อะไหล่มนุษย์
0
ตอน
2.86K
เข้าชม
1.45K
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

อะไหล่มนุษย์

รุ่งเช้าของวันใหม่ แสงตะวันสาดทอแสงผ่านละอองฝุ่นที่ลอยตัวเกาะกลุ่มกันอยู่อย่างหนาแน่นบนอากาศ ชายหนุ่มซึ่งไถผมข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างไว้ผมยาว ย้อมผมเป็นสีน้ำเงินเข้ม ใส่ชุดสูทนาโนสีน้ำเงินเฉดสีใกล้เคียงกับสีผมของเขา และมีม่านพลังบริเวณรอบศีรษะกำลังเดินเลียบกำแพงมาพร้อมกับหุ่นยนต์ขนของขนาดหนึ่งเมตรที่แบกถุงขยะหลายถุงอยู่ในแขนจักรกลของมัน ชายหนุ่มกดรีโมทควบคุมให้หุ่นยนต์ตัวนั้นเดินไปโยนถุงขยะลงในกองขยะสูงใหญ่ตรงหน้า ไม่ไกลจากหุ่นยนต์ตัวนั้น เขาเห็นสุนัขผอมโซตัวหนึ่งกำลังขุดคุ้ยถุงขยะที่ขาดรุ่ย มันพยายามเอาปากคาบบางอย่างในนั้นออกมา ด้วยเกรงว่าสุนัขจะทำให้กองขยะเละเทะ เขาจึงให้หุ่นยนต์เคลื่อนเข้าไปใกล้สุนัขตัวนั้นจนมันตกใจวิ่งหนีไป ชายหนุ่มหรี่ตามองสิ่งที่เจ้าสุนัขตัวนั้นคุ้ยเขี่ยด้วยความสงสัยเนื่องจากมันมีลักษณะเป็นแท่งยาวๆ สีคล้ำ ดูคุ้นตา เขาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และต้องตกใจจนแทบสิ้นสติเนื่องจากสิ่งนั้นคือท่อนแขนของมนุษย์!

---------------------

ทิม ชายหัวเกรียน รูปร่างใหญ่ใส่แว่นตาเลนส์ใสที่มีตัวอักษรมากมายวิ่งผ่าน มือของเขาเคาะคีย์บอร์ดเสมือนจริงที่อยู่บนโต๊ะอย่างต่อเนื่อง

“ปี๊บ” เสียงเรียกจากเครื่องโทรศัพท์ซึ่งเป็นวัตถุทรงโค้งนูนเหมือนกับกริ่งดังขึ้น ทิมกดสวิตซ์ปิดที่ก้านแว่น ตัวอักษรที่เคยวิ่งอยู่บนเลนส์หายวับไปพร้อมกับคีย์บอร์ดเสมือนจริง เขาเอามือฟาดลงบนเครื่องอย่างอารมณ์เสีย วัตถุชิ้นนั้นส่องแสงสว่างออกมาเป็นภาพโฮโลแกรมสามมิติของชายคนหนึ่งซึ่งมีผมหน้าม้าตัดเฉียงสไลด์จากซ้ายไปขวาสีแดงเพลิง คิ้วกันเป็นทรงได้รูปตามแบบฉบับมาตรฐานของผู้ชายสมัยใหม่

“ว่าไง” ทิมถามด้วยความหงุดหงิด

“สารวัตรครับ มีคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ครับ” เขาพูดพลางสะบัดเศษผมที่แยงตาออก

“แล้วไง” ทิมถามกลับ ชายผู้นั้นกลอกตาไปมาด้วยความงุนงง

“เอ่อ...มีคนพบชิ้นส่วนของมนุษย์ถูกทิ้งอยู่บริเวณป่าช้าใกล้วัดหมายเลข 84 ครับ พิกัดสถานที่เกิดเหตุคือ 13.789, 100.505 รบกวนสารวัตรลงพื้นที่ด้วยครับ” วิก ชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงรีบพูดรัว

“รับทราบ กำลังเดินทางไป” ทิมกดปิดเครื่องรับสัญญาณแล้วลุกจากโต๊ะ เดินผ่านบริเวณห้องทำงานไปยังทางเดินแคบๆ ที่มีประตูห้องเรียงรายอยู่ เขาเดินเข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งมีป้ายติดว่า ‘ห้องขนส่งมวลสาร’ ภายในห้องมีหลอดแก้วขนาดใหญ่เรียงต่อกัน 5 แท่ง เขาเดินไปยังอันที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วเอามือทาบบนหลอดแก้ว เมื่อเอามือทาบไป พื้นผิวของมันก็มีแสงสีฟ้าสว่างขึ้นมาจากบริเวณที่สัมผัสเป็นลายนิ้วมือและฝ่ามือของเขา ไม่นานนักก็มีภาพใบหน้าของทิมพร้อมกับตำแหน่งแสดงบนหลอดแก้วนั้น

“ยืนยันตัวบุคคล” เสียงคอมพิวเตอร์ดังขึ้นพร้อมกับประตูของหลอดแก้วเปิดออก ทิมเดินเข้าไปด้านในแล้วดึงคอเสื้อสูทนาโนที่เขาใส่อยู่ตั้งตรงเพื่อเปิดระบบสำหรับออกสู่ภายนอก มีคลื่นบางๆ ก่อตัวขึ้นคลุมรอบศีรษะของเขา ไอเย็นแผ่วๆ แผ่ออกมาจากระบบสร้างออกซิเจนของชุด ชุดสูทนาโนที่เขาใส่อยู่นั้นเป็นชุดที่ทุกคนในยุคปัจจุบันใส่สำหรับออกไปนอกตึกอาคารเพื่อป้องกันฝุ่นและสารพิษตกค้างอันเป็นผลมาจากการระเบิดของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทุกแห่งทั่วโลกขณะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสสารพิษตกค้างนี้ จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านเสื้อผ้าที่ใส่คลุมทั้งตัวซึ่งเป็นชุดที่ทำจากเนื้อผ้าชนิดพิเศษสามารถกันการเกาะติดของฝุ่นและสารพิษได้ อีกทั้งยังมีระบบการสร้างออกซิเจนในตัว โดยที่เนื้อผ้ามีความเบาและใส่ได้คล่องตัว จึงสามารถใส่ได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร

“กรุณาระบุพิกัด” เสียงคอมพิวเตอร์ดังขึ้น

“13.789, 100.505” ทิมบอกด้วยเสียงดังฟังชัด

“กำลังประมวลผล...กำลังดำเนินการขนส่งมวลสาร กรุณาเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางสู่ภายนอก” พอสิ้นเสียงของคอมพิวเตอร์ บรรยากาศโดยรอบของทิมก็หายวับไป รอบตัวของเขามืดสนิทและรู้สึกอึดอัดเหมือนโดนอากาศรอบตัวกดทับเข้ามาอย่างแรง ไม่นานนักก็มีแสงสว่างจ้าบาดตาและแรงกดนั้นก็เลือนหายไป

“สารวัตรครับ ชิ้นส่วนที่ว่าอยู่ตรงกองขยะข้างสุสานครับ” วิกเดินมาหาทิมพลางชี้ไปยังกองขยะที่มีลำแสงเลเซอร์สีแดงไขว้ไปมาเพื่อกั้นบริเวณโดยรอบไม่ให้คนภายนอกเข้า เจ้าของตำแหน่งเรียกเดินไปยังทางเข้าที่มีเครื่องสแกนอยู่ เขาหยิบตราตำรวจออกมาแล้วเอาคิวอาร์โค้ดที่อยู่อีกด้านสแกน แสงเลเซอร์ตรงบริเวณทางเข้าดับ เปิดเป็นทางให้เขาเดินเข้าไปก่อนแสงสีแดงจะกั้นที่เกิดเหตุเหมือนเดิม ทิมก้มลงสำรวจท่อนแขนที่มีสีเทาอมม่วงบริเวณกองขยะ นิ้วชี้และนิ้วกลางกุดเหลือแค่ครึ่งนิ้ว

“ใครเป็นคนเจอชิ้นส่วน” เขาหันมาถามวิกที่ยืนจดๆ จ้องๆ อยู่ด้านหลัง

“เด็กวัดน่ะครับ”

“เก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์ของที่นี่แล้วใช่ไหม”

“ครับ” วิกตอบอย่างกระตือรือร้น

“ดี” ทิมพยักหน้า “อย่างนั้นรีบอัพโหลดข้อมูลของสถานที่เกิดเหตุลงในคลาวด์ของกรมฯ เช็คหมายเลขคดีให้ดีก่อนนะ อย่าใส่ซ้ำเหมือนครั้งที่แล้วล่ะ”

“ได้ครับผม” วิกรับคำอย่างแข็งขันพลางเอาแท็บเล็ตขนาดบางเฉียบสีเทาดำขึ้นมากดป้อนข้อมูล

“เด็กวัดคนนั้นอยู่ไหน” ทิมหันมาถาม วิกชี้ไปยังชายผมสีน้ำเงินที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากทั้งคู่ ทิมคว้าแท็บเล็ตมาจากมือของลูกน้อง เมื่อเขากดปุ่มดูข้อมูล ภาพโฮโลแกรมสามมิติก็ฉายขึ้นมา ชายหนุ่มยกมือกวาดภาพรายละเอียดต่างๆ ของบันทึกที่วิกได้ทำเอาไว้เบื้องต้นและอ่านอย่างคร่าวๆ จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาชายในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม

“คุณแมธทิว คุณเป็นคนเจอชิ้นส่วนนี่ใช่ไหมครับ” ทิมชี้ไปยังท่อนแขนที่กองขยะ

“ใช่ครับ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวล “ผมมาเจอตอนเช้าประมาณ 6 โมงครึ่งครับ” แมธทิวตอบ

“คุณอาศัยอยู่ที่วัดนี้ใช่ไหม” ทิมถามพลางมองเข้าไปในวัด หลังคาอุโบสถมีสีทองอร่ามประดับด้วยเพชรพลอยส่องประกายระยิบระยับล้อกับแสงอาทิตย์

“ใช่ครับ กุฏิด้านในครับ” เขาชี้เข้าไปยังอาคารรูปทรงทันสมัยที่เรียงรายติดๆ กันทางด้านหลังอุโบสถ

“จากข้อมูลเบื้องต้น ขยะตรงนี้มีโดรนมาเก็บล่าสุดเมื่อวานนี้ตอนประมาณ 4 ทุ่ม แล้วช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงครึ่งคุณอยู่ที่ไหนครับ” ทิมถามพลางก้มลงมองแท็บเล็ตในมือว่ายังคงบันทึกข้อมูลอยู่อย่างต่อเนื่อง

“ผมปรนบัติรับใช้พระอาจารย์อยู่ที่กุฏิครับ”

“แล้วในช่วงเวลานั้นคุณได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติแถวนี้ไหม”

“ไม่เลยครับ” แมทธิวตอบ แต่ทิมไม่ได้สนใจฟังมากนัก เนื่องจากเขากำลังมองไปยังรอบๆ บริเวณนั้น และได้เห็นกล้องวงจรปิดที่หันหน้าไปทางกองขยะพอดี

“วิก ประสานงานกับส่วนกลาง ขอภาพจากกล้องวงจรปิดตัวนี้ตั้งแต่เมื่อวานถึงเช้านี้หน่อย” ทิมชี้ไปที่กล้องวงจรปิดตัวที่เขาต้องการ

“ติดต่อไปแล้วครับ แต่ทางนั้นบอกว่าตัวนี้เป็นกล้องดัมมี่ครับ”

“ให้ตายเถอะ” ทิมกุมขมับ ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มที่พบชิ้นส่วนเป็นคนแรก “คุณแมทธิว ขอบคุณมากนะครับ ผมขอข้อมูลของคุณสำหรับติดต่อหน่อยครับ เผื่อทางเราต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม” ทิมดึงแผ่นกระจกสี่เหลี่ยมออกมาจากเครื่องบันทึกแล้วยื่นให้แมทธิว เขาประทับมือลงบนแผ่นนั้น ข้อมูลส่วนตัวอย่างคร่าวๆ ของเขาแสดงบนเครื่องโดยทันที เมื่อเครื่องบันทึกข้อมูลเสร็จเรียบร้อย ทิมพยักหน้าให้แมทธิว ดึงมือของเขาออก ก่อนจะส่งเครื่องคืนให้วิก พลางเอ่ยถามเด็กวัดรายนี้

“ไม่ทราบว่าเครื่องขนส่งมวลสารของที่นี่อยู่ไหนครับ”

“ทางด้านหน้าของวัดครับ แต่ว่าอาจต้องรอสักครู่นะครับเพราะคนใช้ค่อนข้างเยอะทีเดียว” แมทธิวตอบ

“อ้อ ปกติที่วัดมีคนเยอะเป็นประจำเลยหรือครับ”

“ใช่ครับ น่าปลื้มใจนะครับที่แม้จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหน แต่ศาสนาก็ไม่เคยเลือนไปจากหัวใจของคนไทย” แมทธิวเอามือทาบอกพลางพูดด้วยความปลื้มปิติ แสงแวววาวจากเพชรหลายสิบเม็ดที่ประดับอยู่บนหน้าปัดนาฬิกาของเขาสะท้อนกับแสงแดดเหมือนกับมันพยายามเรียกร้องความสนใจจากผู้คนแถวนั้น

“ขอบคุณมากนะครับ” ทิมยิ้มให้ก่อนจะหันไปหาวิก “นายจัดการตรงนี้ต่อให้เรียบร้อยนะ ฉันจะกลับไปจัดการต่อที่สถานี” วิกยกมือทำความเคารพเจ้านายก่อนจะหันไปง่วนอยู่กับการเช็คข้อมูลในเครื่องบันทึก ในขณะที่ทิมเดินไปยังด้านหน้าของวัดพลางจ้องมองคนมากมายที่เข้าออกผ่านประตูวัดและม่านพลังที่สร้างขึ้นครอบคลุมพื้นที่ของทั้งวัดเพื่อกันสารพิษจากภายนอก เขามองไปยังทางเดินที่ลาดยาวสู่ตัวอุโบสถซึ่งประดับตกแต่งด้วยหินหายากหลากสีสัน ต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นภายในวัดก็ล้วนแต่เป็นต้นไม้พันธุ์พิเศษจากต่างประเทศ ที่ด้านข้างของอุโบสถมีภาพโฮโลแกรมของพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาอยู่ ตู้ทำบุญที่ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบวัดต่างมีธนบัตรล้นออกมาจากกล่อง ทิมเดินต่อไปยังเครื่องขนส่งมวลสารสิบเครื่องที่วางเรียงรายอยู่ด้านข้างประตูวัด แม้จะมีเครื่องมากมายขนาดนี้แต่ก็ยังมีคนต่อแถวใช้ยาวเหยียด เขาต้องใช้เวลารอคิวสักพักใหญ่ก่อนจะได้ใช้เครื่อง

“สถานีตำรวจเขต 4” ทิมแจ้งสถานที่กับเครื่อง ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็มาอยู่ที่ห้องรับรองของสถานี เครื่องฆ่าเชื้อภายในห้องปล่อยควันฆ่าเชื้อใส่เขาครู่หนึ่งก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก ทิมพับปกเสื้อลงเพื่อปิดระบบม่านพลังแล้วเดินเข้าไปยังส่วนสำนักงาน

“ไงคะ สารวัตรทิม” หญิงสาวหน้าตาสดใส ผมตรงยาวสีน้ำตาลเข้มในชุดสูทนาโนสีขาวเดินเข้ามาหา

“ไง แก้ว ทำคดี 58015 เสร็จแล้วหรือ” ทิมทักหญิงสาวกลับ

“ใช่ค่ะ เพิ่งปิดไปเมื่อเช้านี้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนเป็นพ่อแม่ถึงได้ทิ้งลูกกันได้ลงคอ” แก้วถอนหายใจ

“ก็เธอโตมาในย่านเมืองเก่า ที่ที่เลี้ยงกันด้วย...อะไรนะ...ราคะ...” ทิมดีดนิ้วพลางนึกคำที่ติดอยู่ที่ปาก

“ความรักค่ะ ฉันบอกไปหลายครั้งแล้วนะคะ” แก้วตอบกลับ

“นั่นแหละ ไอ้สิ่งนั้นคนในเมืองที่ซื้อเด็กมาเลี้ยงดูเพื่อลงทุนแล้วหวังว่าจะทำกำไรให้ในอนาคตน่ะไม่รู้จักหรอก คนอย่างเธอเป็นของหายากเลยนะ ตั้งแต่ฉันทำงานมาก็มีเธอคนเดียวนั่นแหละที่มาจากย่านเมืองเก่า”

“กว่าฉันจะทำใจกับเรื่องพวกนี้ได้ก็ใช้เวลาเป็นปีเลยนะคะ แต่ทำยังไงได้ ย่านเมืองเก่าตอนนี้หางานแทบไม่ได้แล้ว ฉันเลยต้องกระเสือกกระสนเข้ามาทำงานเป็นคนต่างด้าวในเมืองหลวงนี่แหละ แถมต้องมาเจออะไรที่ขัดแย้งกับความเชื่อตัวเองทุกๆ วัน มันไม่ง่ายเลยนะคะ” แก้วยักไหล่

“แต่ก็ทำได้ดีนี่ บอกได้เลยว่าเธอเองเข้าใกล้ความเป็นคนกรุงเต็มทีแล้ว ถ้าอยากย้ายเข้ามาเป็นประชากรที่นี่เมื่อไหร่ก็บอกได้นะ ฉันจะเป็นคนรับรองให้เธอเอง” ทิมตบไหล่ของแก้ว

“นั่นเหมือนเป็นคำสบประมาทฉันเลยนะคะ” แก้วหัวเราะ “ว่าแต่คดีล่าสุดของเมื่อเช้านี้อัพโหลดใส่ดาต้าเบสเสร็จหรือยังคะ ฉันได้รับมอบหมายให้มาช่วยคดีนี้”

“น่าจะเสร็จแล้วนะ ไปที่ห้องจำลองเหตุการณ์กันเถอะ” ทิมและแก้วเดินตัดห้องส่วนสำนักงานเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ ไม่มีหน้าต่างขนาด 30 ตารางเมตร ทิมประทับมือไปยังแผงสี่เหลี่ยมบนผนังใกล้กับประตู

“จำลองสถานที่เกิดเหตุคดี 50823 ปี 2658” ทิมสั่ง

“กำลังโหลดข้อมูล...” เสียงอัตโนมัติตอบมา ไม่นานนักห้องก็มืดลงและมีแสงสว่างขึ้นมาจากพื้น แสงนั้นค่อยๆก่อตัวขึ้นมาเป็นภาพสามมิติของสถานที่เกิดเหตุที่เขาเพิ่งไปมา กองขยะที่มีชิ้นส่วนของแขนค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเป็นรูปร่างที่กลางห้อง ทิมและแก้วเดินเข้าไปยังกองขยะจำลองตรงหน้า

“เมื่อเช้านี้ตอน 6 โมงครึ่งมีเด็กวัดเอาขยะมาทิ้งที่นี่แล้วเจอสุนัขกำลังคุ้ยถุงขยะอยู่ พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เจอสิ่งนี้” ทิมแจ้งรายละเอียดในขณะที่แก้วก้มลงมองท่อนแขนที่อยู่ตรงหน้า เธอแตะไปที่ต้นแขนสองครั้ง ภาพขนาดใหญ่ของบริเวณนั้นก็ฉายขึ้นมา เธอจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์

“บาดแผลเรียบสนิท แสดงว่าถูกตัดด้วยของมีคม ส่วนบาดแผลอื่นๆบนท่อนแขน...” แก้วสัมผัสแต่ละจุดบนท่อนแขนเพื่อขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ “เป็นรอยกัดแทะของสัตว์ รอยนี้น่าจะเป็นรอยฟันของหนู ส่วนนี่เป็นเขี้ยวสุนัข รอยน่าจะเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นาน ตัวแขนเพิ่งเริ่มแสดงอาการเน่าเปื่อย น่าจะถูกตัดออกมาไม่เกิน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา” แก้ววิเคราะห์ “จากการตัดแขนออกมาทั้งท่อนอย่างนี้มีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายต้องการกำจัดชิ้นส่วนของเหยื่อแต่ไม่มีเวลามากพอหรือไม่ก็อาจไม่ใช่การฆาตกรรม”

“ตั้งข้อสังเกตได้ดี ดูที่ตรงนี้” ทิมชี้ไปที่หัวไหล่ “เป็นการตัดแขนที่ข้อต่อของกระดูกซึ่งจะต้องใช้ทักษะทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือแพทย์โดยเฉพาะ และดูที่นี่” ทิมเคาะที่นิ้วมือให้ภาพขยายใหญ่ “นิ้วชี้และนิ้วกลางกุด นิ้วหนึ่งโดนสัตว์กัดแทะไป ส่วนอีกนิ้วเป็นอาการพิการที่อาจเป็นโดยกำเนิดหรืออุบัติเหตุเมื่อนานมาแล้ว เพราะฉะนั้นท่อนแขนนี้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นของที่ใช้งานไม่ได้”

“หมายความว่านี่อาจเป็นคดีอะไหล่มนุษย์หรือคะ” แก้วเบิกตากว้าง

“มีความเป็นไปได้นะ เพราะเนื่องจากมีนิ้วหนึ่งที่ไม่สมบูรณ์ แขนนี้อาจเป็นสินค้ามีตำหนิหรืออาจเป็นส่วนที่ได้รับการเปลี่ยนอะไหล่แล้วก็ได้ คงต้องรอผลการพิสูจน์อื่นๆ จากทางแลปก่อนว่ายังไง” ทิมบอก

“ช่วงหลังนี้มีคดีอะไหล่มนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้คดีทิ้งเด็กเลยนะคะ โลกของเรามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปจากเมื่อก่อนมาก แต่ศีลธรรมในจิตใจกลับเสื่อมถอยจนติดลบ”

“ธุรกิจซื้อขายอะไหล่มนุษย์ก็เหมือนกับเหรียญอีกด้านที่ควบคู่มากับความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสังคมวัตถุนิยมนั่นแหละ คนให้ความสนใจแต่กับรูปลักษณ์ภายนอก รูปร่างหน้าตาต้องสมบูรณ์แบบไม่มีข้อบกพร่อง ทรงผมและเสื้อผ้าต้องนำสมัย ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นแกะดำ เป็นที่ดูหมิ่นดูแคลนของคนในสังคม สังคมที่นับถือแต่เงิน ถ้าร่างกายส่วนไหนสึกหรอ บกพร่องหรือสวยไม่พอก็ใช้เงินซื้อมาเปลี่ยนใหม่ แม้มันจะเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมาย แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังไปใช้บริการเหมือนเป็นเรื่องปกติ รวมถึงศัลยแพทย์ที่แอบผ่าตัดให้เพราะได้เงินมากกว่าการรักษาทั่วไปถึงสิบเท่า ถึงธุรกิจจะโดนปิดไปก็มีเจ้าใหม่ๆ ผุดขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ทั้งหมดอาจฟังดูโหดร้ายสำหรับคนจากย่านเมืองเก่าอย่างเธอ แต่พอถึงจุดหนึ่งเธอก็จะรู้สึกด้านชากับเรื่องพวกนี้ไปเองนั่นแหละ” ทิมตอบ

“เหมือนอย่างสารวัตรหรือคะ” เธอย้อนถามเขา

“ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรอยู่แล้ว เพราะฉันโตมากับเรื่องแบบนี้ ถูกพ่อแม่ขายให้กับคนในเมือง โดนตั้งชื่อจากโปรแกรมสุ่มชื่ออัตโนมัติตามฐานข้อมูลสากล ถูกเลี้ยงให้โตมากับหุ่นยนต์แม่บ้านและโปรแกรมอัตโนมัติ เมื่อโตจนถึงวัยเจริญพันธุ์ก็ถูกส่งทำหมัน นั่นแสดงว่าได้เวลาทำงานหาเงินกลับมาคืนพ่อแม่ เพราะคนในเมืองคิดว่าการเลี้ยงลูกคือการลงทุนอย่างหนึ่งที่หวังผลตอบแทนในระยะยาว แต่ถ้าครอบครัวไหนเกิดเบื่อหรือรู้สึกว่าเลี้ยงไปแล้วไม่คุ้มค่าก็ทิ้งเด็กไป ง่ายๆ อย่างนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่มีความผูกพันอะไร และเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในเมืองทำกัน”

“แต่ตัวสารวัตรเองก็รู้สึกต่อต้านกับเรื่องแบบนี้ใช่ไหมคะ”

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ” ทิมหันไปมองแก้ว

“เพราะการที่สารวัตรเลือกมาทำอาชีพนี้แทนที่จะสืบทอดกิจการของครอบครัว และการที่ไม่ทำผมตามเทรนด์ที่ในเมืองตั้งให้เหมือนกับคนอื่นๆ”

“นั่นเพราะฉันคิดว่าทรงพวกนั้นไม่เหมาะกับหน้าฉันต่างหาก อีกอย่างต้องมานั่งเปลี่ยนทรงผมทุกปีน่าเบื่อออก พอเทรนด์ใหม่มาทีก็ต้องแห่กันไปจองคิวที่ร้านทำผม ทำผมแบบนี้แหละดูแลง่ายดี” สารวัตรตอบแก้วพร้อมรอยยิ้มกวน ก่อนเสียงของวิกจะขัดจังหวะการสนทนาของคนทั้งคู่ เขาเดินเข้ามาแจ้งผลทดสอบที่เพิ่งได้รับมา

“รู้ตัวของเหยื่อแล้วครับสารวัตร ชื่อ จอร์จ พื้นเพอยู่ย่านสลัมที่ชานเมืองครับ”

“โอเค เตรียมข้อมูลให้พร้อมแล้วนายมาเจอฉันและแก้วที่ห้องขนส่งฯ” เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะปิดระบบจำลองและเดินออกจากห้องไปพร้อมกับแก้ว

---------------------

ทั้งสามมาอยู่ในย่านเสื่อมโทรมแห่งหนึ่ง บ้านเรือนที่รายล้อมเป็นอาคารแบบเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรม บ้านหลังเล็กๆ หนึ่งหลังแออัดไปด้วยคนจำนวนมาก ผู้คนที่นี่ใส่ชุดสูทนาโนรุ่นเก่าที่เก็บได้ตามถังขยะ ระบบการทำงานไม่ค่อยมีความเสถียรแล้ว ม่านพลังทำงานได้ไม่เต็มที่ บางคนที่เดินออกมาข้างนอกต้องใช้ถุงพลาสติกคลุมหัวชั่วคราวก่อนจะขึ้นรถยนต์คันเก่าคร่ำคร่าไปยังสถานที่ต่างๆ ทิมมองไปยังป้ายยี่ห้อรถ ‘โคซี่’ อันคุ้นตาที่วิ่งผ่านไปมาบนถนน

“จุดหมายคืออาคารเลขที่ ข3433/2539ย ครับ” วิกชี้ไปยังตึกสีเทาซอมซ่อที่อยู่ข้างหน้า ทิมเดินเข้าไปกดปุ่มตรงทางเข้า ไม่นานนักก็มีเสียงออดดังลั่นและประตูเปิดออก พวกเขาเดินย่ำลงไปในน้ำยาฆ่าเชื้อที่นองพื้นอยู่ ประตูปิดลงก่อนที่ระบบจะปล่อยควันน้ำยาฆ่าเชื้อออกมา เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้วประตูอีกชั้นจึงเปิดออกมาให้เห็นสำนักงานที่มีคนนั่งเบียดเสียดทำงานกันอยู่ภายใน ทิมเดินเข้าไปที่โต๊ะประชาสัมพันธ์แล้วยกตราตำรวจให้ดู

“จากเขต 4 ขอพบคนดูแลที่นี่หน่อย”

“เชิญที่ห้องรับรอง 1 ค่ะ เดินตรงไปทางนั้น” หญิงสาวผมสีแดงอมชมพูเชิดหน้าไปทางด้านขวาของทิมเพื่อบอกทางแล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะเพื่อแจ้งอีกฝ่าย “ตำรวจมาพบ รอที่ห้อง 1 ค่ะ”

ทิมเดินไปยังห้องรับรองพร้อมกับแก้วและวิก ผนังภายในห้องรอบด้านแสดงภาพตัวการ์ตูนเด็กน่ารักน่าชังคลานไปมาพร้อมกับลายหัวใจที่ลอยอย่างเชื่องช้าไปตามมุมต่างๆ ในห้องมีชุดโซฟาขนาดใหญ่วางอยู่พร้อมกับโต๊ะขนาดเล็กตรงกลางซึ่งมีเครื่องอี-แคตตาล็อครูปทรงเหมือนท่อนไม้ขนาดเล็กวางอยู่ มีปุ่มให้กด แก้วลองกดปุ่ม เจ้าเครื่องนั้นแสดงภาพเด็กแบเบาะกำลังนอนหลับสนิท ที่ด้านล่างของภาพมีตัวเลือกให้เลือกว่าเป็นเพศชาย/หญิง ช่วงอายุ ระดับสีผิวและปุ่มสุ่มชื่ออัตโนมัติ

“ที่นี่เป็นสำนักงานซื้อขายเด็กหรือ” แก้วมองไปรอบๆ ห้อง

“ใช่ครับ เป็นเอเจนซี่ขนาดใหญ่ทีเดียวที่ทำการซื้อขายทั้งเด็กและแรงงาน” วิกกวาดมือดูข้อมูลจากแท็บเล็ตที่แสดงภาพขึ้นมาบนอากาศ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายร่างอ้วนผมหน้าม้าตัดเฉียงสไลด์จากซ้ายไปขวาสีน้ำเงินเจิดจ้าเดินเข้ามา

“สวัสดีครับคุณตำรวจ สนใจใช้บริการ ‘อุ้มรัก’ ของเราหรือครับ ผมเจสซี่ยินดีให้บริการ เด็กของเรารับรองว่าได้รับการคัดสรรมาแล้วจากพ่อแม่ที่มีพันธุกรรมชั้นดี เป็นเกรดเอทั้งนั้นเลยครับ อุ๊ย! ผมสวยนำเทรนด์นะครับคุณตำรวจ” ชายร่างอ้วนหันมาชี้ที่วิกซึ่งเชิดหน้าด้วยความภูมิใจ

“เราไม่ได้มาซื้อเด็ก แต่จะมาถามรายละเอียดอะไรหน่อย” แก้วกดปิดอี-แคตตาล็อคแล้วจ้องมองไปยังชายร่างอ้วน ทิมคว้าแท็บเล็ตมาจากมือของวิกแล้วกดแสดงภาพของท่อนแขนที่ถูกทิ้งไว้ที่กองขยะขึ้นมา

“โอ้...” เจสซี่อ้าปากค้าง ดวงตาจ้องมองภาพท่อนแขนขาดที่ลอยละล่องอยู่บนอากาศ “เอ่อ...ทางเราทำแต่ธุรกิจถูกกฎหมายนะครับคุณตำรวจ เราไม่ได้ขายอะไหล่มนุษย์หรอก หากคุณต้องการคงต้องไปที่อื่นแล้วล่ะ” เขาเบือนหน้าหลบภาพอันน่าสยดสยองนั้น

“คุณรู้จักชายคนนี้มั้ย จอร์จ ในฐานข้อมูลระบุว่าเป็นแรงงานในสังกัดคุณ เขามีนิ้วชี้ข้างขวาพิการ” ทิมยกมือกวาดภาพแขนนั้นหลบไปแล้วดึงภาพใบหน้าของชายคนหนึ่ง ผมสั้นหยักศกสีดำ ผิวสีคล้ำ ตาโปน ริมฝีปากใหญ่ ภาพส่วนศีรษะของเขาหมุนไปรอบๆ ตัวเพื่อให้เห็นทุกด้าน เจสซี่เหลือบมามองภาพนั้น

“เอ...เดือนๆ นึงบริษัทเราจำหน่ายแรงงานออกไปมากมายหลายชีวิต จำกันไม่หวาดไม่ไหวหรอกครับ” เจสซี่ถูมือไปมา ท่าทีหวาดวิตก

“คุณเจสซี่ คุณรู้ใช่ไหมคะว่า หากคุณจงใจปิดบังข้อมูลกับทางการ เราสามารถเอาผิดคุณได้ รวมไปถึงสามารถสั่งปิดกิจการของคุณชั่วคราว... จะเป็นยังไงนะถ้าบริษัทของคุณโดนปิด แม้จะแค่ชั่วคราวแต่ก็เสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าไปไม่น้อย อีกทั้งยังคู่แข่งอีก...” แก้วจ้องมองไปยังเจสซี่ด้วยสายตาดุดันพลางพูดด้วยเสียงที่เฉียบขาด “ถ้าคุณให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเรา บางทีเราอาจมองข้ามเรื่องความลับเล็กๆ ของคุณไปได้บ้าง เช่น...” แก้วแสยะยิ้ม “การลอยแพแรงงานที่พบความพิการ เป็นต้น” เจสซี่เบิกตากว้าง เหงื่อไหลจนเปียกชุ่ม

---------------------

ทิมเดินออกมายังถนนด้านนอกของตึกพร้อมกับแก้วและวิก

“ทำได้ดีนะแก้ว จี้จุดอ่อนตรงจุดเลย” ทิมพูดชม แก้วยิ้มรับคำชม ก่อนที่สารวัตรใหญ่จะหันไปสั่งวิก “วิก สรุปข้อมูลมาอีกที ฉันฟังไม่ออกเพราะหมอนั่นพูดไปร้องไห้ไป”

“ครับ เจสซี่ให้ข้อมูลมาว่าเขาปลดจอร์จออกจากรายชื่อแรงงานเมื่อสามเดือนก่อนเพราะเขามีความพิการจากอุบัติเหตุเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทำให้กลายเป็นแรงงานที่ไม่มีคนซื้อ ในคราวนั้นเขาปลดแรงงานที่มีความพิการไปเป็นจำนวน 20 คนครับ” วิกกวาดมือดูข้อมูลที่แสดงผลอยู่ตรงหน้าอย่างคล่องแคล่ว

“แสดงว่าหลังจากนั้นจอร์จคงต้องกลายเป็นแรงงานเร่ร่อน ไม่มีบริษัทจัดหางานที่ไหนรับเพราะมีความพิการ จนสุดท้ายต้องลงเอยด้วยการเป็นอะไหล่มนุษย์หรือ” ทิมครุ่นคิด

“ถึงไม่มีนิ้วชี้ก็ยังสามารถทำงานได้หลายๆ อย่างนะคะ ทำไมบริษัทต่างๆ ถึงไม่รับไปก็ไม่รู้” แก้วบ่น

“ไม่ใช่สำหรับเมืองที่ต้องการความสมบูรณ์แบบอย่างนี้หรอก ทุกอย่างถูกซื้อด้วยเงินเพราะฉะนั้นผู้ซื้อจะต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง” ทิมพูดเสียงเรียบ “เรามีข้อมูลอื่นของเขาอีกมั้ย วิก”

“ไม่มีแล้วครับ เขาบอกว่าพอปลดแรงงานออกก็ไม่ได้ติดต่ออะไรอีก” วิกมองข้อมูลที่วิ่งไปมาตรงหน้า ทิมหันไปมองที่ด้านหน้าของตึกและมองไปยังถนนบริเวณนั้น

“มีกล้องวงจรปิดอยู่ที่หน้าตึกและที่มุมถนน นายไปขอคลิปย้อนหลังมา หวังว่าคงไม่ใช่กล้องดัมมี่อีกนะ” ทิมชี้ไปที่กล้องวงจรปิดจุดต่างๆ บนถนนที่เขาเห็น

“รับทราบครับผม” วิกตอบรับ

---------------------

ทิมกำลังนั่งทบทวนรายละเอียดที่พลาดไปบนแว่นตาสมาร์ทเลนส์ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

“ปี๊บ” เสียงจากเครื่องโทรศัพท์รูปทรงเหมือนกริ่งบนโต๊ะดังขึ้น ทิมกดปุ่มรับ เกิดเป็นภาพใบหน้าของแก้วลอยขึ้นมา

“ว่าไง” ทิมถาม

“ฉันดูคลิปจากกล้องวงจรปิดรวมไปถึงสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว สารวัตรช่วยมาเจอที่ห้องจำลองเหตุการณ์หน่อยค่ะ” แก้วพูด

“โอเค” ทิมกดปิดแล้วถอดแว่นออก จากนั้นก็เดินไปยังห้องจำลองเหตุการณ์ซึ่งแก้วรออยู่ข้างในแล้ว เธอกำลังดูคลิปวิดีโออยู่เมื่อเขาเดินเข้าไปหา

“สารวัตรคะ จากกล้องวงจรปิดเห็นจอร์จครั้งสุดท้ายคือเมื่อสามวันก่อน เขาเข้ามาที่บริษัทของเจสซี่อย่างไม่ทราบสาเหตุ สักพักก็ออกไปขึ้นรถ ‘โคซี่’ ไม่มีหมายเลขทะเบียน มุ่งหน้าไปยังโกดังแห่งหนึ่งแถวเขต 13 แล้วไม่เห็นตัวอีก” แก้วรายงาน

“รู้ไหมว่าเจ้าของโกดังเป็นใคร” ทิมถาม

“ตรวจสอบไปแล้ว เจ้าของเป็นเครือญาติของผู้กำกับพอลค่ะ เราเลยไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้” แก้วดึงคลิปวิดีโอที่มีจอร์จเดินออกมาจากหน้าตึกของเจสซี่และภาพจากมุมอื่นๆ ที่เห็นรถวิ่งไปตามทางแล้วหยุดอยู่ที่หน้าโกดัง น้ำเสียงของเธอมีความหนักใจ และมันก็แสดงออกมาทางสีหน้าด้วยเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเจสซี่ต้องรู้เรื่องนี้แน่” ทิมจ้องมองคลิปที่ฉายวนลูปอีกครั้งอย่างครุ่นคิด

---------------------

ทิมเดินเข้าไปในอาคารสำนักงานของเจสซี่พร้อมกับแก้ว เขาเดินเข้าไปหาหญิงสาวผมสีแดงอมชมพู

“เรียกเจสซี่ออกมาเดี๋ยวนี้” ทิมออกคำสั่ง

“เขายังไม่ว่างค่ะ ติดคุยกับลูกค้าอยู่” หญิงสาวใส่แว่นสมาร์ทเลนส์ดูรูปภาพของตัวเองในโซเชียลเน็ตเวิร์คอยู่ ทิมหันไปมองที่ห้องรับรองเห็นว่าห้องหมายเลข 2 ปิดประตูอยู่จึงเดินปรี่เข้าไปทันที

“เดี๋ยวคุณ เข้าไปไม่ได้นะ” เธอดึงแว่นตาออกพลางวิ่งตามทิมไป เขาเดินไปกระชากประตูห้องหมายเลข 2 ออกอย่างแรง แต่สิ่งที่เขาเห็นข้างในกลับทำให้เขาชะงักอยู่กับที่ เจสซี่นั่งคุยอยู่กับชายร่างใหญ่ ผิวคล้ำ ผมสีแดงเข้มรวบเป็นผมม้าที่ด้านหลัง ที่หัวด้านขวาไถเกรียนเป็นลายริ้วอย่างประณีต ชายผู้นั้นหันมามองทิม

“สารวัตรทิม มาทำอะไรหรือ” เขาถามด้วยเสียงเรียบขรึม

“ผู้กำกับพอล” ทิมยืนตรงและยกมือทำความเคารพพอล “ผมมาเพื่อสอบสวนคดี 50823 ครับ”

“อ้อ เจสซี่บอกรายละเอียดผมหมดแล้ว ผมดูที่นี่แล้วไม่มีอะไรผิดปกติ คุณไปจัดการเรื่องอื่นต่อเถอะ” พอลตอบพลางลุกขึ้นยืน เจสซี่รีบกุลีกุจอลุกจากที่นั่งเข้ามายืนประจบสอพลอไม่ห่าง

“แต่ว่า...” ทิมแย้ง

“นี่คือคำสั่ง เลิกยุ่งกับที่นี่ซะ” พอลพูดเสียงเข้มดังกังวาลไปทั่วห้อง

“รับทราบครับผู้กำกับ” ทิมเคารพพอลก่อนจะเดินออกจากตึกไป

“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีคะสารวัตร” แก้วถามเมื่อทั้งสองคนออกมาจากตึกแล้ว

“ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล พอจะรู้จักคนที่แฮคข้อมูลเป็นไหม” ทิมหันมามองแก้ว

“ค่ะ เป็นคนใกล้ตัวทีเดียว” แก้วฉีกยิ้มให้ทิม

---------------------

“ทำแบบนี้ผมจะไม่มีปัญหาทีหลังใช่ไหมครับ” วิกบ่นออดแอดขณะกำลังนั่งเคาะคีย์บอร์ดเสมือนจริงอยู่ที่โต๊ะของทิมยามดึกคืนนั้น

“ตอบไม่ได้ แต่ถ้านายไม่ทำตอนนี้มีปัญหาแน่” ทิมขู่

“เจาะเข้าข้อมูลทางการเงินของเจ้าของที่ซื้อขายเด็กนั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าเจาะข้อมูลของผู้กำกับนี่มัน...”

“หุบปากแล้วทำไปซะ!” ทิมตบหลังของวิกเสียงดังลั่นจนผมม้าของเขากระดกเสียทรง เขารีบยกมือขึ้นมาลูบผมให้เรียบร้อยก่อนเอานิ้วรัวคีย์บอร์ดต่อ ไม่นาน สิ่งที่วิกบอกก็ทำให้ทิมต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“ได้แล้วครับ ข้อมูลการเงินของเจสซี่ในระยะสามปีที่ผ่านมา” วิกตอบพลางกดปุ่มเล็กๆ ที่ดั้งแว่นเพื่อให้มันฉายภาพออกมาด้านนอก ทิมก้มมองรายการยาวเหยียด มีเงินเข้ามาในบัญชีเป็นจำนวนมหาศาล

“หาซิว่ามีหมายเลขบัญชีไหนที่มีการโอนเงินเข้ามาบัญชีของเจสซี่บ่อยๆ หรือเขามีโอนไปที่ไหนบ่อยๆ บ้าง” ทิมสั่ง วิกกดคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว ตัวเลขมากมายไหลไปมาจนสุดท้ายเหลืออยู่ไม่กี่บรรทัดบนหน้าจอ

“มีหมายเลขบัญชีสองอันที่เจสซี่จะโอนเงินเข้าไปเป็นประจำทุกๆ เดือนครับด้วยจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นทุกปี และมีหมายเลขบัญชีอีกอันที่โอนเงินมาทีละจำนวนมาก และวันล่าสุดที่โอนเข้ามาคือวันก่อนที่จอร์จจะหายตัวไปครับ” วิกรายงาน

“ดูที่บัญชีของผู้กำกับว่าใช่เลขบัญชีเดียวกับที่เจสซี่โอนเงินเข้าไปหรือเปล่า” ทิมกวาดตามองหน้าจอที่แสดงอยู่ข้างหน้าพร้อมกับแก้ว

“ตรงกันครับ อีกทั้งหมายเลขบัญชีที่โอนเงินก้อนใหญ่ให้เจสซี่ยังโอนเงินเข้าบัญชีของผู้กำกับทุกเดือนเหมือนกันด้วยครับ” วิกร้องบอกอย่างตื่นเต้น

“ถ้าให้เดานะ อีกบัญชีที่เจสซี่โอนให้คือบัญชีของรองผู้กำกับชาร์ลี เจสซี่โละกลุ่มแรงงานพิการออกจากรายชื่อ ปล่อยพวกนั้นลอยแพไปสักพัก แล้วก็หลอกเรียกตัวพวกนั้นเข้ามาเพื่อจับขายเป็นอะไหล่มนุษย์ให้กับองค์กรใต้ดินเพื่อถอนทุนคืน และบัญชีที่โอนเงินให้เจสซี่ก็คือพวกรับซื้ออะไหล่มนุษย์” ทิมสรุปอย่างรวดเร็ว

“อีกสองบัญชีผมคงต้องใช้เวลาตามหาต้นตอหน่อยนะครับ” วิกตอบ

“ฝากด้วยนะวิก แก้ว เธอเอาข้อมูลทั้งหมดนี่ส่งไปยังส่วนกลางด่วนที่สุด ทำเรื่องขออายัดบัญชีของผู้กำกับและเจสซี่ สั่งปิดกิจการของเจสซี่เพื่อทำการสอบสวน รีบโทรไปหาผบ.ตอนนี้เลย” ทิมสั่ง แก้วพยักหน้าก่อนจะคว้าเครื่องโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินไปโทรที่อีกห้องหนึ่ง

“ได้แล้วครับ สารวัตร อีกบัญชีเป็นของรองผู้กำกับ และบัญชีที่ต้องสงสัยว่าซื้ออะไหล่มนุษย์...” ทิมก้มลงมองข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า

“แจ้งอายัดบัญชีของรองผู้กำกับด้วย และให้แก้วแจ้งเรื่องนี้กับผบ. ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง ขอบใจมาก” ทิมตบบ่าของวิก

---------------------

เช้าวันต่อ ทิมเดินทางมาที่บริษัท ‘โคซี่’ ซึ่งผลิตรถตามออเดอร์จากเครื่องพิมพ์ 3 มิติ บริษัทก่อตั้งมายาวนานหลายสิบปีแล้ว แม้ช่วงหลังคนในเมืองจะไม่ใช้รถและหันไปใช้เครื่องขนส่งมวลสารแทน แต่บริษัทก็ยังพอประคองตัวอยู่ได้จากยอดขายเล็กๆ น้อยๆ ที่ได้จากย่านเมืองเก่าและย่านสลัม ทิมเดินเข้าไปยังห้องผู้บริหารที่อยู่ด้านในของตึก ชายแก่ร่างเล็กนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองทิมแล้วยิ้มให้

“ว่าไง ทิม” ใบหน้าใจดีของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ทิมเดินไปที่โต๊ะแล้วดึงแท็บเล็ตออกมา กดแสดงข้อมูลการโอนเงินของบัญชีบริษัทให้ชายแก่ดู

“เพราะอย่างนี้ใช่ไหม พ่อถึงยังเปิดบริษัทนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ ทั้งๆ ที่ปีหนึ่งมีออเดอร์มาแค่สองสามครั้ง พ่อทำมานานแค่ไหนแล้ว” ทิมตะโกนใส่ชายแก่ เขานั่งกุมมืออยู่บนโต๊ะ จ้องมองข้อมูลตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ฉันเองก็ไม่เคยเห็นด้วยอยู่แล้วที่แกเลือกมาเป็นตำรวจแทนที่จะมาช่วยกิจการของครอบครัวเรา แล้วมันก็มีวันนี้จนได้” เขาตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เลิกซะ ตอนนี้ผู้กำกับและรองผู้กำกับถูกให้ออกจากราชการแล้ว และผมก็เป็นว่าที่ผู้กำกับคนใหม่ของเขต 4 พ่อก็รู้ว่าผมไม่ปล่อยเรื่องแบบนี้เอาไว้แน่” ทิมจ้องชายแก่เขม็ง

“แกแน่ใจหรือว่าอยากจะยกเลิกมันน่ะ ลืมอะไรไปหรือเปล่าไอ้หนู แกก็โตขึ้นมาจากเงินพวกนี้ ข้าวทุกมื้อ ของใช้ทุกชิ้นของแกล้วนมาจากเงินของการซื้อขายอะไหล่มนุษย์ที่แกเกลียดนักเกลียดหนา ถ้าไม่เป็นเพราะฉันลงทุนซื้อแกมาจากย่านสลัมนั่น ป่านนี้แกคงกลายเป็นพวกแรงงานทาสหรือไม่ก็เป็นหนึ่งในอะไหล่ที่พวกเราซื้อขายกันอยู่ไปแล้ว รู้จักบุญคุณกันหน่อยสิ ไอ้ลูกชาย” พ่อของทิมจ้องมองกลับมาด้วยสายตาดุดันราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อครู่นี้ “ฉันจะเลิกก็ได้นะ แต่ฉันขอสาบานเลยว่าแกจะไม่ได้เงินจากฉันสักแดงเดียว งานราชการอย่างแกก็คงไม่พอยาไส้หรอก แล้วแกจะต้องย้ายออกจากเมืองศิวิไลซ์ไปอยู่ในย่านสลัม และลงเอยด้วยการเป็นอะไหล่ให้กับเจ้าอื่นๆ ที่ซื้อขายอะไหล่มนุษย์กัน แต่บอกไว้เลยนะว่ารูปร่างและผิวพรรณอย่างแกน่าจะมีคนต้องการชิ้นส่วนเยอะเชียวล่ะ” ชายแก่จ้องมองทิมกลับอย่างไม่เกรงกลัว ทิมกำหมัด กัดฟันแน่น

“ถ้าหากพ่อยืนยันอย่างนั้น ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งปิดโรงงานที่นี่และอายัดทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเราเสีย” เขาบอกเสียงกร้าว

ชายแก่ยิ้มเยาะให้ทิม จ้องเขาด้วยสายตาท้าทาย ทิมจ้องมองพ่อตัวเองกลับไปด้วยสายตาที่เย็นชา

---------------------

ทิมกลับมายังสถานีและเดินไปยังที่นั่งของตัวเอง แก้วเดินมาหาเขา

“เป็นยังไงบ้างคะ สารวัตร” แก้วมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง “ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วย...”

“ไม่ต้องหรอกแก้ว ขอบคุณนะ” ทิมพยักหน้าให้

“แล้วจะให้แจ้งปิดกิจการ ‘โคซี่’ เลยไหมคะ” แก้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมโทร

“ไม่ต้อง” ทิมตอบกลับเสียงห้วน

“เอ๊ะ! อะไรนะคะ” แก้วมองทิมด้วยสายตางุนงง ทิมหลับตานึกถึงการพูดคุยที่โรงงานรถเมื่อเช้านี้

“ถ้าหากพ่อยืนยันอย่างนั้น ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสั่งปิดโรงงานที่นี่และอายัดทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเรา” ทิมหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมาอย่างไตร่ตรองแล้ว “หรือไม่อย่างนั้น...เอาเงินที่พ่อเคยจ่ายให้กับผู้กำกับและรองผู้กำกับในแต่ละเดือนมาจ่ายให้ผม แล้วผมจะจัดการเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้พ่อ” ชายแก่มองทิมอย่างพิจารณาเมื่อได้ฟังประโยคนั้น ก่อนจะหัวเราะดังลั่นด้วยความสาสมใจ

“เดาไว้ไม่มีผิด ฉันรู้จักแกดี แกมันเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานเสมอ... ตกลงตามนั้น”

“ฉันเคลียร์เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปไม่ต้องยุ่งกับโคซี่อีก” ทิมตอบ

“สารวัตรคะ ทำไม...”

“ต่อไปเรียกฉันว่าผู้กำกับด้วย คดีนี้ที่เหลือฉันจัดการเอง ส่วนเธอได้รับมอบหมายงานใหม่ให้เป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนที่เขต 14” ทิมลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินไปยังห้องประจำตำแหน่งใหม่

“นี่คุณลดตำแหน่งฉันแล้วย้ายฉันไปอยู่ย่านสลัมหรอ คุณจะดำเนินรอยตามคนเก่าๆ ที่ออกไปแล้วหรือคะ ทำไมถึงทำอย่างนี้ล่ะ เพื่อเงินหรอ ฉันเคยชื่นชมคุณมาตลอดนะคะ อุดมคติในการทำสิ่งที่ถูกต้องของคุณไปไหนหมด ฉันคิดว่าคุณน่าจะทำเรื่องที่ถูกต้องมากกว่านี้นะ” แก้วสาวเท้าตามทิมมา เธอเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงผิดหวัง สีหน้าของเธอยิ่งบ่งบอกว่าเธอเสียใจกับสิ่งที่ได้ยินมากเพียงใด ไม่ใช่เรื่องการถูกลดตำแหน่งและต้องย้ายไปอยู่ย่านสลัม แต่คำพูดที่คล้ายว่าเรื่องทั้งหมดคลี่คลายได้ด้วยการแก้ปัญหาแบบเดิมๆ จากคนที่เธอเชื่อว่าเขาต่างจากคนอื่นๆ จนเธอไว้ใจ มันทำให้โลกที่เธอเคยมองเห็นด้านดีๆ ได้พังทลายลงต่อหน้าต่อตา

“อย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับอุดมคติอันฝันเฟื่องของคุณเลย เรื่องความถูกต้องอะไรนั่นมันก็เป็นแค่คำๆ หนึ่งในพจนานุกรมที่สมัยนี้ไม่มีใครเอามาใช้แล้ว ในเมื่อผมเกิดมาเพื่อเงิน ถูกเลี้ยงดูเพื่อเงิน อาศัยอยู่ในสังคมที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน ถ้าหากความถูกต้องคือการยืนหยัดในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงแล้วทำให้ตัวเองต้องลำบาก ดังนั้นจะไม่ให้ผมทำเพื่อเงินได้อย่างไรล่ะ” ทิมปรายตามองแก้วอย่างไร้ความรู้สึกก่อนที่จะเดินจากไป.

 

+++ จบ ++++

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว