นิทานนางฟ้าผู้ร่วงหล่น
0
ตอน
4.79K
เข้าชม
105
ถูกใจ
5
ความคิดเห็น
2
เพิ่มลงคลัง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีหญิงสาววัยแรกรุ่นก้าวเดินเชื่องช้าในสวนสาธารณะราตรี

แสงรำไรจากโคมไฟสลักลายข้างทางเดินอันทอดยาว ไม่อาจช่วยขจัดความมืดมิดของค่ำคืนที่พระจันทร์เลือนหายด้วยถูกบดบังด้วยหมู่เมฆได้ แต่นั่นเป็นเพราะภายในโคมแก้วของโคมไฟนั้นเต็มไปด้วยซากศพของหมู่แมลงเล่นไฟ ที่กองก่ายบดบังไม่ให้แสงของไฟลอดผ่านมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ

แลดูเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งเอาคืน…

ฝูงแมลงถูกสัญชาตญาณนำพา ผสมพันธุ์ด้วยความรักในสถานที่อบอุ่น แค่กลับถูกแสงไฟล่อลวงติดกับ ถูกขังอยู่ในโคมไฟระอุ หวาดกลัวล้มตายไร้ทางออก เช่นนั้นแล้วพวกมันจึงคิดทิ้งร่างเหมือนฝุ่นผง ล้มตามกองเกลื่อนถมทับกัน เพียงเพื่อบดบังแสงไฟไม่ให้เล็ดลอดผ่านออกไปล่อลวงผู้ใดได้อีก

ภาพเช่นนั้นช่างดูเศร้าสร้อย เช่นเดียวกับความเงียบสงบจนวังเวงของสวนสาธารณะในค่ำคืนนี้

ความเงียบที่ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจ ความเงียบที่ไร้ซึ่งเสียงหรีดเรไรที่ควรระงม ความเงียบที่ไร้ซึ่งเสียงของเหล่านกกลางคืนที่เฝ้าคอยกลั่นแกล้งผู้คนด้วยเสียงร้องที่น่าขนลุก ทำให้ผู้คนเกิดจินตนาการหวาดกลัวถึงสิ่งลี้ลับเช่นภูตผี

ความเย็นอันเปียกชื้นล้อมรอบคลุมกาย เมื่อเดินผ่านจะรู้สึกได้ถึงน้ำค้างกลางคืนอันเหนอะหนะตกต้องผิวกาย บรรยากาศคล้ายจะเกิดพายุฝนใหญ่  เหมือนลางบอกเหตุร้ายอันพึงเกิด

ทั้งที่บรรยากาศในวันนี้ของสวนสาธารณะจะไม่น่าอภิรมย์ ชวนให้อยากเก็บตัวนอนขดกลมอุ่นอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนานุ่ม ทั้งยังเป็นเวลาทีผู้คนโดยมากหลับใหล ท่องในโลกแห่งฝัน แต่เช่นนี้ ยังมีหญิงสาวในชุดบางเบา ออกมาเดินย่ำความมืดราวกับเป็นการประท้วงต่อความซึมเซาของธรรมชาติ

หญิงสาวเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ แสงจากโคมไฟต้องร่างของเธอเกิดเป็นเงาขาดๆ หายๆ ทอดยาวในความมืด จนเมื่อร่างบอบบางของเธอพาเจ้าเงาแหว่งเว้านั้นมาใกล้บ่อน้ำใหญ่ใจกลางสวนสาธารณะ สายตาของเธอก็ต้องเข้ากับร่างของบางสิ่งที่มีลักษณะผิดแปลกไปจากมนุษย์ธรรมชาติ

บางสิ่งที่ดูเศร้าสร้อย…

เมื่อพากายของเธอเข้าไปใกล้ ก็จึงได้พบว่าสิ่งนั้นมีลักษณะคล้ายนกตัวใหญ่เท่ามนุษย์ นั่งอยู่ในท่าคุดคู้กอดเข่า ปีกที่หุบห่อไว้แหว่งเว้าไม่สวยงาม และเมื่อยิ่งใกล้เข้าไปจึงได้เห็นสภาพที่แท้จริงของหญิงสาวใบหน้างดงามที่มีปีกที่หักงอมีเลือดไหลซึม ขนร่วงขาดหายเป็นหย่อมคล้ายนกตัวน้อยที่ถูกคนใจร้ายรังแก วงแหวงเหนือศีรษะแตกหักแหว่งเว้าจนดูคล้ายเขาสัตว์ บางสิ่งที่กำลังบาดเจ็บ และร่ำไห้

เสียงร่ำไห้ที่เบาบางจนแทบไม่ได้ยินเพิ่มระดับขึ้น กลายเป็นเสียงครวญคราวอย่างเจ็บปวดมาจากเบื้องลึกของจิตใจ

สิ่งนั้นคือนางฟ้า… นางฟ้าที่ร่ำไห้…

หญิงสาวหยุดยืนจ้องมองนางฟ้าอย่างสงสัย กระแสสายตาส่งผ่านอากาศเย็นชื้นไปถึงนางฟ้าจนเธอเงยหน้าขึ้นมองรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้มาเยือน

แววตาของเธอดูตื่นตกใจ แม้จะเคยใกล้ชิด แต่นางฟ้าก็ยังอดหวาดกลัวในตัวของมนุษย์ไม่ได้ เช่นนั้นเธอจึงตั้งท่าความเตรียมหลบหนี แต่ทว่ากลับถูกต้านทานด้วยแรงใจอันว่างเปล่า จนแม้จะลุกขึ้นยืนยังไม่อาจทำได้

หญิงสาวจ้องมองสายตาที่ราวกับสัตว์ตัวน้อยใกล้ตายของนางฟ้า จ้องมองใบหน้าสละสวยที่เปื้อนด้วยน้ำตาสีแดงดั่งเลือดของนางฟ้า และจ้องมองร่างกายอันบอบช้ำของนางฟ้า

“เหตุใดนางฟ้าจึงบอบช้ำ ร่ำไห้อยู่ในที่แห่งนี้” หญิงสาวเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล

แววตาของนางฟ้าที่ตื่นกลัว กลับแปรเปลี่ยนเป็นสับสน แล้วกลับกายเป็นมืดหม่นราวกับหลุมดำที่ดูดเอาความทุกข์ทั้งมวลบนโลกมาเก็บไว้

“เราร่วงหล่น ร่วงหล่นด้วยมนุษย์” นางฟ้าเอ่ยปากตอบ ในขณะที่น้ำตาสีแดงดั่งเลือดขยายตัวเอ่อล้นดวงตาจนรินไหลลงสู่เบื้องล่าง

“มนุษย์ผู้โหดร้ายทำร้าย รังแกนางฟ้าจนร่วงหล่นจากฟากฟ้าเช่นนั้นหรือ” หญิงสาวถามด้วยแววตาเป็นกังวลยิ่ง

“ไม่ใช่มนุษย์ผู้โหดร้ายหรอกสาวน้อย แต่เป็นมนุษย์ที่รักต่างหากที่ทำร้ายเราจนร่วงหล่น เราร่วงหล่นด้วยพิษแห่งความรัก” นางฟ้าเอ่ยตอบแผ่วเบา

“ความรักทำให้นางฟ้าร่วงหล่นได้เช่นนั้นหรือ ไม่น่าเชื่อ นั่นไม่น่าใช่ความรักได้” หญิงสาวสงสัย

“นั่นเป็นความรักอย่างแน่นอน เราพบรักกับชายมนุษย์ ชายมนุษย์แจ้งรักกับเรา และมอบรอยจูบอันอบอุ่นใจให้แก่เรา แต่…” นางฟ้าไม่อาจทนฝืนให้หยุดร่ำไห้ได้

“เขาทอดทิ้งเจ้า” หญิงสาวเอ่ย

“ใช่ สิ่งนั้นทำให้เราร่วงหล่น” นางฟ้าตอบทั้งน้ำตา

หญิงสาวได้ฟังก็หยุดครุ่นคิด

“หากแต่นางฟ้าผู้เป็นบริวารของพระเยซูเจ้าไม่น่าถูกความรักหลอกล่อได้ ไม่น่าร่วงหล่นได้เพราะความรัก เพราะพระเยซูเจ้านั่นคือความรักไม่ใช่หรือ” หญิงสาวเอ่ยถาม

“หากเช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าเราผู้นี่ร่วงหล่นด้วยเหตุใด หรือเจ้าคิดว่าเราเป็นเพียงนางฟ้าผู้โง่เง่าที่ไม่รู้จักแม้เพียงแต่ความรักเช่นนั้นหรือ” นางฟ้าเอ่ยถามตอบด้วยท่าทางสับสน

“ไม่ใช่เช่นนั้นนางฟ้า ไม่ใช่อย่างแน่นอน เราไม่คิดว่าเจ้าเป็นนางฟ้าผู้โง่เง่าที่ไม่รู้จักแม้เพียงแต่ความรักเช่นนั้น แต่ในเมื่อความรักที่แท้จริงแล้วคือสิ่งประเสริฐดีงาม สิ่งที่ทำให้เจ้าล่วงหล่นจึงไม่น่าใช่ความรัก” หญิงสาวอธิบาย

“เจ้าพูดราวกับว่าเจ้ารู้จักความรักอย่างลึกซึ้งเพียงนั่นเลยหรือหญิงสาว เราไม่คิดว่ามนุษย์เยาว์วัยเช่นเจ้าจะรู้จักความรักไปดีกว่าเราหรอกนะ” นางฟ้าแสดงท่าทางไม่พึงพอใจต่อหญิงสาวให้เห็น

“ใช่แล้วนางฟ้าเราเป็นเพียงมนุษย์เยาว์วัย แต่แม้เช่นนั้นเราก็รู้จักความรัก และเราไม่คิดว่าเราจะสามารถรู้จักความรักไปได้ดีกว่านางฟ้าเช่นเจ้า แต่เพียงพระผู้เป็นเจ้าทรงบอกเรา” หญิงสาวตอบ

“พระผู้เป็นเจ้าบอกเจ้าเช่นไรหรือมนุษย์ เจ้าสามารถบอกเราให้รับรู้ได้บ้างหรือไม่” นางฟ้าเริ่มมีท่าทีทีอ่อนลง

“เช่นนั้นเราจะขอให้นางฟ้าโปรดฟังเรา” หญิงสาวเอ่ย

“ในบท 1 โครินธ์ 13 (1 Corinthians 13) พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวถึงความรักไว้ว่า ไม่ว่าเราจะพูดด้วยภาษาของมนุษย์ หรือภาษาของทูตสวรรค์ เช่นดั่งนางฟ้าแล้ว แต่หากเราไร้ซึ่งความรัก เรานั้นก็ไม่ต่างไปจากฆ้องหรือฉาบที่ทำให้เกิดเสียงดัง แม้เราจะเข้าใจในความลึกลับทั้งปวง และมีความรู้ทั้งสิ้นแห่งการพยากรณ์ แต่หากเราไร้ซึ่งความรัก เรานั้นก็ไร้ซึ่งคุณค่า แม้เราจะให้ทานแก่ผู้ยากไร้ หรือเผาไหม้ร่างกายเพื่อเป็นการกุศล แต่หากเราไร้ซึ่งความรัก สิ่งใดๆ นั้นก็หาประโยชน์ไม่”

“ความรักนั้นก่อเกิดคุณงาม ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่ทำสิ่งผิด ไม่คิดเห็นแก่ตัว ไม่โกรธ ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีในความชั่ว แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ความรักไม่มองหาความผิดของกันและกัน แต่เชื่อในส่วนดีอยู่เสมอ รักมีความหวังอยู่เสมอ พากเพียรอดทน ความรักไม่มีวันสูญสิ้น แม้คำพยากรณ์จะสูญสิ้น แม้ภาษาจะสูญสิ้น หรือ แม้ความรู้จะสูญสิ้น”

“ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่สามสิ่งอันได้แก่ ความเชื่อ ความหวัง และ ความรัก ความรักนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด เช่นนี้แล้วเราจึงไม่เชื่อว่าความรักทำให้นางฟ้าร่วงหล่นจนเจ็บช้ำได้” หญิงสาวกล่าว

เมื่อนางฟ้าได้ฟังคำเช่นนั้นของหญิงสาวแล้วก็เกิดสำนึกในความคิด เช่นนั้นแล้วใบหน้าของนางฟ้าก็กลับพลันสงบ เงาดำที่หม่นหมองครอบคลุมบนใบหน้าพลันจากหาย หยาดน้ำตาสีแดงดั่งเลือดกลับเปลี่ยนเป็นละอองน้ำใสโปรยปรายสู่พื้น ร่างกายที่บอบซ้ำกลับเปล่งปลั่ง สยายปีกงดงามดั่งเทพนิยายขึ้นรับแสงจันทร์ที่โผล่พ้นม่านเมฆฝน

“มนุษย์ผู้เปี่ยมด้วยความจริงแห่งรัก เจ้าช่วยข้าไว้ เจ้าสั่งสอนข้าให้พ้นจากเงาดำแห่งความหลง ความหลงในคำลวงรัก เรานั่นแม้เป็นถึงนางฟ้าแต่กลับช่างโง่เขลายิ่งนัก เราขอบคุณเจ้ายิ่งนักมนุษย์เยาว์วัย” นางฟ้าที่แปรเปลี่ยนกลับคืนเป็นนางฟ้าที่สมบูรณ์พร้อมกล่าวด้วยความสุขใจ และซาบซึ้งยิ่งต่อหญิงสาว

“เช่นนี้เราจะขอตอบแทนเจ้าด้วยพรวิเศษหนึ่งข้อที่เจ้าต้องการ มนุษย์เยาว์วัยเอ๋ย จะบอกเรามาเถิดว่าเจ้าต้องการพรประการใด รับรองได้ว่าไม่ว่าเจ้าจะปรารถนาสิ่งใดเราจะมอบให้เจ้า นางฟ้าอย่างเราไม่อาจคืนคำได้อย่างแน่นอน” นางฟ้ากล่าวขึ้นอย่างร่าเริงแตกต่างจากเมื่อครู่ไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ

หญิงสาวนิ่งฟังแล้วก็อดยิ้มอย่างภาคภูมิใจ วันนี้เธอได้ทำให้นางฟ้าผู้ร่วงหล่นด้วยความทุกข์แห่งรักกลับคืนร่างเป็นนางฟ้าผู้สมบูรณ์พร้อม นางฟ้าผู้งดงามราวภาพวาด

นางฟ้าผู้สมบูรณ์พร้อม นางฟ้าผู้งดงาม นางฟ้าตัวจริงที่ไม่ใช่แค่คนแต่งชุดคอสเพล

นางฟ้าราคางาม…

“พรหนึ่งข้อของข้า ข้าขอกรงที่จะขังนางฟ้าไว้ได้ตลอดกาลโดยไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา”

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว