiny that I’ m going to
เมื่อฉันได้ตกหลุมรักเธอ
ทุกๆ อย่างที่เคยเศร้าหมองก็มลายหายไปหมด
ในค่ำคืนอันแสนมืดมิด ก็จะมีแสงตะวัน
และเธอจะเป็นโชคชะตาที่ฉันมุ่งไปหา
When I fall in love with you
Wish this dream is forever true
Having you right here face to face
Let nobody else come between me and you
When I fall in love
เมื่อฉันได้ตกหลุมรักเธอ
ก็ภาวนาให้ความฝันนี้เป็นจริงไปตลอดกาลเถอะนะ
ได้มีเธออยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉัน
จะไม่ยอมให้ใครมาแทรกกลางระหว่างเราเด็ดขาด
เมื่อฉันได้ตกหลุมรัก*
บทเพลงบรรเลงจบแล้ว คู่รักทั้งหลายต่างปรบมือให้ฉันอย่างอึ้งทึ่งในเสียงร้องของฉัน และมีหลายคู่เข้ามาขอถ่ายรูปด้วย ฉันยิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้มใจที่แต่ละคนให้ความสนใจกับฉันมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต
หลังปิดร้าน พี่แพรเรียกฉันไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนสนิทพี่แพร4-5คนที่ห้องพักส่วนตัว ตอนแรกฉันว่าจะไม่ไป เพราะรู้สึกเหนื่อย อยากจะนอนพักมากกว่า แต่ทนคำอ้อนวอนของพี่แพรไม่ได้ จึงจำเป็นต้องตามพี่แพรไปด้วย
ขณะที่กำลังก้าวเดินเข้าไปในห้อง สายตาของฉันปะทะเข้ากับสายตาที่ฉันคุ้นเคยด้วยความตกใจ
พี่ไอซ์คนเย็นชาของฉัน กำลังนั่งอยู่ตรงข้ามพี่แพรจ้องมองฉันอยู่ด้วยสายตาเรียบนิ่งสุดๆ ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฉันที่ยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพี่ไอซ์ในตอนนี้ ได้แต่พยายามหลบหน้าไม่ให้มองพี่ไอซ์ได้ เห็นสายตาแล้วรู้สึกหนาวๆ ชอบกล แล้วเดินไปทางที่นั่งข้างๆ พี่แพร
แต่ทว่า
มือเรียวยาวของไอยวรินท์คว้าข้อมือของฉันไว้ จ้องหน้าฉันด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยเสียงเรียบ “อย่าทำตัวให้มันเยอะนักนะ” พูดจบก็ลุกออกไปข้างนอก ฉันหน้าชา และน้ำตาเริ่มไหลคลออีกครั้ง ที่จริงแล้วแอบรู้สึกดีใจเล็กๆ ที่ได้เจอคนรักที่นี่ แต่ไฉนเลยเจ้าตัวทำหน้าบอกบุญไม่รับ แถมยังดูหงุดหงิดอีก พี่แพรเห็นฉันท่าจะไม่ดีก็รีบบอกให้ไปนอนก่อน
“ไม่เป็นไร ยัยไอซ์เดี๋ยวพี่จัดการเอง มันก็ทำเก๊กไปงั้นแหละ แต่ลับหลังมันมาถามกับพี่ตลอดว่าบี๋เป็นไงบ้าง “พูดไปก็หมั่นไส้คนปากแข็งไม่ยอมรับว่าทั้งรักทั้งหวงคนน้องมาก อย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาแพรไปได้
......
(บี๋)
หลังจากกลับมาถึงห้องพัก ฉันล้มลงไปนอนบนเตียงและแทบจะหลับไปด้วยคราบน้ำตา ถ้าไม่มีเสียงประตุดังขึ้นมาหลังจากนั้น บางทีตอนนี้คงกำลังเฝ้าพระอินทร์อยู่แล้วละมั้ง
เสียงเปิดประตูดังเอี๊ยดแอ๊ด ดังก้องทั่วห้อง ฉันกำลังสะลึมสะลือ พยายามมองไปว่าผู้บุกรุกในยามวิกาลคือใคร
ฉันที่ยังอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น สมองยังประมวลผลไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้าตน ผู้บุกรุกก็เปิดไฟจากมือถือเดินเข้าไปในห้อง เดินตรงมาที่เตียงที่ฉันกำลังนอนอยู่ และขึ้นคร่อมตัวฉัน
"อ๊ะ..."
บุคคลปริศนาไม่ปล่อยให้ฉันได้พูดอะไรออกไป หากใช้ริมฝีปากประกบบดลงส่วนเดียวกันของฉัน ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าตัวตนของผู้บุกรุกที่แท้จริงนั้นคือใคร
มือปลาหมึกของไอยวริญท์เริ่มทำหน้าที่สัมผัสเล้าโลมเบื้องต้นไปทั่วร่างกายแฟนสาว และจับชายเสื้อถอดออกไปจากลำตัว ก้มหน้าทำรอยรักตรงกลางเนินอกที่แทบจะล้นปราการออกมาให้เกิดรอยแดงขึ้นมาเด่นชัด และปลดด่านปราการชั้นบนออกไปให้พ้นมือ ร่างเปลือยท่อนบนของคนน้องถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเย็นจากลมที่พัดเข้ามา
ลูกแมวน้อยเห็นท่อนบนของตนไร้ซึ่งอาภรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ออกอาการเขินจนหน้าแดงรีบใช้สองมือขึ้นมาปกปิดยอดอก หากแต่ถูกร่างสูงตรึงมือสองข้างของตนไว้กับที่นอนไม่ให้ปกปิดส่วนใดๆ แก่คนพี่
"ใจร้ายจังนะคะที่รัก ทิ้งพี่ให้นอนเหงาเดียวดายที่ห้องได้ไงตั้งหลายวัน "เสียงแหบพร่าของไอยวริญท์ตัดพ้อคนเป็นน้องที่ทำให้ตนนอนไม่หลับเลยตั้งแต่คืนที่...ไม่นอนที่ห้องด้วย พูดไปเคล้าคลึงอกสวยสองเต้านั้นเบาแรงสลับกันทำอย่างเต็มมือ..อดครางเสียงหวานด้วยความซาบซ่าไม่ได้
หึ อยู่ต่อหน้าคนอื่นชอบทำตีหน้านิ่ง อยู่ต่อหน้าแฟนเด็กเป็นคนหื่นดีๆ นี่เอง
"หลายวันที่ไหนละคะ บี๋เพิ่งมาถึงที่นี่ได้แค่2-3วันเอง แล้วใครกันแน่คะที่ทิ้งใคร พี่ไล่ให้บี๋จะไปไหนก็ไป จะให้บี๋ไปอยู่ที่ไหนละคะ" ฉันพูดอย่างงอนๆ เบนหน้าหนีไปทางซ้าย เป็นเรื่องจริงที่มาหลบพักใจที่น้อยเนื้อต่ำใจในความสามารถของตนต่อหน้าบริษัทของพี่ และคนพี่ก็ได้เอ่ยปากไล่ตนให้ไปที่ไหนก็ได้จริงๆ
"พี่ขอโทษนะคะที่พี่พูดจาทำร้ายจิตใจแบบนั้นกับบี๋ไป พี่ปากเสียเอง ยกโทษให้พี่เถิด พี่ไม่เคยคิดจะไล่บี้ไปไหนจากตัวพี่เลยนะคะ แค่บี๋ไม่อยู่2-3วัน พี่จะขาดใจตายอยู่แล้วนะคะ ไม่ได้นอนกอดเราเลย " คนเป็นพี่พูดเสียงแผ่วกระซิบข้างหู เอาจมูกฝังไว้ที่แก้มนิ่มๆ ของเด็กสาว ใช้ริมฝีปากไปคลอเคลียกับของอีกฝ่าย พร้อมค่อยๆ ประคองหน้าอย่างนุ่มนวลให้หันมาทางคนพี่ แถมงับจูบเบาๆ แลกลิ้นอย่างอ่อนโยนและเว้าวอนให้คนเป็นน้องเลิกน้อยใจตนสักที
คนน้องเมื่อถูกงับริมฝีปากก็หมั่นไส้ กัดลิ้นเบาๆ ของคนเป็นพี่เป็นการเอาคืน ร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย แต่ไอยวรินท์หาได้ใส่ใจกับอาการเจ็บไม่ หากใช้มือสัมผัสกายเนื้อส่วนท้องและเลื้อยไปด้านหลังหมุนไปหมุนมาสร้างความสยิวบนผิวกายของคนร่างบางขณะที่ริมฝีปากยังคงนัวเนียอยู่กับริมฝีปากของอีกคนไม่ได้ปล่อย
"วันนั้น..."
"พี่ให้เราพักงาน3เดือนก็จริง ไม่ได้หมายความว่าให้ไปไหนก็ได้นะคะ เราหนีมา หัวใจพี่แทบหยุดเต้นแหน่ะ ทั้งเหี่ยวทั้งเฉา ไม่คิดจะรับผิดชอบหัวใจพี่หน่อยเหรอคะที่รัก" พูดไปก็ทำแสร้งทำหน้างอนแก้มป่องไป เห็นแล้วฉันอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ กับอาการของคนรักในขณะนี้ บอกได้คำเดียวว่า 'น่ารัก'
แต่ด้วยอารมณ์งอนที่ยังมีอยู่ อดไม่ได้ที่จะสบัดหน้าออกไปทางซ้ายมือและตอบคนพี่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ปนประชดนิดๆ “ถ้าจะโทษก็ต้องโทษพี่นั่นแหละ ดูแลหัวใจตัวเองไม่ดีเอง” ทำให้สาวหน้าคมข้างบนกายน้อยอดยิ้มออกมาไม่ได้กับท่าทีพ่อแง่แม่งอนของน้อง
“ไม่มีฉันเธอจะนอนหลับไหม "นอนด้วยกัน" มันจะดีกว่าไหม” ว่าไปคนพี่ประคองใบหน้าสวยให้มาสบตาตนอีกครั้ง
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างกระทบส่วนบนของคนรักทำให้ภาพที่ปรากฏต่อหน้าของร่างสูงช่างสวยงามนัก ไอยวรินท์หยุดพูด เมื่อเห็นรอยคราบน้ำตาและได้ยินเสียงสั่นสะอื้นเล็กน้อยหลังผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักบนใบหน้าสวยของน้อง รู้สึกปวดใจอย่างยิ่งที่ตนเป็นสาเหตุทำให้น้องต้องเสียน้ำตาอีกแล้ว
แล้วไอยวรินท์ก็บรรจงจูบซับรอยคราบน้ำตาทั้งสองข้างของแฟนสาว
“คนดีของพี่ กลับบ้านเรากันนะคะ” สาวร่างสูงกระซิบข้างหูของลูกแมวน้อยอย่างอ้อนวอน พร้อมบรรจงจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
ฉันกำลังรู้สึกฟุ้งซ่านในสิ่งที่คนบนร่างตนกำลังทำ แต่คนน้องรู้ดีว่าพี่ไอซ์ของเธอกำลังพยายามง้อ จึงใช้สองมือโอบกอดร่างสูงไว้อย่างเหนียวแน่นซึมซัมการสัมผัสจากคนข้างบนให้ได้มากที่สุด เป็นการตอบตกลงว่าเธอจะยอมกลับบ้านกับไอยวรินท์
ความอบอุ่นใจเมื่อได้อยู่ข้างกายคนเป็นพี่ ยังคงประทับอยู่ในใจของฉัน ไม่ว่าเราสองคนจะผ่านเหตุการณ์อะไรมาก็ตาม สุดท้ายคนเราก็หนีไม่พ้นหัวใจของตน
เมื่อร่างสูงซับน้ำตาให้แล้ว ไอยวรินท์ก็ยืดตัวขึ้นมาพร้อมตรึงแขนสองข้างของคนเป็นน้องไว้ข้างๆ อีกครั้ง ทั้งจดจ้องส่วนบนที่เปลือยเปล่าร่างงามของเด็กน้อย จ้องมองยอดอกสีชมพูของเด็กสาวไปชั่วขณะก่อนที่จะใช้มือลูบคลำไปทั้งสองเต้า ความหลงใหลและหวงแหน
“อื้ออ พี่จ้องอะไรแบบนั้น “ฉันปิดตาปี๋พูดด้วยความเขินอายที่เห็นคนพี่จ้องแต่ส่วนนั้นอย่างเดียว
“อา...ช่างสวยอะไรเช่นนี้ เด็กน้อยของพี่ พี่ชอบ สวยจน ไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้บี๋เลย” ไอยวรินท์เห็นร่างสวยเปลือยเปล่าใต้ร่างตนก็หน้าแดงและเพ้อออกมา
เธอชอบมองรูปร่างที่ได้สัดส่วนของแฟนสาวยามไร้สิ่งปกปิดกาย ถึงเธอจะเคยมองเรือนร่างคนอื่นในยามมีความสัมพันธ์กัน แต่ไม่เคยมีครั้งที่ไหนที่จะติดอกติดใจดูซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนของสาวหน้าหมวยใต้ร่างเธอ ไอยวรินท์รักทุกส่วนของกายน้อง
คนน้องทนเขินไม่ไหวกับสายตาและคำพูดที่ฟังดูกรุ้มกริ่มของคนหื่น จึงเปลี่ยนเรื่องขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจของไอยวรินท์ไปชั่วขณะ
"เรื่องเหตุผลที่พี่ให้พักงาน บี๋เข้าใจและไม่โกรธพี่เลยค่ะ แต่พี่ผิดหวังในตัวบี๋มากไม่ใช่เหรอ ที่บี๋ทำงานไม่ได้เรื่อง ทั้งๆ ที่เรียนรู้งานมาพอสมควรแล้ว บี้เลยตัดสินใจจะหนีไปพักใจคนเดียวสักพัก ให้บี๋พร้อมมากกว่านี้ ให้บี๋คิดอะไรได้ดีกว่านี้ แล้วค่อยกลับไป" ฉันยังคงทำหน้าเศร้า ยังจำได้เลยวันที่คนรักของเธอแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาชัดเจนขนาดไหนที่ตัวเธอทำงานผิดพลาดขนาดนี้
“บี๋คะ ในมุมมองหัวหน้างาน เรื่องความผิดพลาดนี้เป็นเรื่องใหญ่ พี่จำเป็นต้องลงโทษบี๋ ทุกอย่างจะต้องจัดการอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท พี่อาจจะมีสีหน้าท่าทางที่ดูรุนแรงไปบ้าง เพราะพี่ค่อนข้างคาดหวังสูงกับลูกน้องทุกคน ยิ่งคนใกล้ตัวอย่างบี๋แล้วยิ่งต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ จึงจำเป็นที่จะต้องลงโทษตามกฏของบริษัท เพื่อป้องกันความลำเอียงระหว่างพวกเราด้วยกัน พี่รู้ว่าบี๋เป็นคนมีเหตุผลนะ ถ้าบี้ไปต่อไม่ไหว พี่ยังสามารถหาคนมาทำแทนบี๋ได้” ไอยวรินท์พูดจบก็จัดการเปลื้องผ้าท่อนบนของตนเองบ้าง แล้วลงไปทาบบนตัวคนน้องสองมือประคองหน้าฉันและก้มหัวลงคลอเคลียที่ริมฝีปากอีกครั้ง
“แต่สำหรับพี่ เรื่องงานพี่ยังหาคนมาช่วยได้ แต่เรื่องหัวใจ ไม่มีใครทำหน้าที่เป็นเมียที่ดีของพี่เท่าบี๋แล้วนะคะ “พูดพลางเอาหน้าผากแตกหน้าผากและส่งสายตาหวานเยิ้มให้คนน้องรู้สึกเขินอายขึ้นมากับคำหวานของตน
“พี่แน่ใจหรือว่าจะอยู่กับเด็กที่ไม่ได้เรื่องอย่างบี๋ได้ บี๋ไม่ใช่คนเก่งรอบด้านแบบพี่สักหน่อยนะ กลัวทำพี่หม่นหมองชื่อเสียงถ้าเทียบกับคนอย่างบี๋” ฉันพูดเสียงเบาจากอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจในสิ่งที่คิดว่าตนนั้นไม่ดีพอและคู่ควรกับคนเป็นพี่เลย
ไอยวรินท์เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว ไม่วายที่จะรีบปลดกางเกงของตนและน้องออกไปให้พ้นจากกาย ตอนนี้เหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าสองร่าง คนร่างสูงรีบสวมมือเข้ากอดกายของน้องอย่างแนบแน่นเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายซึ่งกันและกันและกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงหวานใส “ถ้าไม่แน่ใจพี่จะยอมเปลื้องผ้าเปลือยกายกับเราแบบนี้เหรอคะ แล้วพี่ยังไม่ได้บอกสักคำเลยนะคะว่าบี๋ไม่ได้เรื่อง ถ้าบี๋ไม่แน่จริงคงไม่มาที่นี่คนเดียวและแอบรับจ็อบช่วยแพรร้องเพลงดึงลูกค้าได้มากขนาดนี้หรอกมั้งคะ”
…
“พี่เห็นด้วยเหรอ” ฉันผละหน้าออกมาแล้วพูดออกมาอย่างตกใจในอ้อมกอดของคนโตกว่าเพราะไม่คาดคิดว่าคนเป็นพี่จะมาถึงที่นี่ได้สักพักแล้วถึงได้ทันเห็นตนกำลังร้องเพลงอยู่
“เห็นสิ และรู้ด้วยว่าเราถูกดึงตัวให้มาช่วยงานที่นี่หนะ ถ้ายัยแพรไม่โทรไปบอกพี่ว่าคืนนี้เราร้องเพลงที่นี่ละก็ พี่คงจะไม่รู้เลยละว่าเราร้องเพลงได้เพราะมาก” สาวหน้าคมนึกถึงตอนที่ลูกแมวน้อยของเธอกำลังร้องก็แอบอึ้งเหมือนกันที่คนที่ดูไร้เดียงสาจสามารถร้องเพลงได้จับใจคนฟังยิ่งนัก และขอคิดเข้าตัวเองเหอะว่าน้องกำลังร้องให้ตนด้วย
“ถ้าพี่แพรไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน พี่ก็คงไม่หาบี๋ใช่ไหมคะ”
“เปล่าสักหน่อย ถึงแพรจะไม่บอก พี่ก็เห็นจากโพสเฟสบุคที่มีรูปคู่แพรกับบี๋อยู่ดี ถึงได้ตามตัวกลับบ้านได้ถูกไง” เห็นรูปคู่ของสองคนนั้นแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เลยรีบซื้อตั๋วบินตามหาหัวใจกลับบ้านด่วน
“และยังเห็นคนดูรุมเข้าขอถ่ายรูปกับบี๋อีกด้วย” ปากเอ่ยประโยคนี้ด้วยเสียงเรียบเย็น บ่งชัดว่าหึงหวงคนใต้ร่าง แค่คิดว่าน้องโดนสายตาจากคนเหล่านั้นแทะโลมไปมากเท่าไหร่ คนเป็นพี่ยิ่งหงุดหงิดใจมากเท่านั้น
“บ..บี๋ไม่ได้สนใจใครสักหน่อย พี่ไอซ์ขี้หวงขนาดนี้ หนูจะกล้าไปหาใครละคะ” คนตอบบิดตัวอย่างเสียวซ่านเมื่อเจอสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อจากไอยวรินท์ มือเรียวของเธอลูบไล้ลำตัวเปล่าเปลือยของคนใต้ร่างให้คนน้องร้องเสียงรัญจวนออกมา
“งั้นก็ดีแล้ว คืนนี้พี่จะแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของบี๋ไม่ให้ได้หลับได้นอนกันเลยละ”
ไอยวรินท์เห็นคนน้องมีแต่คนนั้นคนนี้เข้าหา ขอเบอร์แลกไลน์
นี่ดีนะที่มีแพรคอยเป็นไม้กันหมาให้เธออยู่ไม่อย่างนั้น ไอยวรินท์คงได้แผลงฤทธิ์อาละวาดด้วยความหึงหวงด้วยการไปฉุดกระชากลากคนรักออกจากพื้นที่จับทำมิดีมิร้ายแน่ๆ เธอถึงได้แกล้งทำตัวเย็นขาใส่เมื่อพบคนเป็นน้องที่ห้องพักของแพร ทั้งๆ ที่ในใจคิดถึงน้องจนแทบขาดใจแล้ว
“พี่หวงผู้หญิงของพี่”
“พี่จะง้อเราละนะ ง้อจนไม่ให้เราหนีไปจากพี่ได้อีก” ว่าแล้วก็สะบัดผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ ลงจากเตียง ป้องกันไม่ให้คนน้องนำผ้าห่มมาปกปิดกายสาวของสาวหน้าหมวยก่อนจะเริ่มบทเพลงรักในค่ำคืนนี้ หากน้องหนาว ตนจะให้ความร้อนจากร่างกายเธอเอง แฟนสาวสวยขนาดนี้ จ้องทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีวันเบื่อเลย ไอยวรินท์คิด
คนเด็กกว่าตอนนี้นอนหน้านิ่งแดงเป็นมะเขือเทศไปแล้ว ทำให้คนเป็นพี่ได้ใจ ยกขาทั้งสองข้างของน้องพาดบนไหล่ตนโน้มตัวลงให้ใกลชิดน้องมากยิ่งขึ้นและใช้สายตาสำรวจเรือนร่างของน้องอีกครั้ง ก่อนจะประทับจูบอย่างดูดดื่มให้ร่างข้างใต้ สองลิ้นหยอกล้อเกี่ยวพัน สร้างความรู้สึกดีให้กับคนทั้งคู่ผ่านภาษากาย ใบหน้าซุกซนอยู่ที่ลำคอขาวๆ ตวัดลิ้นโลมเลียผิวกายขาวเนียนไล่ลงมาพร้อมสูดดมกลิ่นกายของน้อง ในเวลาเดียวกันสองมือของคนพี่ขยำเต้าสวยสองข้างเบาหนักสลับไปเป็นจังหวะอย่างเมามันแล้วค่อยๆ เลื่อนใบหน้ามาสัมผัสรสหวานจากเม็ดบัวสีชมพูสลับข้างกันไปไม่ให้ข้างใดข้างหนึ่งว่างไว้ปราศจากรอยรัก คนน้องครางเสียงหวานพร้อมนำสองมือกดหัวคนเป็นพี่ให้แนบชิดยอดอกของตนดับความเสียวซ้านนี้
“อา...ฟินจัง”
เมื่อคนพี่ดูดดื่มกับยอดอกหนำใจแล้ว พี่ไอซ์ของเธอกำลังเคลื่อนตัวไปสู่จุดอ่อนไหวของคนเป็นน้อง คนน้องสะดุ้งเฮือก ขาทั้งสองของน้องจะพยายามปืดกั้นส่วนกลางกายโดยอัตโนมัติ แต่ไอยวรินท์ใช้สองมือดันขาทั้งสองออกไปด้านข้าง ทำให้คนเป็นพี่มองเห็นกลีบกุหลาบงามชมพูสดเปื้อนน้ำเกสรอย่างเต็มตา สาวหน้าหมวยเห็นคนพี่ดูส่วนล่างของตนอย่างตั้งใจก็พยายามใช้มือคว้าหมอนมาปิดหน้าที่กำลังแดงสุดๆ ด้วยความเขินอาย ไอยวรินท์จึงเงยหน้าขึ้นมาหาสาวร่างบางอีกครั้ง ส่งยิ้มให้บางๆ ก่อนที่จะคว้าหมอนจากมือเธอโยนออกไปไกลๆ ไม่ให้มีอะไรกีดกั้นสายตาของเราสองคนได้อีก
“ขอพี่ได้เชยชมน้องให้เต็มอิ่มก่อนเถอะหนา”
สาวร่างสูงใช้ปลายนิ้วค่อยๆ เคล้าคลึงดอกไม้งามอย่างเบาๆ ด้วยความรัก ร่างกายของเด็กน้อยบัดนี้ได้ถูกอารมณ์พิศวาทกระตุ้นให้ทั่วทั้งกายเร่าร้อนดั่งกองไฟ ไม่สนอะไรทั้งสิ้นแล้ว ไหนๆ พี่ไอซ์ของเธอก็เล่นจ้องน้องปานกลืนกินอยู่นาน คนน้องจึงโน้มมือขึ้นดึงคอคนพี่ให้มารับสัมผัสรสจูบจากน้อง จากนั้นสาวหน้าคมผละออกจากหน้าน้องแล้วก้มตัวลงอีกครั้งให้หน้าประชิดดอกไม้งานที่บัดนี้น้ำเกสรได้ผลิออกมาอย่างเต็มที่แล้ว คนพี่จึงไม่รอช้าที่จะใช้ลิ้นตวัดสัมผัสกับน้ำดอกไม้ ตามจังหวะรักของคนเป็นพี่ที่สอดนิ้วใส่เข้าไปพร้อมเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นตามสีหน้าเหยเกของน้องที่บ่งบอกว่าใกล้ถึงฝั่งแล้วให้ไปถึงดวงดาวในบัดนั้นเอง ก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆ ผ่อนคลายลงและถูกเรียวแขนของพี่ไอซ์กอดอยู่ในซอกอกของสาวหน้าคม คนตัวสูงหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายเปล่าเปลือยของทั้งคู่
“น้องบี๋คะ พี่มีความสุขจังเลยค่ะ ที่ได้อยู่กับเราแบบนี้” ไอยวรินท์กอดฉันอย่างแนบแน่น
ฉันเอื้อมมือไปกอดคนโตกว่าด้วยความรัก
“พี่ขออีกรอบนะ”
“ห้ะ?!”
“พี่ยังไม่อิ่มเลย กินเท่าไรก็ไม่พอ”
“พี่อ้ะ หื่นจริงไรจริง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย” ฉันพูดไปหน้าก็ซุกอกสวยของคนร่างสูง
“นั่นมันเมื่อก่อนค่ะ พี่อยากเปลี่ยนเมนูอาหารมากินแบบนี้บ้างละ ดีต่อกายและใจ” ไอยวรินท์ใช้สองมือประคองหน้าฉันขึ้นมาให้ปะทะสายตากันแล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบา คนพี่คิดในใจว่า ต่อไปจะต้องหาข้ออ้างกินน้องบ่อยๆ แล้วละ รสชาติดีขนาดนี้ ภัตตาคาร5ดาวยังแพ้ราบคาบ คิดแล้วอดต่อว่าตัวเองไม่ได้เรื่องเลยที่ละเลยน้องมานาน เพราะสาวร่างสูงเป็นคนที่ถือเรื่องงานเป็นหลัก อย่างอื่นเป็นรอง เรื่องอย่างว่ามีกันแทบนับครั้งได้ ดีนะที่แฟนสาวเธอไม่ใช่คนงี่เง่าแบบไม่มีเหตุผล
“หึ ทีเมื่อก่อนเอาแต่สนใจงานอย่างเดียว พอบี้หนีมารีบสนใจใหญ่เลยนะเจ้” พูดไปฉันก็นอนหันหลังให้คนร่างสูงทันที ฉันเคยอดน้อยใจว่าเธอไม่ค่อยให้ความสำคัญฉันมากเท่าที่คนรักควรจะเป็นกัน แต่หลังๆ ก็เริ่มชินแล้ว บางครั้งยังต้องแอบช่วยตัวเองเป็นการระงับอารมณ์คุกรุ่นในตัว
บี๋ไม่ใช่ว่าจะไม่รับรู้ถึงความรักและความหวงของคนเป็นพี่ที่มีต่อตน เพียงแต่คนพี่มักไม่ค่อยแสดงออกอย่างชัดเจนนักตามประสาคนเย็นชา
ตอนนี้งานกำลังไปได้ด้วยดี ช่วงที่เป็นขาขึ้น จะต้องรีบกอบโกยผลประโยชน์เข้ากิจการให้ได้มากที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วทรัพย์สินที่ได้มาเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเลี้ยงดูแฟนเด็กของเธอไม่ให้ลำบาก
ไอยวรินท์เห็นคนน้องหันหลังให้ก็รับรู้ได้เลยว่าคนน้องคงจะงอนเธออีกแล้ว เธอจึงรีบเอาตัวเข้าชิดแผ่นหลังของแฟนสาว มือขวาโอบกอดเอวคนร่างบาง มือซ้ายลูบไล้สัมผัสแผ่นหลังขาวเนียน ใบหน้าซุกที่หลังใบหูและพ่นลมร้อนออกมาโดนเนื้อของน้องให้เกิดความสยิวเล่น
“ต่อจากนี้ไป จะไม่ละเลยแล้ว จะกินทุกวันเลยค่ะ”
และบทรักที่เร้าร้อนได้ถูกจุดขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง…...
…………………
(ไอยวรินท์)
หลังจากที่ได้รู้ร่องรอยของแฟนเด็กว่าได้หนีตนไปถึงเชียงใหม่แล้วก็รีบจองตั๋วนั่งเครื่องบินไปหาคนเป็นน้องทันที
ต้องขอบคุณยัยแพร ที่บังเอิญเจอเด็กน้อยของเธอตั้งแต่เดินทาง ทำให้ทุกอย่างเดินเรื่องง้อแฟนสาวได้ง่ายขึ้น
แพรโทรมาในช่วงบ่ายของวันที่สองที่น้องหนีออกจากบ้าน เล่าให้ฉันฟังว่าเธอเห็นเด็กน้อยนั่งหน้าเศร้าตามลำพังอยู่บนรถทัวร์ บังเอิญเธอนั่งรถคันเดียวกับน้องมุ่งสู่ที่หมายเดียวกัน จึงเลือกที่นั่งข้างๆ บี๋
เธอคุยกับบี๋ เรื่องที่แพรกับน้องคุยกันเธอก็เล่าให้ฉันฟัง รวมถึงเรื่องของฉันที่พูดจาแบบนั้นกับน้องไปด้วย ฉันรู้สึกเจ็บปวดในใจพอสมควร ความจริงเรื่องวันก่อนที่บี๋ทำพลาดไป ฉันมีวิธีแก้ไขปัญหาได้อยู่แล้ว เรื่องไม่ได้ซใหญ่เท่าที่ฉันหลอกบี๋ไปและฉันก็จัดการให้เสร็จไปแล้วด้วย แต่เพื่ออยากให้บี๋เรียนรู้และเข้าใจให้รอบด้านมากขึ้น ฉันจึงจำเป็นต้องปั้นหน้าโหดพูดจาตำหนิอย่างรุนแรงทั้งๆ ที่ในใจฉันกลับรู้สึกแย่ไม่น้อยที่เห็นปฏิกิริยาในเชิงลบของแฟนสาวต่อคำพูดของฉัน
...ดูแลพนักงานหลายร้อยคนว่ายากละนะ…
...ดูแลแฟนสาวสักคน ยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาอีก…
ฉันไม่ใช่พวกพูดจาบอกรักพร่ำเพรื่อ หรือเป็นคนโรแมนติค ปกติเวลาอยู่กับบี๋ ฉันมักจะไม่ค่อยพูดจาอะไรที่หวานๆ มากนัก และฉันมันพวกบ้างาน เรื่องอย่างว่ากับเธอแทบนับครั้งได้ แต่หลังจากที่คนน้องหายไป ฉันกลับมาค้นพบความรู้สึกตนเองว่าต้องการน้องมากมายเหลือเกิน รู้สึกอยากให้น้องอยู่ในอ้อมกอดของตนตลอดเวลา ไม่อยากให้หนีหายไปไหนแบบนี้อีกแล้ว
สงสัยว่าหลังจากนี้ไป ฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้วละ
คอยดูเถอะ ตามกลับมาครั้งนี้จะตรึงร่างแฟนสาวของเธอไว้ใต้ร่าง7วัน7คืนเลย
เมื่อไปถึงรีสอร์ทของเพื่อนสนิทที่คนเป็นน้องพักอยู่ ตอนนั้นแพรพาคนของเธอไปเที่ยวอยู่ข้างนอก ฉันเลือกห้องพักที่ติดกับเธอ เพื่อคืนนี้สะดวกที่จะง้อสาวหน้าหมวย
คืนนี้แพรบอกให้น้องร้องเพลงดึงดูดลูกค้า เพราะแพรแอบได้ยินน้องร้องเพลงอยู่คนเดียว แล้วรู้สึกถูกใจในฝีมือการร้องของบี๋ ฉันไม่ยักรู้ว่าแฟนตัวเองมีความสามารถด้านนี้ด้วย เพราะไม่เคยเห็นเธอพูดถึงหรือแสดงอาการว่าชอบร้องเพลงเลยแม้แต่นิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ฉันเองก็กระตือรือร้นที่จะฟังอยู่เหมือนกัน
ฉันแอบไปนั่งอยู่มุมๆ หนึ่งซึ่งคนร้องไม่สามารถมองเห็นฉันได้ แต่ฉันเห็นบี๋เต็มตาในชุดวาบหวิวเล็กๆ ในชุดเดรสรัดรูปสั้นเหนือเข่าสีดำ เห็นทรวดทรงของเธอได้ชัดเจน ออกแนวเซ็กซี่เอามากๆ นั่นทำให้ฉันคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจอยู่มากที่แฟนสาวใส่ชุดล่อแหลมแบบนี้ต่อหน้าผู้คน
“ใครเป็นคนเลือกชุดให้บี๋มันใส่วะเนี่ย” ฉันบ่มพึมพำเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด ปกติเด็กน้อยของเธอจะไม่ใส่อะไรแบบนี้ด้วย เพราะปกติฉันจะไม่ให้เธอใส่ชุดอะไรทำนองนี้ด้วยความหวง
แต่เมื่อได้ฟังเสียงใสหวานของบี๋ ฉันเหมือนได้ตกหลุมรักสาวหน้าหมวยอย่างบี๋อีกรอบ โลกคล้ายกับหยุดไปชั่วขณะ เพราะฉันเข้าใจความหมายของเพลงที่เธอเลือกร้องได้อย่างดี
ถ้าฉันไม่คิดเข้าข้างตัวเองเกินไป สิ่งที่บรรยายอยูในบทเพลงที่สาวร่างเล็กร้องนั้น ทั้งเนื้อเพลง ทำนอง จังหวะดนตรี ผสมผสานกันรวมแล้วเป็นความรักของเราสองคน ที่เป็นแสงสว่างให้เราทั้งคู่ผ่านพ้นอุปสรรคได้อย่างดี และเป็นความรู้สึกที่เกินกว่าคำว่ารักไปแล้วในตอนนี้ ฉันเชื่อว่าบี๋เองก็คงไม่รู้สึกต่างกับฉันในความรู้สึกนี้ ฉันยิ้มกว้างในใจ
หลังจบงาน ยัยแพรนัดฉันกับกลุ่มเพื่อนอีก4-5คน ที่ห้องส่วนตัวของเธอ ระหว่างที่กำลังเดินไปห้องแพรนั้น สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนเข้าไปพูดคุยกับบี๋ ทั้งจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้ใจ ทั้งขอเบอร์ ฉันพยายามควบคุมโทสะกับภาพดังกล่าวก่อนที่หันหน้าเดินไปอีกทิศทันทีอย่างหงุดหงิด
ไปถึงห้องแพรได้ไม่นาน ยัยแพรก็ลากเด็กน้อยเข้ามาด้วย ฉันดีใจแทบบ้าที่ได้เจอหน้ากันตรงนี้ แต่ด้วยอารมณ์หึงหวงแฟนที่กำลังออกฤทธิ์ทำให้ฉันเผลอใส่อารมณ์กับแฟนสาวของฉันโดยไม่รู้ตัว
“อย่ามาทำตัวให้มันเยอะนักนะ” ฉันคว้าข้อมือและตวาดใส่บี๋ เหมือนเธอจะดูหน้าเสียเล็กน้อย แต่เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันแย่ลงไปกว่านี้ ฉันจึงรีบเดินออกจากห้องไปสงบสติอารมณ์เดี๋ยวนั้นเลย
ยัยแพรเห็นท่าไม่ดี จึงให้น้องไปนอนก่อน โดยเพื่อนๆ ที่เหลือในห้องก็ช่วยปลอบประโลมใจน้องให้ใจชื้นขึ้นบ้าง ยัยแพรถึงปลีกตัวรีบเดินตามฉันให้ทันเพราะรู้ว่าฉันมีเรื่องจะคุยกับยัยเพื่อนบ้านี่
“เป็นแผนของแกหรอวะ ยัยแพร “ฉันหันหน้าควับไปหาคนที่เดินตามออกมาด้วยความโมโหนิดๆ
“อ้าว ฉันกำลังช่วยกระตุ้นแกอยู่นะ ไม่ทำแบบนี้น้องจะไปรู้ไหมว่าแกยังแคร์น้องอยู่ นึกว่าแกจะบ้าแต่งาน”
“เล่นบ้าอะไรของแกวะ ดูไอ้พวกนั้นดิ มีแฟนแล้วยังมาเที่ยวอ่อยแฟนชาวบ้าน” ฉันไม่ชอบเลยที่ให้บี๋ต้องตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น ทั้งชายและหญิงเลย เธอจะไม่มีวันยอมปล่อยน้องตกเป็นของใครทั้งนั้นนอกจากเธอคนเดียว
“ฉันนึกว่าแกจะตายด้านกับความรู้สึกแล้วเสียอีกนะ คุณไอซ์เพื่อนรัก ไม่อย่างนั้นฉันว่าจะยุให้แฟนแกหาผัวใหม่ที่พูดจาดีๆ กับน้องได้ดีกว่าแกนะ ถ้าแกยังทำหน้าโหดพูดจาว่าร้ายต่อหน้าน้องแบบนี้ แต่ลับหลังปากบ่นว่ารักว่าหวง หึ หมั่นไส้คนปากไม่ตรงกับใจจริงๆ”
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดรวมไปถึงคนดูเป็นแผนการของยัยแพรที่ต้องการให้ฉันแสดงอาการหึงหวง ซึ่งนางก็ทำได้สำเร็จ
“ไอบ้า อย่ายุนะเว้ย เดี๋ยวน้องก็ไปจริงๆ หรอก” ท้ายประโยคฉันพูดเสียงอ่อย ด้วยกลัวแฟนสาวของเธอหนีไปจริงๆ
“ก็ไม่แน่ ถ้าน้องยังต้องมาเสียใจเพราะปากแกอีก ถึงเวลานั้นฉันจะเชียร์ให้น้องไปหาใหม่ซะ” ยัยแพรยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พูดขู่ต่อ ปล่อยให้ฉันร้อนรนกับสิ่งที่ฉันแสดงออกต่อหน้าน้องเมื่อสักครู่นี้
“แล้วก็รีบไปหาน้อง ไปเคลียร์ใจกันซะนะ ก่อนที่น้องจะงอนแกแล้วหนีไปอีก อ่ะ..กุญแจสำรอง” ยัยแพรยื่นกุญแจให้ เธอยังคงเป็นเพื่อนที่รู้ใจฉันเหมือนเคย เธอรู้ดีว่าฉันจะใช้วิธีไหนง้อเด็กน้อยให้ยอมโอนอ่อนไปกับฉัน
“เค ขอบใจมากเพื่อน” ฉันยิ้มอย่างโล่งใจ และวิ่งไปที่ห้องแฟนสาวทันที
.
.
.
ฉันไขประตูห้องของสาวร่างเล็ก เธอปิดไฟนอนแล้ว แต่ฉันไม่ปล่อยแฟนสาวไปง่ายๆ หรอกถ้าคืนนี้เราไม่เคลียร์กันเรื่องที่เธอหนีฉันมากบดานที่นี่
...จุดมุ่งหมายของคนร่างสูงอยู่ที่คนบนเตียง
ฉันใช้ไฟฉายมือถือเดินไปที่เตียงของลูกแมวน้อย ไม่ทันได้คิดไรมาก ฉันรีบขึ้นคร่อมตัวเธอไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
“อ๊ะ”
สายตาเบิกกว้างของเธอมองฉันอย่างตกใจ ฉันบดจูบลงบนริมฝีปากบางของคนใต้ร่าง ก่อนที่ใช้สองมือถอดเสื้อผ้าชั้นในของแฟนสาวโยนลงพื้นเพื่อเริ่มบทเพลงรักของเราสองคนในคืนนี้ หน้าคนน้องดูแดงแจ๋ที่ท่อนบนอยู่ในสภาพไร้สิ่งปกปิดต่อหน้าฉัน
น่ารักชะมัด ……...
ฉันใช้มือสองข้างตรึงแขนทั้งสองของสาวหน้าหมวยเพื่อให้ฉันได้มองเห็นส่วนบนทุกส่วนของเด็กน้อยที่ใหญ่เกินตัวอย่างละเอียดท่ามกลางแสงจันทร์ที่สอดส่องลงมา
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าฉัน ช่างสวยงามยิ่งกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ฉันเคยมีสัมพันธ์ด้วย ….
ฉันได้ยินเสียงสั่นๆ ของคนน้องและเห็นรอยคราบน้ำตาที่เกิดขึ้นจากฉันเป็นเหตุ จึงไม่รีรอที่จะก้มหัวลงไปจูบเลียซับน้ำตาให้ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะยืดตัวเชยชมท่อนบนเปลือยเปล่าของสาวหน้าหวานใต้ร่างอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะเพ้อออกมาด้วยความหลงใหลต่อรูปกายไร้อาภรณ์ของลูกแมวน้อย
ตอนนี้ฉันและแฟนสาวอยู่ในสภาพล่อนจ้อนทั้งคู่ ฉันใช้สายตาจดจ้องร่างเปลือยเปล่าทั้งร่างของเหยื่อความรักของฉันครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความสิเน่หา…….
ระหว่างที่ฉันพูดง้อน้องด้วยภาษาพูด ให้น้องยินยอมกลับบ้านกับตนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ใช่เพราะสาวร่างบางเป็นคนใจอ่อน แต่เพราะภาษาทางกายที่ฉันเป็นคนเริ่มและบรรเลงโดยเราสองคนสามารถสร้างความรู้สึกดีๆ ให้แก่กันและกัน เป็นยาวิเศษแก้โรคทางใจได้อย่างเด็ดขาด แต่ยานี้จะเห็นผลก็ต่อเมื่อคนทั้งสองฝ่ายจะต้องเกิดจากการยินยอมซึ่งกันและกันเท่านั้น นั่นหมายความว่า แฟนสาวของเธอก็รักอยู่มากเช่นกัน เช่นนี้แล้วฉันจึงต้องยิ่งทนุถนอมเด็กน้อยให้มากขึ้น จะไม่ให้การกระทำของฉันทำร้ายจิตใจผู้หญิงของฉันได้อีก
หลังจากได้ผ่านกิจกรรมรักร่วมกันอันแสนยาวนานไปแล้ว ฉันกางแขนให้เด็กน้อยนอนในอ้อมกอดของฉัน ฉันและเธอต่างส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่จะหลับไปด้วยความอ่อนเพลียไปในที่สุด
………
*>https://www.aelitaxtranslate.com/2014/04/matthew-deane-when-i-fall-in-love.html] (https://www.aelitaxtranslate.com/2014/04/matthew-deane-when-i-fall-in-love.html) 
**มือใหม่หัดแต่งค่ะ หากมีข้อบกพร่องประการใดก็ขออภัยด้วยนะคะ
***อ่านมานาน อยากลองเขียนบ้าง เลยขอเริ่มจากฝึกเขียนOSก่อนแล้วถ้ามีโอกาสจะได้ฝึกแต่งเรื่องยาวต่อไป